poivang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




Cursors scrollbar background bullet สีfont สีlink webpage ลบกรอบ ภาพcomment
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
8 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add poivang's blog to your web]
Links
 

 
กรรมทางกาย วาจา ใจ อย่างไหนมีโทษเป็นบาปมากกว่า




กรรมทางกาย วาจา ใจ อย่างไหนมีโทษเป็นบาปมากกว่า
จากอุปาลิวาทสูตร (พระไตรปิฎก)



คราวหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ ปาวาริกัมพวัน (สวนมะม่วงของเศรษฐีพ่อค้าผ้า) ใกล้เมืองบาลัน เวลาเช้าสาวกของนิครนถนาฎบุตรคนหนึ่งชื่อ ทีฆตปัสสีเข้าไปบิณฑบาตในเมืองนาลันทา บริโภคอาหารแล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ ปาวาริกัมพวัน สนทนากันเรื่องกรรมทางกาย วาจา ใจ ว่าอย่างไหนมีโทษเป็นบาปมากกว่า

ทีฆตปัสสี : นิครนถนาฎบุตร กล่าวว่า ทัณฑ์ทางกายมีโทษมากกว่าในการทำบาปกรรม

พระพุทธเจ้า : เราเรียกว่า กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ไม่เรียกทัณฑ์ และเรากล่าวว่ามโนกรรมมีโทษมากในการทำบาป

ทีฆตปัสสีกลับไปหานิครนถนาฎบุตร ซึ่งเวลานั้นพักอยู่ที่เมืองนาลันทาเหมือนกัน เล่าเรื่องที่สนทนากับพระสมณโคดมให้อาจารย์ฟัง ซึ่งเวลานั้นอุบาลีคหบดีสาวกคฤหัสถ์คนสำคัญของนิครนถ์นั่งอยู่ด้วย เห็นว่าทีฆตปัสสีกล่าวถูกต้องแล้ว คำของพระสมณโคดมไม่ถูกต้อง

อุบาลีคหบดีต้องการไปโต้วาทะกลับพระพุทธเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ นิครนถนาฎบุตรก็สนับสนุน แต่ทีฆตปัสสีไม่เห็นด้วยบอกว่า พระสมณโคดมมีมายาสำหรับกลับใจคน (อาวัฏฏนีมายา)

เมื่อพบกันพระพุทธเจ้าทรงเล่าเรื่องที่สนทนากับทีฆตปัสสีให้อุบาลีคหบดีทราบตามที่เขาทูลถาม ทรงเล่าตรงกับที่ทีฆตปัสสีเล่าทุกประการ อุบาลียืนยันว่าทัณฑ์ทางกายมีโทษมากกว่าทัณฑ์ทางใจ (นี่คือตอนหนึ่งของการสนทนา)

พระพุทธเจ้า : ในการก้าวไปถอยกลับของพวกนิครนถ์ ย่อมเหยียบสัตว์เล็กสัตว์น้อยเป็นอันมาก (โดยไม่ตั้งใจ) ในเรื่องนี้นิครนถนาฎบุตรบัญญัติวิบาก (คือผลกรรม) อย่างไร

อุบาลี : กรรมที่ทำไม่จงใจไม่มีโทษมาก

พระพุทธเจ้า : ถ้าจงใจเล่า

อุบาลี : เป็นกรรมที่มีโทษมาก

พระพุทธเจ้า : นิครนถนาฎบุตรบัญญัติเจตนาไว้ในส่วนไหนของทัณฑ์ทั้ง ๓

อุบาลี : บัญญัติไว้ในมโนทัณฑ์

นี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทรงชี้ให้ดูว่ามโนกรรมมีโทษมาก แต่อุบาลีก็ยังยืนยันเหมือนเดิม จึงตรัสซักไซร้ไล่เรียงต่อไป

พระพุทธเจ้า : ในเมืองนาลันทานี้มีคนมาก ถ้าจะมีใครกล่าวว่าเขาจะฆ่าคนในเมืองนาลันทานี้ให้ตายพร้อมกันเพียงครู่เดียวจะทำได้หรือไม่

อุบาลี : อย่าว่าแต่คนเดียวเลย แม้ ๑๐ คน ๒๐-๕๐ คน ก็ไม่อาจประหารคนในเมืองนาลันทานี้ให้ตายพร้อมกันได้

พระพุทธเจ้า : ถ้าสมณะหรือพราหมณ์ผู้มีฤทธิ์ มีความชำนาญทางจิตมาในหมู่บ้านนาลันทานี้ กล่าวว่าจะทำบ้านนาลันทานี้ให้เป็นเถ้าถ่านด้วยการคิดประทุษร้ายเพียงครั้งเดียวจะทำได้หรือไม่

อุบาลี : ทำได้อย่างแน่นอน แม้ ๕๐ หมู่บ้านก็ทำได้อย่าว่าแต่หมู่บ้านเดียวเลย

พระพุทธเจ้า : นี่ก็แสดงว่ามโนกรรมมีความสำคัญเพียงไร

อุบาลี : พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระองค์ชื่นชมต่อภาษิตของพระผู้มีพระภาคตั้งแต่อุปมาข้อแรกแล้ว แต่ที่ทำเป็นยึดมั่นในความเห็นเดิมอยู่ ก็เพื่อที่จะฟังพระปฏิภาณ (ไหวพริบ) ในการตอบปัญหาของพระผู้มีพระภาค ต่อจากนั้นอุบาลีคหบดีก็สรรเสริญพระธรรมเทศนาว่า แจ่มแจ้งเหมือนหงายของที่คว่ำ เป็นต้น ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต

พระพุทธองค์ทรงเตือนให้ใคร่ครวญเสียก่อน เพราะอุบาลีเป็นคนที่มีชื่อเสียงอยู่ การจะเปลี่ยนความเคารพเลื่อมใสจากลัทธิหนึ่งไปยังอีกลัทธิหนึ่งจำต้องไตร่ตรองให้ดี อุบาลีแสดงความเลื่อมใสยิ่งขึ้นและยืนยันการถึงพระรัตนตรัยของตน พระพุทธองค์ตรัสว่าตระกูลของอุบาลีนั้นเป็นเหมือนบ่อน้ำสำหรับพวกนิครนถ์ ควรให้บิณฑบาตแก่พวกนิครนถ์อย่างเดิม

อุบาลีชื่นชมต่อพระพุทธจริยายิ่งขึ้น และทูลว่าเคยได้ยินมาว่าพระสมณโคดมสอนว่า จงให้ทานแก่พวกเราไม่ควรให้แก่พวกอื่น พึงให้ทานแก่สาวกของเราไม่ควรให้ทานแก่สาวกพวกอื่น ทานที่ให้แก่เราและสาวกของเรามีผลมาก ที่ให้แก่ผู้อื่นหามีผลมากอย่างนั้นไม่ แต่ความเป็นจริงที่ประสบด้วยตนเองในบัดนี้ก็คือ พระผู้มีพระภาคชี้ชวนข้าพระองค์ให้ให้ทานแม้ในพวกนิครนถ์

พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมมีอนุปุพพิกถา เป็นต้น จนอุบาลีคหบดีได้บรรลุธรรมคือพระโสดาปัตติผล เมื่อกลับไปยังบ้านของตนได้สั่งคนเฝ้าประตูบ้านว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปปิดประตูไม่ต้อนรับพวกนิครนถ์ ต้อนรับแต่พระผู้มีพระภาค พระภิกษุสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา

ทีฆตปัสสีนิครนถ์ได้ยินข่าวนี้จึงบอกแก่นิครนถนาฏบุตร นิครนถนาฏบุตรไม่เชื่อ ในที่สุดได้ไปพิสูจน์ด้วยตนเอง โดยการไปที่บ้านอุบาลี แต่ไม่ได้รับการต้อนรับอย่างเคย เพียงแต่ให้ปูอาสนะไว้ที่ศาลาประตูกลาง

เมื่อออกมาต้อนรับอย่างขัดเสียไม่ได้ก็นั่งบนอาสนะที่ดีกว่า เมื่อสนทนากันไปเป็นเวลานานเห็นว่านิครนถนาฏบุตรยังสงสัยในการเปลี่ยนศาสนาของตน อุบาลีจึงประคองอัญชลีไปทางทิศที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ แล้วเปล่งวาจาหลายครั้งว่าตนเป็นสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า นิครนถนาฏบุตรเสียใจจนอาเจียนเป็นเลือด

ที่พวกเดียรถีย์หรือนักบวชลัทธิอื่นพูดกันว่า พระสมณโคดมมีอาวัฏฏนีมายาเวทมนต์ สำหรับกลับใจคนนั้น จริงๆ แล้วสิ่งนั้นไม่ใช่อื่นไกล สิ่งนั้นคือพระวาจาที่ประกอบไปด้วยเหตุผล ซึ่งผู้ฟังตรองตามแล้วเห็นจริงได้ และตรัสพระวาจานั้นด้วยเมตตา มุ่งประโยชน์และความสุขแก่ผู้ที่มาสนทนาด้วย เมื่อเขาได้มองเห็นเหตุผลอย่างชัดเจนและนำไปปฏิบัติตามแล้วได้ประโยชน์เขาก็เลื่อมใส กลับใจจากลัทธิอื่นมานับถือพระพุทธศาสนา










Create Date : 08 มิถุนายน 2550
Last Update : 5 สิงหาคม 2550 18:34:05 น. 5 comments
Counter : 1029 Pageviews.

 


อนุโมทนาค่ะ



โดย: addsiripun วันที่: 8 มิถุนายน 2550 เวลา:9:43:06 น.  

 
ธรรมะทำให้ใจสงบค่ะ


โดย: Aedjung (Aedjung ) วันที่: 8 มิถุนายน 2550 เวลา:9:54:11 น.  

 


โดย: printcess of the moon วันที่: 8 มิถุนายน 2550 เวลา:12:00:53 น.  

 
แวะมาอ่านธรรมะค่ะ

ไม่จงใจกระทำก็คงบาปไม่มากหรอกใช่ไหมค่ะ


โดย: wayoflife วันที่: 8 มิถุนายน 2550 เวลา:16:03:23 น.  

 
ไม่มีเจตนาเป็นลหุโทษคล้ายทางกฎหมายแหละค่ะ


โดย: poivang วันที่: 10 มิถุนายน 2550 เวลา:19:48:54 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.