To sooth my soul
Group Blog
 
<<
มกราคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
31 มกราคม 2556
 
All Blogs
 

เรื่องวาดรูป

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้อ่านหนังสือ “ปวงปรัชญาจีน” ที่เขียนโดย อาจารย์ฟื้น ดอกบัว

ผมประทับใจข้อความในหนังสือช่วงหนึ่งอาจารย์ฟื้นที่ได้ยกบทกวีของซูตงปอเพื่ออธิบายความเกี่ยวเนื่องของเต๋ากับศิลปะขึ้นมา

 

เมื่อศิลปินวาดรูปต้นไผ่

เขาเห็นเพียงต้นไผ่

มิได้มองเห็นผู้ใด

ไม่เห็นแม้แต่ผู้คน
เพลิดเพลินจนกระทั่งลืมตน

จนกลายเป็นต้นไผ่

แตกหน่อและผลิใบไม่รู้สิ้นสุด


 “ในภาพนี้มันมี จิตวิญญาณ” แล้ววลีเด็ดของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ดังก้องขึ้นในหัว หลังจากนั้นผมก็เริ่มหันมาดูรูปภาพที่ตัวเองวาดไว้

ตั้งแต่เด็กผมพยายามหัดวาดรูปให้มีลายเส้นเหมือนรูปที่ชอบโดยเฉพาะรูปตัวละครในการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างหมัดเทพเจ้าดาวเหนือ กับ ดราก้อนบอลหัดแล้วหัดเล่าเหมือนบ้างไม่เหมือนบ้างตั้งแต่ชั้นประถม เมื่อผมขึ้นมัธยมปีที่หนึ่งผมได้พบกับเพื่อนคนหนึ่งที่วาดรูปเก่งมากแม้อายุเท่ากัน แต่เขาวาดรูปได้เนี้ยบมาก ถูกหลักทั้งเปอร์สเป็กทีฟและกายวิภาค พอจบมัธยมปลายเขาเลือกเรียนต่อสถาปัตย์จนปัจจุบันเพื่อนของผมกลายเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยไปแล้ว

เพื่อนคนนี้เป็นแรงบัดดาลใจให้ผมอย่างมากถ้าเล่าแบบโม้ๆหน่อยก็ว่าลายเส้นของเขามันช่างคล้ายไมเคิล แอนเจิลโล หรือ ลีโอนาโด ดาร์วินซี่ อะไรทำนองนี้เลย

ผมชอบลายเส้นของเขามากถึงขนาดไปซื้อหนังสือหัดวาดรูปจากร้านสมใจแถวๆเพาะช่างมาดูแล้วหัดวาดตาม

ผมเคยบอกพ่อว่าผมชอบวาดรูป วาดการ์ตูนมาก ผมอยากเป็นจิตรกร พอพ่อได้ฟังก็หัวเราะแล้วบอกว่า “ป๊าคิดไม่ออกเลยว่าลื้อจะเลี้ยงตัวเองด้วยการขายภาพได้อย่างไร จิตรกรน่ะไส้แห้งขายภาพได้เงินก็ไม่เท่าไหร่ แล้วลื้อจะเอาอะไรกิน สู้เป็นหมอไม่ได้รวยกว่าตั้งเยอะถ้าลื้อแค่วาดรูปเล่นไปเรื่อยๆ ไม่มีใครว่าหรอก” ผมเถียงไม่ออก เพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

แต่ผมก็ไม่เคยคิดที่จะเลิกวาดฝึกฝนวันแล้ววันเล่าจนได้ลายเส้นแบบที่ปรากฏอยู่ในบล็อกของผมมา

สิ่งที่ผมได้สัมผัสกับการวาดรูปในแบบของตัวเองนั้นเป็นดั่งที่ซูตงปอว่าไว้ยามวาดขุนศึกนักรบ ผมรู้สึกเปี่ยมพลังและคึกคะนองภายในจิตใจดังรูปที่วาดขึ้นการวาดแบบนี้ทำให้ผมเข้าใจบางอย่าง

การเลียนแบบลายเส้นของใครสักคนทำให้เรารู้สึกใกล้เคียงความรู้สึกของผู้วาดที่เป็นต้นแบบจริงๆผมรู้สึกได้ตอนวาดภาพท่านจวงจื้อในสมุดภาพแบบจีน แม้ไม่เหมือนหมดจดแต่ก็ได้รับอารมณ์และความรู้สึกที่ตราตรึงหลังจากวาดสำเร็จ

พอเริ่มจับลายเส้นของตัวเองได้ผมก็เริ่มวาดในแบบของตัวเอง สารพัดสารเพที่จะวาด วาดไปเรื่อยๆรูปไหนดีก็เก็บเอาไว้ไม่ดีก็ขยำทิ้งไป ส่วนที่แม่เอาไปทิ้งก็มีมาก ที่ยังนึกเสียดายอยู่คือการ์ตูนที่เขียนขึ้นสมัยประถมห้า ผมกับเพื่อนๆที่ชอบวาดการ์ตูนรวมตัวกันเขียนหนังสือการ์ตูนรายสัปดาห์คนหนึ่งเขียนเรื่องหุ่นยนต์ คนหนึ่งเขียนการ์ตูนแก๊ก ผมเขียนการ์ตูนแนวนักรบฆ่าฟันกันนั่นแหละครับพอเขียนเสร็จก็เวียนกันอ่านในห้องเรียน เสียดายที่ไม่รู้เอาไปเก็บไว้ไหน หายไป มีคนเอาไป หรือแม่ของผมเก็บไปทิ้งผมก็จำไม่ได้แล้ว อีกเล่มหนึ่งที่เสียดายคือเล่มที่เขียนขึ้นสมัยมัธยมเป็นการ์ตูนภาษาอังกฤษ เรื่องไวโอลินแห่งความตาย บรรยากาศสยองขวัญเล็กน้อยผมเขียนร่วมกับเพื่อนที่มีลายเส้นแบบลีโอนาโดนั่นแหละ

ผมซื้อคู่มือการเขียนการ์ตูนแบบโทริยามะ อากิระ มา พวกเราเริ่มจากเขียนเรื่องย่อ เขียนแผนผังการดำเนินเรื่องลำดับการดำเนินเรื่อง ตามหนังสือคู่มือที่มี ผมและเขาช่วยกันแต่งเรื่องแต่คนวาดคงต้องหลีกทางให้เขาล่ะครับแต่ตอนนี้ทั้งหนังสือคู่มือและหนังสือการ์ตูนที่วาดขึ้นเล่มนั้นหายไปแล้ว

ผมพาออกนอกเรื่องมาเสียยาวเหยียดจึงขอวกกลับไปเข้าเรื่องที่อยากจะเล่าต่อ ผมอยากบอกว่าผมได้อะไรจากการวาดการ์ตูนสำหรับผมแล้วการวาดเป็นการฝึกความจำ ความเข้าใจ ตลอดจนถึงการฝึกฝนสมาธิ และจินตนาการ

ที่พูดถึงความจำคือหากเราจะวาดภาพอะไรขึ้นสักอย่าง เราต้องนึกภาพต้นแบบขึ้นมาก่อน เช่นจะวาดอัศวินอัศวินต้องใส่เกราะ ถือดาบ การดูแบบก็ต้องฝึกการสังเกตและจดจำรายละเอียดของภาพกว่าจะวาดรูปออกมาได้เหมือนหรือใกล้เคียงแบบ

สำหรับความเข้าใจในความหมายของผมคือหากเราจะวาดรูปการ์ตูน หรือวาดการ์ตูนเรื่องหนึ่ง เราจะต้องรู้จักการสื่อสารทั้งทางตรงและทางอ้อมการฝึกสังเกตสิ่งต่างๆนำมาซึ่งความเข้าใจและสื่อออกมาได้ตามที่ใจต้องการ

ส่วนการฝึกฝนสมาธิแน่นอนว่าการมุ่งมั่นในการวาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งถือว่าเป็นสมาธิรูปแบบหนึ่งแล้ว

ส่วนของจิตนาการผมไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นแบบผมหรือเปล่าหลักการจำและทำความเข้าใจสิ่งใดสิ่งหนึ่งผมจะจินตนาการออกมาเป็นภาพเสมอตอนเรียนชีววิทยา เวลาเรียนเรื่องระบบหมุนเวียนเลือดผมจินตนาการว่าตัวเองเป็นเม็ดเลือดแดง เดินทางผ่านไปยังอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกายแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง(เหมือนการ์ตูนนิทานชีวิตที่เคยนำมาฉายทางทีวีเลยครับ)ตอนเรียนเรื่องน้ำ ผมจิตนาการว่าตัวเองเป็นน้ำ แข็งเมื่อเย็น เหลวเมื่ออุ่น ระเหยและเดือดเมื่อร้อนเปลี่ยนแปลงเป็นวัฏจักร ทักษะในการจินตนาการเรื่องเล่านี้ล้วนมาจากการวาด เสริมด้วยทักษะทางภาษาที่ชัดเจน

ส่วนอีกอย่างหนึ่งน่าจะจัดไว้ในหัวข้อของความเข้าใจผมเรียกว่าการทำให้ง่ายให้สามัญ ขออนุญาตทับศัพท์ว่า ซิมพลิฟาย การวาดลายเส้นให้ง่ายการวาดลายเส้นให้ง่ายเป็นการส่งเสริมกระบวนการคิดที่เป็นระเบียบการฝึกสังเกตและการจดจำ เหมือนการจับใจความเมื่อเราอ่านหนังสือแล้วสรุปมันเข้าให้กระชับ เป็นกระบวนการคิดที่เรามีมาตั้งแต่เด็กมากหรือน้อยก็แล้วแต่แต่เชื่อว่ามีทุกคน

ทีแรกผมไม่เอะใจว่าเด็กๆจะทำได้ดีแต่เมื่อผมติดตามเฟซบุ๊กของ คุณมกุฏ อรดี ขออนุญาตเรียกศิลปินแห่งชาติท่านนี้ว่า ครูมกุฏ ครูเขียนเรื่องและแชร์ข้อความในเฟซบุ๊กเรื่องอะไรนั้น ผมไม่ขอเล่า ใครอยากทราบให้ไปตามหาอ่านเอาเองที่เพจของท่านนะครับ ที่ Makut Onrudee

ผมทดลองสอนลูกชายให้วาดรูปโดยทำเส้นให้ง่ายยังไม่ต้องเน้นความมีมิติมากมาย แน่นอนครับง่ายสำหรับผมแต่อาจจะยากสำหรับลูก เพราะเป็นภาพที่เขาไม่คุ้นเคย

ผลปรากฏว่าเขาทำได้ สำหรับเด็กห้าขวบ ผมว่าลูกผมเก่งกว่าผมตอนห้าขวบเสียอีกแม้จะต้องคอยกำกับบ้าง ชี้ให้สังเกตตรงโน้นตรงนี้แต่ก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจสำหรับผม

ผมไม่รู้หรอกครับว่าสิ่งที่ผมเข้าใจอยู่นั้นถูกหรือผิดแต่ผมก็นำมาเล่าให้ฟังเผื่อว่าจะมีประโยชน์บ้าง อย่างน้อยก็ให้ผู้อ่านได้อ่านบล็อกเพื่อความเพลิดเพลินกับบทความโดยนักเขียนมือสมัครเล่นน่ะครับ


พอจะดูออกไหมครับว่ารูปอะไร

ผมเชื่อว่าเด็กๆทุกคนมีพรสวรรค์ทางนี้ติดตัวมาตั้งแต่เกิดครับ แม้ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง แต่เชื่อว่าการวาดรูปนั้นมีประโยชน์กว่าเรียนกวดวิชาตะพึดตะพือแน่นอน

อ่อ อีกนิดหนึ่งครับ ภาพและลายเส้น มีอารมณ์ ความรู้สึก และจิตวิญญาณของผู้วาดจริงๆนะครับ 

พักหลังมานี่ผมเริ่มรู้สึกว่า ทำตัวคล้ายๆกาฝากกับครูมกุฏมากไป สงสัยต้องเพิ่มวิวัฒนาการให้กับตัวเองให้มากขึ้นอีก คงต้องหัดหยั่งรากและเติบโตด้วยตัวเองให้มั่นคงแข็งแรงกว่านี้




 

Create Date : 31 มกราคม 2556
2 comments
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2556 22:18:57 น.
Counter : 2298 Pageviews.

 

หวัดดีครับคุณบี

เพิ่งกลับจากอุทัยธานี...พาลูกศิษย์ไปเข้าค่ายฝึกฝนวรยุทธ์

สำหรับผมการวาดรูปคือการหย่อนใจแบบงานอดิเรก

เรื่องเป็นเครื่องเสริมความจำ...เห็นด้วยอย่างยิ่ง

ลูกชายห้าขวบของคุณบีวาดได้ยอดเยี่ยมมากครับ
เทวดาสี่กรคงเป็นพระนารายณ์นะครับ...ชื่นชมจริงๆ
จำได้ว่าผมเคยเริ่มหัดภาพเทพนมโดยลอกเลียนจากพลาสติกที่เสียบลูกอมยิ้ม
...ส่งผลอย่างมากในการวาดและศึกษาลายไทย

ศิลปะแม้เราเอาไปทำมาหากินไม่ได้
แต่ก็เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณเราได้เป็นอย่างดี
...ส่งเสริมให้ลูกทำเป็น ดูเป็น มีประโยชน์ต่อตัวเขาแน่นอนนะครับ...ผมว่า

 

โดย: Dingtech 3 กุมภาพันธ์ 2556 19:56:46 น.  

 

สวัสดีครับ

ขอบคุณที่แวะมาทักทายที่บล้อกนะครับ

บทกวีนี้ผมก็ชอบครับ
ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ด้วยเช่นกันครับ

และผมก็ตามอ่านความคิดดีดีของอาจารย์มกุฏทุกวันเลยครับ
ชื่นชม และชื่นชอบทั้งแนวคิดของท่านและผลงานหนังสือของสำนักพิมพ์ผีเสื้อด้วยครับ


เรื่องการวาดภาพนั้น
ผมว่าเด็กทุกคนชอบนะครับ เพียงแต่จะไ้ดรับการสนับสนุนอย่างไรจากพ่อแม่

ถ้าเด็กมีกำลังใจ เขาก็จะชอบและรักในงานศิลปะ
วาดไม่เก่ง แต่รักในศิลปะ
ผมว่าเท่านี้ก็สุดยอดแล้วครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 4 กุมภาพันธ์ 2556 12:45:44 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Polarbee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




ไม่เขียน ไม่เลอะ
ไม่เปรอะ ไม่ผิด
ไม่เขียน ไม่คิด
ไม่ผิด ไม่จำ
New Comments
Friends' blogs
[Add Polarbee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.