|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เรื่องของคนเสียฟอร์ม
นอกจากอาการเจ็บไข้ได้ป่วยแล้ว ก็คงมีอีกอาการนึงที่คนเราไม่ปรารถนาที่จะประสบพบเจอนั่นคือ อาการเสียฟอร์ม
ถ้าลื่นล้มหรือทำอะไรหน้าแตกตามลำพัง แบบรู้อยู่คนเดียวไม่มีใครเห็น
มันก็ไม่เสียหายอะไรเท่าไหร่หรอกครับ
แต่ถ้าต้องมาเสียฟอร์มหน้าแตกยับเยินต่อหน้าสาธารณชนนี่สิ โอ๊ย คุณเอ๊ย ใครที่ไม่เคยไม่มีวันรู้หรอกว่า
เวลาหน้าแตกนั้นมันเจ็บปวดรวดร้าวซักเพียงไหน
คนไม่สบายเป็นไข้ กินยาพักผ่อน 2-3 วันก็หาย แต่คนเสียฟอร์มหน้าแตกแหกไม่มีชิ้นดีต่อให้กินยาอี ยาไวอะกร้า ทั้งกระปุกก็ยังไม่หายอายอยู่ดี
อาการหน้าแตกเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศทุกวัย ทุกชนชั้น
ไม่มีการแบ่งแยก ว่าอายุ 60 ปลดเกษียณแล้วจะไม่หน้าแตกแล้วนะ คนจนเงินน้อยหน้าแตกน้อยหน่อย คนรวยมีอันจะกินเงินเหลือแยะก็หน้าแตกมากหน่อยนะ
หรือชั้นหักเงินเดือนให้กองทุนประกันสังคมทุกเดือนไม่เคยขาดเลยนะ ฉะนั้นชั้นขอใช้สิทธิ์ไม่หน้าแตกได้มั้ย ม่ายด้ายๆ อย่าคิดเอาตัวรอดกันง่ายๆ อย่างนี้สิ ของแบบนี้ทุกคนมีสิทธ์ซวยเท่าเทียมกันครับ
เคยมั๊ย................
- ฝนตก พื้นแฉะ กระโดดลงจากรถเมล์เหยียบพื้นแล้วลื่นหงายท้อง
- เดินชนกระจกดัง ปั้ง
- เดินเหยียบถุงลื่นหน้าทิ่มลงไปจับกบ
- ทักคนผิด
- ส้นรองเท้าติดตะแกรงท่อยกขาไม่ขึ้น
- ตกบันได กระโปรงเปิด หวอออก
- เดินตกฟุตบาท
- เดินหัวชนป้าย
- ใส่ส้นสูงแล้วขาพลิกตกตึกลงมานั่งพับเพียบ
- เดินเตะของที่เค้าตั้งขายจนหล่นกระจาย
- ออกไปโบกรถเมล์ แล้วรถดันทะลึ่งไม่จอดรับ
- ผลักประตูเซเว่นผิดด้าน
- เดินสะดุดขาตัวเอง
- เดินตกท่อ
- ลืมรูดซิป
- ฯลฯ
เรื่องหน้าแตกข้างต้นนี้ ถือเป็นหน้าแตกแบบเบสิคพื้นๆ ในชีวิต
ใครไม่เคยทำเปิ่นแบบนี้ถือว่าเชยสะบัด อย่าบอกใครเชียวเดี๋ยวจะโดนเพื่อนบ้านโห่จนหมดความมั่นใจในการทำมาหากิน
ถ้าหากว่าเคยหน้าแตกแบบประมาณว่าลื่นล้มในห้องน้ำที่บ้าน ไม่มีใครเห็นถือว่าเป็นของปลอม บอกไปใครจะเชื่อไม่แน่จริงนี่หว่า หน้าแตกของแท้มันต้องต้องมีคนเห็นสิ ยิ่งประจานตัวเองให้คนเห็นมากเท่าไหร่ยิ่งดี หน้าแตกเป็นอาการที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดกับตัวเอง แต่กลับเป็นฝ่ายทำตัวเองให้หน้าแตกซะเอง
ฟังดูแล้วก็ งงอะไรของมันวะ ไม่ชอบหน้าแตก แต่เวลาหน้าแตกทีไรก็ทำตัวเองทุกทีทั้งๆ ที่ไม่มีใครมาเอาปืนมาจ่อหัวบังคับซักหน่อยว่า เฮ้ย มรึงต้องทำเปิ่นเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นตูยิงสมองไหลนะว้อย ช่วงเวลาที่เราเกิดอาการหน้าแตกนั้น เกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วมาก
บางครั้งเร็วจนเราเองก็ยัง งง ว่าตะกี๊ทำอะไรทุเรศๆ ลงไปได้ยังไง แต่เรากลับรู้สึกว่ามันนานซะเหลือเกิน
นานพอที่จะประจานตัวเองให้อับอายขายหน้าประชาชี ให้คนเค้าได้เห็นว่า อ๋อ ไอ้นี่นี่เองที่เป็นคนทำ ไม่น่าเล้ยหน้าตาก็ดีแล้วก็แอบหัวเราะกันคิกๆ คักๆ ตอกย้ำกันเข้าไปจนเราแทบจะเอาหัวมุดเข้าไปแอบในรูตรูดดด... อาจจะเหม็นหน่อยแต่ก็ทนๆ ไปก่อน
เพราะอาการเสียฟอร์มหน้าแตกนั้นเกิดขึ้นแบบฉับพลัน ไม่ทันจะรู้ตัวล่วงหน้า
เราจึงไม่ทันได้คิดเตรียมท่าทางประกอบอาการหน้าแตกแบบสวยงามไว้ เราจึงมักเห็นคนหน้าแตก แล้วชอบทำอาการแก้เขินเบี่ยงเบนประเด็นเอาตัวรอดกันไปประมาณนี้
-เสยผม / เกาหัว-
อาการเสยผมทุกครั้งที่หน้าแตก ถือเป็นปฏิกิริยาตอบสนองเบื้องต้นที่นิยมทำกัน
เหมือนกลัวคนเห็นหน้าไม่ชัดเจนว่าใครเสียฟอร์ม
ให้รู้กันไปดิ เสียฟอร์มเสียไปแต่ผมเสียทรงยอมไม่ได้ว้อยยย... บางคนผมหงอก หรือผมแตกปลายไม่มันเงางามให้ชวนมอง ก็ใช้วิธีเกาหัวแทนให้รังแคบนหัวตกลงมาประบ่า เพื่อให้คนหันมาสนใจรังแคบนบ่าแทนแล้วจะทำให้คนลืมเรื่องที่ทำเปิ่นไปตะกี๊ได้สนิท
แต่ถ้าไม่อยากซ้ำซากกับคนอื่นหน้าแตกครั้งต่อไปจากเสยผมให้เปลี่ยนมาเป็นขับรถเสยตอม่อ เสยเสาไฟฟ้าแทน ส่วนเกาหัวก็ให้เปลี่ยนเป็นเกาตรูดดด...แทนน่าจะสร้างสรรค์กว่าแบบเดิมนะครับ คนเค้าจะได้ไม่รู้ว่าเรากำลังแก้เขินอยู่
-แลบลิ้น-
นี่ก็ฮิตไม่แพ้การเสยผม
ไม่รู้เป็นไร คนเราหน้าแตกทีไรเป็นต้องแลบลิ้นทำเป็นเฉไฉ ใครเค้าอยากรู้เหรอว่าลิ้นคุณมี 2 แฉกหรือลิ้นเป็นฝ้าหรือเปล่า หน้าแตกแล้วจะแลบลิ้นโชว์ทำไม
ผมเคยได้ยินมาไม่รู้ว่ามันจะจริงหรือเปล่าว่า เวลาเราเจอคนที่เป็นตาแดง ถ้าเราไม่อยากติดเชื้อตาแดงจากเค้า ก็ให้เราแลบลิ้นให้เค้าไป แล้วเราก็จะไม่เป็นตาแดงเหมือนอย่างเค้า
หรือคนหน้าแตกยึดหลักการนี้มาใช้คือ ทุกครั้งหลังเสียฟอร์มถ้าเราไม่อยากทำเปิ่นอีก ให้แลบลิ้นให้ตัวเองแล้วก็จะไม่ทำอะไรหน้าแตกอีก
แต่ถ้าจะให้ขลังเห็นผลจริง การแลบลิ้นสั้นๆ มันอาจจะไม่เพียงพอ
ควรจะแลบลิ้นให้ยาวมากที่สุดเท่าที่ทำได้ ให้ลิ้นแตะปลายคางได้ยิ่งดีแล้วคุณทำอะไรก็จะประสบความสำเร็จในการดำรงชีวิต จะเปิดประตูเซเว่นก็สะดวกโยธิน ไม่หน้าแตกให้ต้องอายพนักงานอีกต่อไป
ถ้ามันช่วยได้จริง ผมว่าคงมีคนดิ้นรนยอมแลบลิ้นกันลิ้นแห้งลิ้นห้อยกันทั่วบ้านทั่วเมืองแหงแซะ
ลองดูนะครับ เพื่อตัวคุณเอง ถ้าใครทำได้ช่วยถ่ายรูปประจานตัวเองส่งมาให้ผมดูด้วยนะ ผมมีรางวัลเตรียมไว้ให้แล้ว ตั๋วรถเมล์ไปอย่างเดียว (ไปให้พ้นๆ ขากลับไม่มีให้อยากกลับก็ซื้อเอง) กรุงเทพ-นนทบุรี 1 ที่นั่ง 3 รางวัล
(แต่ถ้านั่งแล้วเด็กหรือคนแก่ขึ้นมาต้องลุกนะอย่าแกล้งหลับนะ มุขนี้ผมใช้บ่อย)
-โทษปี่โทษกลอง- อันนี้ประเภทพาลโทษโน่นโทษนี่ไปเรื่อย
คนประเภทนี้ก็มีไม่น้อย เดินชนเก้าอี้ล้มก็หันไปด่าเก้าอี้ เดินชนประตูกระจกเสียงดังสนั่นก็โทษว่ากระจก ไม่ได้ดูตัวเองเล้ยยย...สายตาฝ้าฟางแล้วยังไปโทษมั่ว
อันนี้ผมมีกรณีตัวอย่างมาเล่าให้ฟังครับ
มีครั้งนึงที่สยามเซ็นเตอร์ ผมเห็นชายหญิงคู่นึงเป็นแฟนกัน ผู้ชายหล่อมาดแมนใส่แว่นดำมองเผินๆ นึกว่าผู้หญิงจูงคนตาบอดมา
ส่วนผู้หญิงก็สวยสง่าเชียว ทั้งคู่เดินโอบกอดกันออกมาจากห้างสยามเซ็นเตอร์ เดินแบบแบบสโลโมชั่นราวกับหลิวเต๊ะหัวในเรื่องผู้หญิงข้าใครอย่าเตะ เอ้ย อย่าแตะ ประมาณนั้นจริงๆ มาดผู้ชายเนี้ยบมากไม่มีที่ติ
จนเมื่อเดินมาถึงบันไดที่จะลงมาริมถนนข้างล่าง (นึกออกมั้ยครับว่า ตรงนั้นบันไดจะเป็นขั้นเล็กๆ หลายๆ ขั้น) ผู้ชายลงมาก่อนได้ 1 ขั้นเท่านั้นแหละพี่แกก็สะดุดขาตัวเองกับบันได ล้มกลิ้งลงมาเป็นลูกขนุนตั้งแต่ขั้นบนสุดจนถึงพื้น โดยไม่ใช้สลิงและตัวแสดงแทนลงมากองติดอยู่กับตู้โทรศัพท์ (สงสัยถ้าไม่ติดตู้โทรศัพท์ซะก่อน เฮียแกคงได้กลิ้งต่อไปนอนกลางถนนแน่)
พร้อมกับเสียงร้องดัง อั้ก
คุณพี่นอนคว่ำหน้าแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น ส่วนเจ๊ผู้หญิงไม่กล้าเสี่ยงพอ ก็ได้แต่ยืนทำหน้าเสียดายที่ไม่ได้กลิ้งตกลงมาด้วยกัน ดูเธอคงตกใจไม่น้อย ยืนอ้าปากหวอ ส่งเสียงวี้ดว้ายให้กำลังใจแฟนในการตรวจสอบความแข็งแรงของบันไดและจบด้วยการวัดพื้น
ผมว่าเธอคงแอบน้อยใจผู้ชายอยู่ลึกๆ ว่า ว้า... ตัวเองจะกลิ้งตกลงมาไม่ชวนเค้าเลย ดูสิเล่นสนุกอยู่คนเดียวอ่ะ
ถึงตอนนี้ไม่ต้องบอก คนมองตรึม คิดดูสิ นี่ที่สยามนะแล้วอยู่ใกล้ป้ายรถเมล์จะเหลือเหรอ ส่วนผมก็เป็นห่วงพี่เค้านึกว่าตายไปแล้ว ว่าจะโทร. ไปเรียกร่วมกตัญญูมารับซักหน่อย แต่หลังจากผู้ชายนอนวัดพื้นจนพอใจแล้วก็ค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างช้าๆ (ยังคงรักษามาดหลิวเต๊อะหัวอยู่ไม่ได้เดี๋ยวเสียคอนเซ็ปส์)
เฮียแกสำรวจตัวเองว่าอวัยวะยังอยู่ครบดีหรือเปล่า แล้วก็หันไปด่ากราดบันไดทุกขั้นอย่างไม่ไว้หน้าบันไดที่ไหน พี่เค้าไม่ได้ด่าแก้เขินนะครับ ด่าแบบโกรธจริงๆ ด่าจนหน้าแดงเลยล่ะ
โอ้... พระเจ้าช่วยกล้วยน้ำว้ากับชามะนาว เกิดมาพึ่งจะเคยเห็นบันไดโดนด่าก็วันนี้แหละ แต่บันไดมันคงผิดจริงล่ะมั้ง เพราะผมไม่เห็นว่าบันไดมันจะเถียงตอบโต้คืนซักคำ หรือมันคิดว่าเถียงไปก็เถียงสู้คนไม่ได้อยู่ดี หึหึ... สมน้ำหน้าไปแกล้งสะดุดขาเค้านี่เป็นไงโดนด่า จ๋อยไปเลยสิ
ผมว่าถ้าบันไดมันมีปากมีเสียง ก็คงเถียงคอเป็นเอ็นแล้วว่า อะไรวะกรูอยู่ของกรูนิ่งๆ เฉยๆ มาเป็นชาติแล้ว มรึงนั่นแหละที่มาสะดุดเองแล้วจะมาด่ากรูอีก ส่วนเจ๊ผู้หญิงแฟนพี่เค้า คงอายมากที่แฟนลงไปจูบพื้นแบบนี้ ผมเห็นว่าเค้าทำท่าหันรีหันขวางเหมือนกำลังจะวิ่งหนีเอาตัวรอด แต่ตัวผู้ชายดันตะโกนเรียกชื่อเธอให้ลงมาช่วยซะก่อน เลยจำต้องแกล้งฝืนใจห่วงแฟนค่อยๆ ย่องลงบันไดมาถามไถ่อาการผู้ชายด้วยสีหน้ากังวลห่วงใยสุดๆ แต่พอลับหลังผู้หญิงก็ยังแอบขำแฟนตัวเอง เจ๊เค้าคงทั้งฮาทั้งอายในเวลาเดียวกัน ทำได้ยังได้ไงเนี่ย -เก็บอาการ- คนประเภทนี้ ต่อให้หน้าแตก เจ็บตัวยังไงไม่มีวันแสดงอาการให้ใครเห็นในทันที
ถ้าลื่นล้มก็จะลุกขึ้นยืนทันที ทำหน้าตายเแล้วเดินต่อเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา เดินไปหามุมตึกหลบดูอาการทีหลัง กลัวคนรู้ว่าเมื่อตะกี๊หน้าแตก
คนประเภทนี้ เค้าจะขี้อายไม่นิยมแสดงอาการใดๆ ต่อหน้าฝูงชน มักจะยึดมุมตึก หลังเสาไว้แสดงอาการตามลำพัง ต่อให้ขาแข้งหักกระดูกโผล่ทิ่มทะลุน่องออกมาก็จะกัดฟันไม่ร้องโวยวาย ใครถามก็บอกว่าไม่เป็นไรสบายดีแค่ขาเคล็ดนิดหน่อย แล้วก็ลากขาไปหามุมตึกร้องโอดโอยตามลำพัง
เป็นการเสียฟอร์มแบบไม่รบกวนใคร ถ้าคนหน้าแตกแบบเก็บอาการนี้มีอยู่ทั่วประเทศพวกโจรมุมตึกคงหมดโอกาสทำมาหากิน เพราะมุมตึกตามที่ต่างๆ จะโดนคนหน้าแตกยึดไว้หมด
-พูดกลบเกลื่อน-
มักจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อหน้าแตกต่อหน้าเพื่อนฝูง จะเป็นที่เฮฮาปาจิงโกะมากเมื่อเราสะดุด ลื่นล้มก้นจ้ำเบ้าต่อหน้าเพื่อน เพื่อนฝูงก็แสนดีไม่มีใครเห็นใจหรือรีบเข้ามาช่วยเหลือ กลับพากันฮาอุจจาระแตกแตนซะอีก และเพื่อเป็นการกลบเกลื่อนแบบควายๆ ก็พูดเสริมมุขไปซะ
อ้าว แหมถ้าไม่ลื่นล้มแล้วจะขำกันเหรอ เห็นเงียบๆ กันก็อยากให้ขำเลยแกล้งลื่นให้ขำกันซะ 1 มุข
-หัวเราะ-
มีบางคน เวลาหน้าแตกยังอดขำความเปิ่นของตัวเองไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าขำเพราะดีใจที่ได้หน้าแตก หรือขำเพราะสมเพชตัวเองก็ไม่รู้ คนแบบนี้ผมว่า เค้าน่าสนใจดีนะ
คิดดูสิขนาดเรื่องผิดพลาดของตัวเอง ยังหัวเราะให้กับมันได้เลย
อย่าเลยครับ อย่าพยายามรักษาฟอร์มกันอยู่เลย อึดอัดกันเปล่าๆ
ยิ่งระวังไม่ให้เสียฟอร์มมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเกิดขึ้นถี่มากเท่านั้น
ปล่อยมันไปแบบสบายๆ เป็นตัวของตัวเองนั่นแหละแล้วจะสบายตัว สบายใจ
เรื่องเสียฟอร์มมันเป็นเรื่องธรรมชาติ
Create Date : 30 กรกฎาคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 3 สิงหาคม 2552 0:11:50 น. |
Counter : 923 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|