กลอนความรัก กลอนรัก กลอนคิดถึง กลอนเพื่อน กลอนสุนทรภู่ นิราศสุนทรภู่ 2
กลอนสุนทรภู่ นิราศสุนทรภู่
๏ โอ้อกเอ๋ยเคยอุ่นละมุนละม่อม เคยโอบอ้อมอ่อนตามไม่ห้ามหวง ยังเคลิ้มเคล้นเช่นปทุมกระพุ่มพวง เคยแนบทรวงไสยาสน์ไม่คลาดคลาย
จนเคลิ้มองค์หลงเชยเขนยหนุน ถนอมอุ่นแอบประโลมว่าโฉมฉาย ครั้นรู้สึกดึกดื่นสะอื้นอาย แสนเสียดายสุดจะดิ้นสิ้นชีวัน
เห็นสิ่งของน้องนุชยิ่งสุดเศร้า พระทัยเฝ้าเคลิ้มไคล้ดังใฝ่ฝัน ยิ่งรำลึกตรึกตรายิ่งจาบัลย์ สุดจะกลั้นรีบออกนอกบรรพตฯ
๏ พินิจจันทร์วันเพ็งขึ้นเปล่งแสง กระจ่างแจ้งแจ่มวงทั้งทรงกลด สี่พี่เลี้ยงเคียงพร้อมน้อมประณต พระเลี้ยวลดแลแสวงดูแสงเดือน
ดูเก๋งก่อต่อเตาเห็นเงาคล้าย เขม้นหมายมุ่งไปก็ไม่เหมือน เห็นเงาไม้ไหวหวั่นให้ฟั่นเฟือน จนเดือนเคลื่อนคล้อยฟ้าให้อาวรณ์
เห็นสระศรีที่เคยมาประพาส ระดะดาษดอกดวงบัวหลวงสลอน ลมรำเพยเชยชายกระจายจร หอมเกสรเสาวคนธ์ที่หล่นโรยฯ
๏ โอ้รินรินกลิ่นบุหงาสะตาหมัน เหมือนกลิ่นจันทน์เจือนวลให้หวนโหย หอมยี่หุบสุกรมดอกยมโดย พระพายโชยเฉื่อยชื่นยืนตะลึง
โอ้ที่นี่ศีลาเคยมานั่ง เห็นบัลลังก์แล้วยิ่งนึกรำลึกถึง ดูเงื้อมเขาเงาไม้พระไทรซึ้ง เสียงหึ่งหึ่งผึ้งรวงเฝ้าหวงรัง
จังหรีดหริ่งกิ่งไทรเรไรร้อง แว่วว่าน้องนึกเสียวพระเหลียวหลัง เห็นน้ำพุดุดั้นตรงบัลลังก์ เคยมานั่งสรงชลที่บนเตียง
เจ้าสรงด้วยช่วยพี่สีขนอง แต่น้ำต้องถูกนิดก็หวีดเสียง โอ้รื่นรื่นชื่นเชยที่เคยเคียง พระทรวงเพียงเผ่าร้อนถอนฤทัย
ทุกเงื้อมเขาเหงาเงียบเซียบสงัด ใบไม้กวัดแกว่งกิ่งประวิงไหว ยะเยือกเย็นเส้นหญ้าพนาลัย ยิ่งเยือกในทรวงช้ำระยำเย็น
เที่ยวรอบสระปทุมาสะตาหมัน เคยเห็นขวัญเนตรที่ไหนก็ไม่เห็น ชลนัยน์ไหลซกตกกระเซ็น ยิ่งเยือกเย็นหยุดยืนกลืนน้ำตา
จนดึกดื่นรื่นรินกลิ่นกุหลาบ ตะลึงเหลียวเสียวซาบอาบนาสา เหมือนปรางทองน้องนุชบุษบา หรือกลับมายืนแฝงอยู่แห่งใด
เที่ยวดูดาวเปล่าเปลี่ยวเสียวสะดุ้ง จนจวนรุ่งรางรางสว่างไสว หนาวน้ำค้างพร่างพรมพนมไพร ดวงดอกไม้บานแบ่งรับแสงทอง
หอมมณฑาสารภีดอกยี่หุบ บ้างร่วงหรุบถูกอุระพระขนอง ภุมรินบินว่อนมาร่อนร้อง อาบละอองเกสรขจรจายฯ
๏ จนแจ่มแจ้งแสงสว่างนภางค์พื้น ถอนสะอื้นอาลัยพระทัยหาย ดูเวหาว่าแสนแค้นพระพาย ไม่พาสายสวาทคืนมาชื่นใจ
จำจะตามทรามชมทางลมพัด เผื่อจะพลัดตกลงที่ตรงไหน ดำริพลางทางสะท้อนถอนฤทัย ให้เตรียมพลสกลไกรจะไคลคลา
จึงแปลงนามตามกันเป็นปันจุเหร็จ จะเที่ยวเตร็ดเตร่ในไพรพฤกษา พลางอุ้มองค์ยาหยีวิยะดา ขึ้นรถแก้วแววฟ้าแล้วพาไปฯ
๏ พระเหลียวดูภูผาสะตาหมัน ที่สำคัญคูหาเคยอาศัย จะแลลับนับปีแต่นี้ไป จะมิได้มาเห็นเหมือนเช่นเคย
เสียแรงแต่งแปลงสร้างจะร้างเริด ค่อยอยู่เถิดแผ่นผาคูหาเอ๋ย โอ้มิ่งไม้ไพรพนมเคยชมเชย จะแลเลยลับแล้วทุกแนวเนินฯ
Create Date : 13 มกราคม 2553 |
Last Update : 14 มกราคม 2553 8:44:27 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1647 Pageviews. |
|
|
|
|
|