เรื่องชำระหนี้ ( คัดมาจากหนังสือธรรมะ) คนที่ยืนอยู่ที่มืดไม่สามารถมองเห็นเงาของตนเอง เรื่องที่จะเล่านี้ เป็นเรื่องเก่าเล่าสืบกันมา น่าศึกษาเรื่องราวนี้ มีสามีภรรยาของครอบครัวหนึ่ง มีฐานะปานกลาง มีความเชื่อถือในคำสอนของพระพุทธเจ้าในเรื่องทาน จึงชอบทำทาน ตักบาตร ถวายสังฆทานพระสงฆ์ สงเคราะห์คนยากจน ต่อมาระยะหนึ่งขาดแคลนเงินทอง จำต้องกู้เงินเพื่อนบ้านมาใช้จ่ายโดยคิดว่า เมื่อทำมาหากิน(ขายของชำ) ดีขึ้นค่อยชดใช้ทีหลังก็ได้ ภาวะเงินฝืดเคือง ก็ยังคงทำทานอย่างที่ปฏิบัติมา ส่งได้แต่ดอกเบี้ย แต่ไม่พอจะส่งต้นได้ เจ้าของเงินมีความจำเป็นจะต้องใช้เงิน แต่ขอเงินคืนไม่ได้ จนถึงกับทะเลาะกัน ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ ลูกหนี้ไม่สามารถชำระเงินต้นได้ ระยะหลังเมื่อทะเลาะกันบ่อยๆเข้า ดอกเบี้ยก็ไม่ได้ จนทั้งสองฝ่ายต่างล้มตายจากกันไปในชาติต่อมาลูกหนี้ได้เกิดในตระกูลเศรษฐี แต่ไม่มีลูก เย็นวันหนึ่งขณะที่ทั้งสองคนยืนอยู่หน้าบ้าน มีชายหญิงแปลกหน้าสองคนแต่งตัวชุดไว้ทุกข์ เดินเข้ามาหาแล้วกล่าวขึ้นว่า ข้าพเจ้าทั้งสองมาขอทวงเงินจากท่านทั้งสอง เศรษฐีทั้งสองตกใจพร้อมกับพูดว่า อ้าวทำไมพูดอย่างนี้ ตั้งแต่เกิดมาข้าพเจ้าไม่เคยยืมเงินใครเลยชายแปลกหน้าพูดว่า ท่านคงลืมไป ท่านได้ยืมเงินของเราทั้งสองหลายครั้ง ท่านจำได้หรือเปล่าเศรษฐียืนงง เมื่อถูกยืนยันเช่นนั้น จึงพูดว่า ท่านมีหลักฐานอะไรที่แสดงว่าข้าพเจ้าเป็นหนี้ท่าน เราไม่เคยยืมเงินใครเลย ทำไมมาตู่ข้าพเจ้าเช่นนี้เจ้าหนี้ทั้งสองไม่ตอบ ก้มหน้าเดินตรงเข้าบ้านเศรษฐี เศรษฐีตกใจร้องเรียกคนในบ้าน ให้ช่วยจับคนทั้งสองที่บุกขึ้นบนบ้าน แต่หาเท่าไรก็ไม่พบคนทั้งสองจนอ่อนใจต่อมาอีกไม่นาน ภรรยาเศรษฐีก็ตั้งครรภ์ ทำให้เศรษฐีและภรรยาดีใจมากที่ได้ลูกไว้ครอบครองสมบัติต่อไป แต่ขณะที่กำลังท้อง ก็กลายเป็นคนขี้โรคสามวันดีสี่วันไข้ รักษาอย่างไรก็ไม่หาย สิ้นเปลืองเงินทองไปเป็นอันมาก เมื่อคลอดลูกออกมาเป็นแฝดชายหญิง ทารกทั้งสองคนเป็นคนขี้โรคเหมือนแม่ พ่อแม่รักลูกทุ่มเทเงินทองรักษาลูกทั้งสอง กว่าแม่ลูกจะแข็งแรง เงินทองหมดสิ้นไปมาก เมื่อลูกชายเข้าโรงเรียนประถม มัธยม ทะเลาะกับเพื่อนนักเรียนขโมยปืนพ่อไปยิงเพื่อนจนบาดเจ็บสาหัส พิการ เด็กถูกยิงเป็นลูกของผู้มีอำนาจ จึงต้องเสียเงินค่ารักษาและทำขวัญด้วยเงินก้อนใหญ่จึงวิ่งเต้นระงับคดีได้เมื่อลูกชายหญิงทั้งสองจบการศึกษา มิได้ทำงานหรือประกอบอาชีพใดๆ มีแต่เที่ยวเตร่หาความสำราญเล่นการพนัน ผลาญเงินทองทรัพย์สินของพ่อแม่จนเกือบหมดเกลี้ยง กลายเป็นครอบครัวยากจน พ่อแม่ชราหากินไม่ได้ มีเงินเหลืออยู่จำนวนเล็กน้อยวันหนึ่งสองตายายปรึกษากัน ให้ลูกทำสัญญาว่าจะไม่ใช้เงินจำนวนนั้น ทรัพย์สินก็หมดแล้วไม่มีจะขาย จึงเรียกลูกทั้งสองมาพบและพูดว่า นี่แหละลูกรักทั้งสอง เจ้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วพ่อแม่ก็ชรา ทำมาหากินต่อไปอีกก็ไม่ได้ เงินทองทรัพย์สินเจ้าก็นำไปใช้หมดแล้ว ยังเหลืออยู่จำนวนเล็กน้อย ขอให้เจ้าเซ็นสัญญาว่าจะไม่ขอเงินไปใช้อีก พ่อแม่ขอเอาไว้ใช้ก่อนตาย ลูกทั้งสองลงชื่อท้ายสัญญาให้ นับแต่วันนั้นมาลูกทั้งสองก็ไม่ได้ไปเที่ยวเตร่ที่ไหนเหมือนเช่นเคยมาก่อน มีอาการหงอยเหงาอยู่ ๓- ๔ วัน เย็นวันนั้นลูกทั้งสองเข้านอนแต่หัวค่ำ สองตายายไม่เห็นลูกตื่นเช้าเช่นวันก่อนๆ จึงพากันเข้าไปดูที่ห้องนอน พบว่าลูกทั้งสองตายเสียแล้ว แพทย์ตรวจพบว่าคนทั้งสองตายด้วยโรคหัวใจวาย ต่อมาสองตายายได้ตายด้วยความยากจนเรื่องกฎแห่งกรรมนี้ เป็นเรื่องของการก่อหนี้ และชดใช้หนี้ของกรรมเก่า