คราวหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ ปาวาริกัมพวัน (สวนมะม่วงของเศรษฐีพ่อค้าผ้า) ใกล้เมืองบาลัน เวลาเช้าสาวกของนิครนถนาฎบุตรคนหนึ่งชื่อ ทีฆตปัสสีเข้าไปบิณฑบาตในเมืองนาลันทา บริโภคอาหารแล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ ปาวาริกัมพวัน สนทนากันเรื่องกรรมทางกาย วาจา ใจ ว่าอย่างไหนมีโทษเป็นบาปมากกว่า ทีฆตปัสสี : นิครนถนาฎบุตร กล่าวว่า ทัณฑ์ทางกายมีโทษมากกว่าในการทำบาปกรรม พระพุทธเจ้า : เราเรียกว่า กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ไม่เรียกทัณฑ์ และเรากล่าวว่ามโนกรรมมีโทษมากในการทำบาป ทีฆตปัสสีกลับไปหานิครนถนาฎบุตร ซึ่งเวลานั้นพักอยู่ที่เมืองนาลันทาเหมือนกัน เล่าเรื่องที่สนทนากับพระสมณโคดมให้อาจารย์ฟัง ซึ่งเวลานั้นอุบาลีคหบดีสาวกคฤหัสถ์คนสำคัญของนิครนถ์นั่งอยู่ด้วย เห็นว่าทีฆตปัสสีกล่าวถูกต้องแล้ว คำของพระสมณโคดมไม่ถูกต้อง อุบาลีคหบดีต้องการไปโต้วาทะกลับพระพุทธเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ นิครนถนาฎบุตรก็สนับสนุน แต่ทีฆตปัสสีไม่เห็นด้วยบอกว่า พระสมณโคดมมีมายาสำหรับกลับใจคน (อาวัฏฏนีมายา) เมื่อพบกันพระพุทธเจ้าทรงเล่าเรื่องที่สนทนากับทีฆตปัสสีให้อุบาลีคหบดีทราบตามที่เขาทูลถาม ทรงเล่าตรงกับที่ทีฆตปัสสีเล่าทุกประการ อุบาลียืนยันว่าทัณฑ์ทางกายมีโทษมากกว่าทัณฑ์ทางใจ (นี่คือตอนหนึ่งของการสนทนา) พระพุทธเจ้า : ในการก้าวไปถอยกลับของพวกนิครนถ์ ย่อมเหยียบสัตว์เล็กสัตว์น้อยเป็นอันมาก (โดยไม่ตั้งใจ) ในเรื่องนี้นิครนถนาฎบุตรบัญญัติวิบาก (คือผลกรรม) อย่างไร อุบาลี : กรรมที่ทำไม่จงใจไม่มีโทษมาก พระพุทธเจ้า : ถ้าจงใจเล่า อุบาลี : เป็นกรรมที่มีโทษมาก พระพุทธเจ้า : นิครนถนาฎบุตรบัญญัติเจตนาไว้ในส่วนไหนของทัณฑ์ทั้ง ๓ อุบาลี : บัญญัติไว้ในมโนทัณฑ์ นี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทรงชี้ให้ดูว่ามโนกรรมมีโทษมาก แต่อุบาลีก็ยังยืนยันเหมือนเดิม จึงตรัสซักไซร้ไล่เรียงต่อไป พระพุทธเจ้า : ในเมืองนาลันทานี้มีคนมาก ถ้าจะมีใครกล่าวว่าเขาจะฆ่าคนในเมืองนาลันทานี้ให้ตายพร้อมกันเพียงครู่เดียวจะทำได้หรือไม่ อุบาลี : อย่าว่าแต่คนเดียวเลย แม้ ๑๐ คน ๒๐-๕๐ คน ก็ไม่อาจประหารคนในเมืองนาลันทานี้ให้ตายพร้อมกันได้ พระพุทธเจ้า : ถ้าสมณะหรือพราหมณ์ผู้มีฤทธิ์ มีความชำนาญทางจิตมาในหมู่บ้านนาลันทานี้ กล่าวว่าจะทำบ้านนาลันทานี้ให้เป็นเถ้าถ่านด้วยการคิดประทุษร้ายเพียงครั้งเดียวจะทำได้หรือไม่ อุบาลี : ทำได้อย่างแน่นอน แม้ ๕๐ หมู่บ้านก็ทำได้อย่าว่าแต่หมู่บ้านเดียวเลย พระพุทธเจ้า : นี่ก็แสดงว่ามโนกรรมมีความสำคัญเพียงไร อุบาลี : พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระองค์ชื่นชมต่อภาษิตของพระผู้มีพระภาคตั้งแต่อุปมาข้อแรกแล้ว แต่ที่ทำเป็นยึดมั่นในความเห็นเดิมอยู่ ก็เพื่อที่จะฟังพระปฏิภาณ (ไหวพริบ) ในการตอบปัญหาของพระผู้มีพระภาค ต่อจากนั้นอุบาลีคหบดีก็สรรเสริญพระธรรมเทศนาว่า แจ่มแจ้งเหมือนหงายของที่คว่ำ เป็นต้น ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต พระพุทธองค์ทรงเตือนให้ใคร่ครวญเสียก่อน เพราะอุบาลีเป็นคนที่มีชื่อเสียงอยู่ การจะเปลี่ยนความเคารพเลื่อมใสจากลัทธิหนึ่งไปยังอีกลัทธิหนึ่งจำต้องไตร่ตรองให้ดี อุบาลีแสดงความเลื่อมใสยิ่งขึ้นและยืนยันการถึงพระรัตนตรัยของตน พระพุทธองค์ตรัสว่าตระกูลของอุบาลีนั้นเป็นเหมือนบ่อน้ำสำหรับพวกนิครนถ์ ควรให้บิณฑบาตแก่พวกนิครนถ์อย่างเดิม อุบาลีชื่นชมต่อพระพุทธจริยายิ่งขึ้น และทูลว่าเคยได้ยินมาว่าพระสมณโคดมสอนว่า จงให้ทานแก่พวกเราไม่ควรให้แก่พวกอื่น พึงให้ทานแก่สาวกของเราไม่ควรให้ทานแก่สาวกพวกอื่น ทานที่ให้แก่เราและสาวกของเรามีผลมาก ที่ให้แก่ผู้อื่นหามีผลมากอย่างนั้นไม่ แต่ความเป็นจริงที่ประสบด้วยตนเองในบัดนี้ก็คือ พระผู้มีพระภาคชี้ชวนข้าพระองค์ให้ให้ทานแม้ในพวกนิครนถ์ พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมมีอนุปุพพิกถา เป็นต้น จนอุบาลีคหบดีได้บรรลุธรรมคือพระโสดาปัตติผล เมื่อกลับไปยังบ้านของตนได้สั่งคนเฝ้าประตูบ้านว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปปิดประตูไม่ต้อนรับพวกนิครนถ์ ต้อนรับแต่พระผู้มีพระภาค พระภิกษุสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา ทีฆตปัสสีนิครนถ์ได้ยินข่าวนี้จึงบอกแก่นิครนถนาฏบุตร นิครนถนาฏบุตรไม่เชื่อ ในที่สุดได้ไปพิสูจน์ด้วยตนเอง โดยการไปที่บ้านอุบาลี แต่ไม่ได้รับการต้อนรับอย่างเคย เพียงแต่ให้ปูอาสนะไว้ที่ศาลาประตูกลาง เมื่อออกมาต้อนรับอย่างขัดเสียไม่ได้ก็นั่งบนอาสนะที่ดีกว่า เมื่อสนทนากันไปเป็นเวลานานเห็นว่านิครนถนาฏบุตรยังสงสัยในการเปลี่ยนศาสนาของตน อุบาลีจึงประคองอัญชลีไปทางทิศที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ แล้วเปล่งวาจาหลายครั้งว่าตนเป็นสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า นิครนถนาฏบุตรเสียใจจนอาเจียนเป็นเลือด ที่พวกเดียรถีย์หรือนักบวชลัทธิอื่นพูดกันว่า พระสมณโคดมมีอาวัฏฏนีมายาเวทมนต์ สำหรับกลับใจคนนั้น จริงๆ แล้วสิ่งนั้นไม่ใช่อื่นไกล สิ่งนั้นคือพระวาจาที่ประกอบไปด้วยเหตุผล ซึ่งผู้ฟังตรองตามแล้วเห็นจริงได้ และตรัสพระวาจานั้นด้วยเมตตา มุ่งประโยชน์และความสุขแก่ผู้ที่มาสนทนาด้วย เมื่อเขาได้มองเห็นเหตุผลอย่างชัดเจนและนำไปปฏิบัติตามแล้วได้ประโยชน์เขาก็เลื่อมใส กลับใจจากลัทธิอื่นมานับถือพระพุทธศาสนา
อนุโมทนาค่ะ