To sooth my soul
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
5 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 
Sooth

Sooth

ก่อนอื่นผมขอออกตัวว่าผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์หรือศาสนาแต่อย่างใดและไม่คิดชักจูงให้ใครต้องคิดแบบผม ผมจึงไม่ขอจัดบล็อกนี้ไว้ในหมวดศาสนาแต่ขอเอาไว้ในหมวดจิปาถะเพื่อเล่าเรื่องราวของผมเองเท่านั้น ด้วยหวังว่าหากผู้ใดผ่านมาอ่านก็จะสามารถแก้ความเบื่อความเซ็งในชีวิตหรือฆ่าเวลาว่างไปพลางๆได้

“เพื่อนของคุณนับถือศาสนาอะไร”นี่เป็นคำถามของผู้ชมชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ได้ชมภาพยนตร์สั้นของผมและเพื่อน ภาพยนตร์สั้นเรื่องที่ว่ามีชื่อเรื่องว่า Sooth ซึ่งได้รับรางวัลรองชนะเลิศ ประเภทบุคคลทั่วไป ในงานประกวดภาพยนตร์สั้นครั้งที่แปดที่จัดโดยมูลนิธิหนังไทย เมื่อปี พ.ศ. 2547

เนื้อเรื่องเป็นการปะติดปะต่อความทรงจำและความรู้สึกในช่วงที่ผมถูกกักตัวไว้บำบัดรักษาในแผนกจิตเวชเมื่อสมัยตอนที่อยู่สหรัฐอเมริกาผสมรวมกับแนวคิดและทัศนคติที่ได้หลังจากการผ่านเหตุการณ์นั้นมาแล้ว ที่มาที่ไปของการถูกกักตัวนั้นท่านสามารถติดตามได้จากบล็อกก่อนหน้านี้ ซึ่งเวลานั้นเป็นช่วงวิกฤตที่สุดในชีวิตของผมก็ว่าได้

ผมเองเป็นนักวิทยาศาสตร์ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยสัมผัสเรื่องเหนือธรรมชาติเลยแม้แต่ครั้งเดียว ผมเชื่อในสิ่งที่อธิบายได้ด้วยเหตุผล ผมจึงให้น้ำหนักกับเรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติน้อยมาก สำหรับผมสิ่งมีชีวิตก็เป็นแค่องค์ประกอบของมวลสารและพลังงานที่เคลื่อนไหวสอดคล้องไปตามกฏเกณฑ์ของธรรมชาติ ไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่านั้น หนังสือพุทธศาสนาเล่มบางๆที่เคยเรียนก็เป็นดังปรัชญาในการใช้ชีวิตที่กระทรวงศึกษาธิการนำมาให้เรียนแค่นั้น แต่เพราะวิกฤตชีวิตดังกล่าวทำให้ทัศนคติที่ผมมีต่อศาสนาเปลี่ยนไปมากๆ ผมได้คุยเรื่องนี้กับเพื่อนซึ่งเป็นผู้กำกับพวกเราเห็นพ้องกันว่าน่าจะลองให้ผมเล่าเรื่องนี้ผ่านแผ่นฟิล์มได้ ความยาวของภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้ยาวประมาณยี่สิบสี่นาที ผู้ชมบางท่านบอกว่าดูไม่รู้เรื่อง ดูแล้วเข้าใจยาก นั่นเป็นความจริงครับ เพราะขนาดเพื่อนผู้กำกับของผมเองในทีแรกยังไม่ค่อยเข้าใจเนื้อหาของมันเลย

ในตอนนี้ผมไม่มีแผ่นหนังอยู่ในครอบครองแล้วเพราะเที่ยวแจกคนโน้นคนนี้ไปหมด ไม่ได้เก็บไว้เป็นที่ระลึกของตนเองแต่อย่างใด แต่ผมจะเล่าเรื่องให้ฟังคร่าวๆก็แล้วกันนะครับ

ตัวหนังเริ่มเรื่องด้วยการแสดงภาพของสมุดที่ระลึกในวันจบการศึกษามัธยมปลายของเพื่อนผู้กำกับของผม ผมเขียนข้อความกล่าวถึงมิตรภาพของพวกเราที่มีต่อกันในภาษาภาพที่ไม่เคยมีใครบัญญัติขึ้นมาก่อนในโลก เป็นนัยว่าให้เขาไปตีความเอาเองว่าผมเขียนอะไรมีความหมายอย่างไร ในทำนองเดียวกับการตีความอักษรเฮียโรกลิฟฟิคอย่างใดอย่างนั้นผมจำได้ว่าตอนนั้นเขายังด่าผมเลยว่า “เมิงเขียนอะไรฟะตูอ่านแล้วไม่เข้าใจ” (ขอภัยที่หยาบคายครับ)

ช่วงต้นเรื่องเราต้องการสื่อความหมายว่าหลังจบมัธยม ผมและเขาได้แยกกันไปศึกษาในมหาวิทยาลัยที่ต่างกัน ต่างคนต่างเรียนไม่ค่อยได้ติดต่อกันไปนานหลายปี จนแทบจะลืมชื่อนามสกุลกันไปเลยทีเดียว

ช่วงถัดมาภาพยนตร์ก็ตัดเข้าสู่บรรยากาศงานเลี้ยงรุ่นของเรา ผมและเพื่อนๆได้พบกันอีกครั้งและก็เริ่มเล่าเรื่องวิกฤตชีวิตในสมัยตอนอยู่อเมริกาให้ฟัง โดยยกภาพเครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเต้อร์เข้ามาประกอบ ซึ่งเป็นช่วงที่ผมอยู่ในอเมริกาพอดิบพอดี ตามด้วยภาพตอนกลางคืนที่สุนัขตัวหนึ่งกำลังเห่าไล่อะไรบางอย่าง ช่วงนี้ลำดับภาพจะเปะปะไปสักหน่อยระหว่างนั้นผมก็เล่าเรื่องความทุกข์ของผมในการใช้ชีวิตที่อเมริกาไปด้วย ผมเองก็ไม่ได้บอกให้เขาแก้ไขอะไร เพราะดูแล้วให้ความรู้สึกมึนๆงงๆสับสนดีแล้วการเล่าเรื่องช่วงนี้ก็จบลงด้วยคำว่า“คอเคเซียน” น้ำเสียงผมฟังคล้ายกับการตักเตือนเจือปนด้วยการดุนิดหน่อย แล้วก็ลำดับภาพมาเรื่อยๆที่รูปปั้นของเทพเจ้าจีนหลายๆองค์ที่ทำแบบนี้เพราะผมต้องการจะสื่อถึงความเป็นพุทธฝ่ายมหายาน จากนั้นก็ไล่ภาพกลับมาที่พระพุทธรูปซึ่งเป็นตัวแทนของพุทธฝ่ายเถรวาท ผมทำอย่างนี้ประกอบการเล่าเรื่องที่ผมนั่งสมาธิแล้วเกิดอาการแปลกๆที่หาคำอธิบายไม่ถูกในตอนนั้น ต่อมาก็ไล่ภาพมาที่รูปของพระคริสต์กับฝูงแกะของน้องชาย พร้อมกับเอ่ยคำว่า “เมซิอาห์”ครั้งหนึ่งเป็นเชิงเรียกหา (เท่าที่จำได้นะครับ แต่อาจผิดลำดับไปบ้างเพราะไม่ได้ดูซ้ำมานานแล้ว) ในตอนนั้นผมนึกถึงสิ่งเหล่านี้จริงๆเข้าทำนองที่ว่าไม่จนตรอกไม่นึกถึงพระถึงเจ้าก็ว่าได้ ประมาณว่าใครก็ได้ช่วยตูทีอะไรเกิดขึ้นกับตูเนี่ยผีเข้าหรือกระไรกันแน่

เมื่อจบการบรรยายเหตุการณ์ก็ตัดภาพกลับมาที่งานเลี้ยงรุ่นของผมที่เมืองไทยอีกครั้ง งานเลี้ยงรุ่นจบลงพร้อมกับคำทิ้งท้ายของผม

“มนุษย์เป็นเพียงเศษธุลีเล็กๆเมื่อเทียบกับจักรวาลเราไม่สามารถปรับเปลี่ยนวิถีการโคจรของโลกหรือจักรวาลได้แต่เราเลือกได้ที่จะเดินไปในทิศทางที่เราต้องการ”

จำได้ว่าSoothแปลว่าความจริง หรือ คำสารภาพ ซึ่งนั่นเป็นคำพ้องเสียงกับ คำว่าสุทธ์ ที่เป็นภาษาบาลี แปลว่า สะอาด, ล้วน, แท้

หากท่านผู้อ่านติดตามบล็อกที่ผ่านมาก็น่าจะพอรู้ว่าผมจะสื่ออะไร เฉลยให้ง่ายและให้กระชับคือ “เพลาๆหน่อยเถิดเพื่อนร่วมโลก เรายังมีศาสนากันอยู่มิใช่หรือ” ทั้งนี้ผมไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ ศาสนา ศาสดาและความเชื่อของใคร ผมเชื่อว่าศาสนาทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี และผมไม่ได้จูงใจให้ใครเปลี่ยนศาสนานะครับ

ในตอนแรกที่ตัวภาพยนตร์เสร็จเรียบร้อยผมก็นั่งนึกถึงผลกระทบที่จะสะท้อนกลับมา ทั้งในส่วนของตัวผมเองและคนรอบข้างผมจะโดนประณามว่าลบหลู่ศาสนาไหม ผมจะสร้างความขัดแย้งให้กับใครหรือเปล่าผมจะทำให้ใครเดือดร้อนไหม ไม่รู้ว่าหนังสั้นเรื่องนี้จะโดนห้ามฉายไหม ผมยังแอบคิดว่าโดนห้ามฉายก็อาจจะดีนะคมของมันจะได้ไม่ไปบาดไปทำร้ายใคร เพราะเหตุนี้ถึงกับทำให้ผมเครียดและป่วยด้วยโรคเดิมอีกรอบ

สุดท้ายตัวหนังสั้นก็ได้เผยแพร่ออกไปมีเสียงตอบรับหลายกระแส แต่สิ่งเหล่านั้นมาไม่ถึงผมหรอกครับ ผมป่วยด้วยโรค Bipolar disorder อยู่ จึงไม่รับรู้ความเป็นไปของโลกเลย พอรู้ตัวอีกทีก็โดนที่บ้านด่าว่าทำอะไรไม่นึกถึงตัวเองกับครอบครัวเลยอยากบอกให้คนอื่นรู้หรือไงว่าตัวเองบ้า ก็จ๋อยไปพักใหญ่ทีเดียว

ท่านผู้อ่านที่เคยได้ชมหนังสั้นเรื่องนี้มาแล้วจะตีความได้ตรงกับที่ผมจะสื่อหรือไม่ก็ไม่ทราบได้วันนี้ผมมีความคิดอ่านที่เป็นปกติ ผมจึงเขียนบล็อกนี้ขึ้นมาเพื่อชี้แจงจุดประสงค์ของตัวภาพยนตร์สั้นเท่านั้นเองครับหากภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้ทำให้ใครต้องขัดเคืองหรือเดือดร้อนก็ต้องขออภัยด้วยจริงๆครับ สิ่งใดที่เป็นความผิดพลาดผมจะขอน้อมรับไว้ด้วยตัวผมเพียงผู้เดียวครับ

“เพื่อนของคุณนับถือศาสนาอะไร”นี่เป็นคำถามของผู้ชมชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ได้ชมภาพยนตร์สั้นเรื่อง Sooth ตอนนั้นผมไม่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ถ้าผมอยู่ด้วยตอนนั้นผมจะตอบว่า "ผมเป็นพุทธศาสนิกชน ที่เคารพนับถือในคำสอนของทุกศาสนาครับ และผมก็ไม่ได้เป็นพวกต่อต้านพระเจ้าด้วย"




Create Date : 05 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2555 15:34:48 น. 2 comments
Counter : 1268 Pageviews.

 
หวัดดียามบ่ายครับคุณบี

อ่านแล้วยิ่งทำให้อยากดูหนังสั้นเรื่องนี้
น่าจะมีใครหยิบเอามาอัพขึ้นยูทูปมั่งเนาะ

ความเห็นของผม...ตรงกับพารากราฟสุดท้ายของคุณบีครับ


คนพุทธเรา...ใจกว้างเสมอ


โดย: Dingtech วันที่: 5 พฤศจิกายน 2555 เวลา:16:10:26 น.  

 
เอิ่ม...ครูดิ่งครับผมคิดว่ายูทูปมันอันตรายไปครับ
กลัวจริงๆว่าจะมีคนมาจุดชนวนเรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะครับ

เพื่อนที่เป็นผูเกำกับหนังยังมีไฟล์อยู่ และเคยเอามาฉายช่องไทยพีบีเอสครั้งหนึ่งแล้วครับ

เคยวางขายที่ร้านหนังสั้นด้วยแต่คงหมดไปแล้ว ตัวผมเองยังไม่มีเลยครับ

แต่รายละเอียดในกลุ่มบล็อกนี้ก็ละเอียดกว่าในหนังแล้วล่ะครับ


โดย: Polarbee วันที่: 5 พฤศจิกายน 2555 เวลา:17:40:01 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Polarbee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




ไม่เขียน ไม่เลอะ
ไม่เปรอะ ไม่ผิด
ไม่เขียน ไม่คิด
ไม่ผิด ไม่จำ
New Comments
Friends' blogs
[Add Polarbee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.