poivang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




Cursors scrollbar background bullet สีfont สีlink webpage ลบกรอบ ภาพcomment
Group Blog
 
 
มกราคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
14 มกราคม 2558
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add poivang's blog to your web]
Links
 

 
แผ่เมตตาให้ศรัตรู

... แผ่เมตตาให้ศัตรู ...


การผูกอาฆาตพยาบาท จองเวร ให้ผลข้ามภพข้ามชาติ ถ้าเราเปรียบภพชาติเหมือนคืนวัน การนอนหลับเหมือนการตาย การตื่นจากหลับ เหมือนการเกิด ภพชาติก็ใกล้ตัวเราเข้ามา การผูกอาฆาตพยาบาทเหมือนการเข้านอนโดยไม่อาบน้ำชำระร่างกาย หลับก็ไม่เป็นสุข ตื่นขึ้นมาก็ไม่สดชื่นในแต่ละวัน จิตใจของเราเก็บเกี่ยวเฉี่ยวโฉบอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง อิจฉา อาฆาต พยาบาท ขุ่นแค้น ขัดเคือง นานาชนิดเอาไว้ ถ้าไม่มีวิธีชำระใจก็จะเกิดสนิมใจขึ้นมา คนเราไม่อาจนอนได้อย่างมีความสุข หากไม่ชำระร่างกายฉันใด ใจที่ไม่ชำระจะทำให้ฝันร้าย อารมณ์หงุดหงิด หลับไม่สนิทฉันนั้น

มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาจากต่างประเทศมีสนิมใจเกิดขึ้นหมักหมมมานานกว่า 20 ปี ไม่มีทางแก้มันตามหลอกหลอนทุกอิริยาบท เข้านอน เข้าห้องน้ำ อารมณ์โกรธ เกลียดพยาบาทก็ยังตามหลอกหลอน ต้องถอนหายใจตลอดเวลา เราต้องหาวิธีปลดปล่อยอารมณ์นั้นให้ได้ เพื่อเราจะได้ไม่ต้องผูกอาฆาตพยาบาทใคร หรือให้ใครตามมาจองเวรเราข้ามภพข้ามชาติ แปลว่ากาลข้างหน้าเราไม่ต้องมารองรับสู้รบกับใครอีกต่อไป

แต่ทว่า การอโหสิกรรมให้แก่คนที่เรารักทำได้ง่ายแต่คนที่เราชังทำได้ยาก ถึงกระนั้นเราก็ต้องทำให้ได้ การ " แผ่เมตตาให้ศัตรู " ที่เขียนไว้พอเป็นแนวทางให้ฝึกปฎิบัติ เพื่อวันหน้าภพหน้าเราจะได้ไม่มีใครเป็นศัตรูต่อไป เป็นการชำระใจของเราให้สะอาดทุกวันๆ เพื่อให้มั่นใจว่า แม้วันนี้เราจะต้องตายจากไป เราก็รู้สึกไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ไม่มีใครเป็นศัตรูกับเรา ไม่มีหนี้กรรมเวรใดๆ จะต้องไปชดใช้กับใครในภพอื่นชาติโน้น ใจเราก็เป็นสุขสบาย ใจเขาก็เอิบอิ่มเป็นบุญ

เริ่มต้นที่เรา มิใช่รอให้เขาเริ่มต้น เริ่มต้นวันนี้ มิใช่รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ เพราะ ... พรุ่งนี้อาจไม่มีเรา ขอให้ท่านจงคิดว่า เราเกิดมาลงทุน แม้ยังไม่ได้กำไร ก็อย่าให้ขาดทุนในชีวิตการแผ่เมตตาถึงคนที่เรารักและคนที่เรารู้สึกว่าเขาเป็นศัตรูกับเรา คือ เรารู้สึกเกลียดชังเหลือเกิน ไม่อยากพูดด้วย ไม่อยากร่วมงาน ไม่อยากเกี่ยวข้อง ไม่อยากเห็นหน้า

โดยธรรมชาติของมนุษย์ ยิ่งเกลียดยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งโกรธก็ยิ่งถูกแกล้ง เราเป็นทุกข์เพราะความคิด ทุกข์เพราะจินตนาการ เป็นความผิดของเขาบางทีเขาก็แกล้งให้เราเป็นทุกข์ เพราะรู้ว่าให้ยาพิษแล้วเรายินดีรับมาดื่มเป็นความผิดของเราเอง เรากำลังจุดไฟเผาใจเราเองต่างหาก เท่ากับว่าอะไรที่เป็นขยะเราขนเข้ามากองในใจทั้งหมด สุดท้ายหัวใจของเราก็กลายเป็นกองขยะที่เน่าเหม็น มิใช่หิ้งบูชาที่งดงามอย่างแต่ก่อนอีกต่อไป

ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดให้ได้ ปรับวิธีดำรงชีวิตเสียใหม่ ไม่ให้ใจเป็นถึงขยะ แต่ให้ใจเป็นหิ้งบูชาพระที่งดงามทุกวัน ด้วยการมองหาดีของคนให้พบ มองบวก คิดบวก พูดบวก เพราะการทำอะไรเป็นบวก จะทำให้ได้กำไร และใจสบายส่วนการมองลบ คิดลบ พูดในทางลบ นอกจากตัวเองเกิดทุกข์แล้ว ยังทำให้ผู้อยู่รอบตัวเราเป็นทุกข์ตามไปด้วย เราควรหลีกเลี่ยงคนที่คิดในทางลบเพราะทำให้ชีวิตเราติดลบไปด้วย จะมีใครคิดบ้างว่าศัตรู

บางคน ตั้งความปรารถนาขอไปเกิดเป็นลูกเราก็มี เพื่อที่จะได้ล้างผลาญจิตใจเราให้ถึงที่สุด เช่นลูกบางคนเกิดมาเพื่อผลาญสมบัติของพ่อแม่ กรรมเวรมีจริงผลของการอาฆาตพยาบาท ให้ผลร้ายขนาดนี้อะไรทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ พลังงานความคิดที่เราไม่ยอมปลดปล่อยอารมณ์ออกไปนั่นเองเป็นเหตุ สังเกตุดูให้ดีจะเห็นว่า เราคิดเกลียดเมื่อใดเท่ากับเราทาสีลงบนผ้าที่สีกำลังจะเลือนหายไป

เราคิดโกรธเมื่อใด เท่ากับเราตอกย้ำให้เกิดความคมชัดทางความรู้สึกขึ้นมาอีก เท่านั้น เป็นการเติมมโนกรรม วจีกรรม กายกรรม ที่มีต่อคนๆ นั้นให้คงเหลืออยู่ตลอดเวลา ๆ ที่ใกล้จะเลือนหายแล้ว คนเราชอบพูดถึงคนที่เราเกลียด เมื่อพูดบ่อยๆ อารมณ์นั้นก็จะฝังแน่นในใจ แม้ไม่ปรารถนาจะเก็บความไม่ดีของคนนั้นไว้ หารู้ไม่นั่นคือ การนำขยะที่เน่าเหม็นมาเก็บไว้ในใจตัวเอง ในที่สุดใจเราก็จะเต็มไปด้วยอารมณ์เกลียด อารมณ์เน่าเฟะอยู่ในใจเรา

พึงจำไว้ว่า คนที่เราเกลียดชังหรือโกรธแค้น หยุดพูดก็หยุดคิด หยุดคิดก็เลือน
หาย เพียงแต่เราอดใจไม่ได้ มักย้ำคิดย้ำทำย้ำพูด จึงต้องเหยียบย่ำทำกรรมในใจตัวเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงจำเป็นต้องหาวิธีแผ่เมตตาให้ถุกต้อง คือแผ่ให้ถึงศัตรูให้ได้ เพื่อให้ความเป็นศัตรูในใจเขาและเราหมดไปจากกัน ยุติบทบาทกรรมข้ามภพข้ามชาติให้ได้

ในทางพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงสอนให้เราแผ่เมตตาด้วยการใช้คำว่า

" สัพเพ สัตตา แปลว่า สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง "

คำนี้มีนัยที่สำคัญมากนั่นคือ ทรงสอนให้เราแผ่เมตตาให้ถึงศัตรูได้โดยไม่รู้สึกติดขัด ให้คิดว่าคนทุกคนเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่มาเยือนโลก มีความเสมอกันในการได้ชีวิตจริงๆ แล้ว การมาเกิดจึงไม่ต่างจากการมาเที่ยว เมื่อวีซ่าหมดอายุ ก็ต้องรีบกลับ ถ้าเราคิดกว้างๆ ได้อย่างนี้ คือ คิดว่าทุกคนเป็นเพียงสรรพสัตว์เท่านั้น ไม่ได้คิดว่าเป็นศัตรู ใจของเราก็จะรู้สึกสบายขึ้น เบาโปร่ง หายใจโล่ง เราก็เริ่มแผ่เมตตาได้

วิธีแผ่เมตตา ท่านจึงสอนไม่ให้คิดว่าเป็นคนที่เรารักหรือเป็นคนที่เราชัง หากแต่คิดว่าเป็นสรรพสัตว์ที่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ร่วมโลกเดียวกัน ทุกชีวิตเป็นเพียงธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ เท่านั้น การคิดเช่นนี้ เป็นการปรับอารมณ์ให้สมดุลกันก่อน ปรับให้ถึงธาตุเดิมของชีวิต เพื่อไม่ให้เกิดความสุดโด่งทั้งรักและชัง เหมือนเป็นการปรับพื้นดินไม่ให้สูงหรือต่ำ แต่ปรับให้พื้นที่ทุกตารางนิ้วได้ระดับเดียวกันหมดเสียก่อน แล้วจึงเทน้ำลงไป น้ำที่เทลงไปก็จะกระจายไปทุกพื้นที่ได้ง่าย ที่ดอนก็ไม่มี ที่สุ่มก็ไม่เกิด

การแผ่เมตตาก็เช่นเดียวกัน การแผ่เมตตาให้คนที่เราเกลียดทำได้ยาก แต่จำเป็นยิ่งกว่าแผ่เมตตาให้คนที่เรารัก เพราะปัญหาอยู่ที่ความรู้สึกเป็นศัตรู มิใช่ความรู้สึกรัก ยิ่งเกลียดมากยิ่งต้องใช้พลังจิตสูง แต่ถ้าทำได้แล้ว ก็สบายใจไปตลอดชีวิต อาจจะยากเพียงครั้งแรกครั้งเดียว ครั้งต่อไปก็ง่าย ยิ่งเราได้ปฎิบัติเป็นประจำจนเคยชินของยากก็เป็นของง่ายทุกอย่างก็ถือเป็นปกติ ไม่มีอุปสรรคขัดข้อง และความรู้สึกเป็นศัตรูหรือโกรธเกลียด อาฆาตพยาบาทก็จะหมดไป ก็จะเลือนหายไปจากใจเรา กระทั้งหมดสิ้น ในที่สุด คนที่เคยเป็นศัตรูเราก็จะกลายเป็นมิตร ไม่ช้าก็เร็ว

การก่อเวรข้ามภพข้ามชาติก็จะหมดไป ทุกชีวิตก็จะปลอดจากเวรภัยในสงสารวัฎ เกิดภพใด ชาติใด ก็จะได้พบแต่คนดี มีคนอุ้มชูช่วยเหลือจะทำให้มีครอบครัวดี มีลูกดี มีรูปสมบัติ มีสติปัญญาดี เพราะทุกอย่างเริ่มต้นที่ ... " ทำใจดี " ให้ได้ในวันนี้



Create Date : 14 มกราคม 2558
Last Update : 14 มกราคม 2558 19:36:36 น. 0 comments
Counter : 1446 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.