<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
17 ธันวาคม 2553

The Social Network (2010) : ฤาออสการ์ จะประกาศผลทาง Facebook

..

บทวิเคราะห์ “ภาพยนตร์ กับ รางวัลออสการ์” ... ยังไม่ดูก็อ่านได้


ในยุค 2010 ที่โลกออนไลน์กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของชีวิตมนุษย์

... ลองคิดกันเล่นๆว่า กรรมการพิจารณารางวัลออสการ์ จะมี facebook กี่คน ?

.


.


The Social Network เป็นภาพยนตร์ว่าด้วยจุดเริ่มต้นของเว็บไซต์ระดับโลกอย่าง Facebook.com ที่ฮิตระเบิดระเบ้อ มีสมาชิกที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายออนไลน์นี้กว่า 500 ล้านคนในทุกทวีป

หากมองกันที่เนื้อหาของบทภาพยนตร์ The Social Network อาจเป็นเพียงหนังกึ่งอัตชีวประวัติของ Mark Zuckerberg (รับบทโดย Jesse Eisenberg)

เด็กหนุ่มนักศึกษาฮาวาร์ด ที่เป็นอัจฉริยะด้านไอที รวมถึงผองเพื่อนผู้ก่อตั้ง และผู้เกี่ยวข้อง ที่มีการชิงไหวชิงพริบ มองเกมธุรกิจ และหักเหลี่ยมกัน ...

จนกระทั่งเกิดเป็น facebook อย่างทุกวันนี้

.

.

ในแง่เนื้อหาของภาพยนตร์ ข้อเท็จ หรือข้อจริง ในเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น คงมีหลายสื่อนำเสนอมากมายแล้ว ...

บทความนี้ จึงหยิบ The Social Network มาพิจารณาในมุมของ
“การเป็นว่าที่หนังพิชิตออสการ์”
.

.




โดยพื้นฐานแล้ว หนังว่าด้วยประวัติของบุคคล หรือองค์กรต่างๆ มักได้รับการจับตามองบนเวทีรางวัลเสมอ
เพราะส่วนมาก การที่ผู้สร้างจะอนุมัติให้ทำเรื่องราวของใครสักคนมาขายบนจอเงิน คงต้องกลั่นกรองมาในระดับหนึ่งแล้วว่า
มีความน่าสนใจ และมี “อะไร” น่าจับต้อง ค้นหา


ในกรณีของ The Social Network จึงกลายเป็นพลังบวกสองเด้ง
เพราะไม่เพียงแต่เล่าประวัติย่อๆของเจ้าหนุ่ม Zuckerberg
ที่กลายเป็นเศรษฐีระดับโลกตั้งแต่อายุยังไม่ทันหลักสาม
ยังเป็นการอธิบายถึงธุรกิจเว็บไซต์ดัง
ที่มีสมาชิก “ร่วม” เป็นเครือข่ายนับร้อยล้านคน






แล้วการที่วัตถุดิบชั้นดี มาตกอยู่ในมือยอดผู้กำกับ David Fincher (เจ้าของผลงานดังๆ อาทิ Se7en ,
Fight Club และ The Curious Case of Benjamin Button
)
ความน่าสนใจของภาพยนตร์ก็ยิ่งเพิ่มระดับขึ้นได้อย่างมิต้องสงสัย

.
.

ข้อพิสูจน์นั้น เริ่มตั้งแต่เทคนิคการเล่าเรื่องและการตัดต่อ
ซึ่ง “เท่” และ “ชาญฉลาด”

ที่ค่อยๆเล่าเรื่องราวในลักษณะปะติดปะต่อ
เผยความจริง ความคิดเห็น และเหตุการณ์ออกมาทีละส่วน
สลับตัดกลับไปมาพอเป็นพิธี ไม่ถึงกับ “งง”
จนผู้ชมค่อยๆเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครทั้งหมด
ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบัน พร้อมไปกับการลุ้นเหตุการณ์ก่อนหน้าว่ามีที่มาอย่างไร

แถมด้วยทีเด็ด คือ
การเล่าเรื่องแบบ “ไม่ฟันธง”
แต่ปล่อยให้ผู้ชมภาพยนตร์คิดวิเคราะห์เอาเอง

.

.

จุดแข็งอีกด้านของ The Social Network
คือ การแสดงที่ “เข้ากัน”

ซึ่งในระยะหลัง ภาพยนตร์ที่สามารถพิชิตรางวัลใหญ่ได้บนเวทีสำคัญ มักมี “นักแสดง” ที่เล่นกันได้อย่างเข้าขา กลมกลืน และเป็นส่วนเติมเต็มซึ่งกันและกัน

อย่างน้อยที่สุดก็ คือ นักแสดงนำทั้งสองคน หรือหากมีสีสันมากกว่านั้นก็เป็นรูปแบบ “ทีมนักแสดง” ซึ่ง The Social Network จัดอยู่ในกลุ่มหลัง

เพราะไม่เพียงแค่ Eisenberg ที่โดดเด่น
แต่ยังเติมสีสันจาก Andrew Garfield ในบท Eduardo Saverin เพื่อนรักผู้ร่วมก่อตั้ง
และยอดตัวขโมยซีน Justin Timberlake ในบท Sean Parker

(ครั้นจะหนังหวังรางวัล มีนักแสดงนำคนเดียว เล่นคู่กับลูกวอลเลย์บอล
... ก็ต้องเข้าใจว่า นักแสดงระดับ “Tom Hanks" นั้นไม่ได้เป็นกันได้ทุกคน)


.

.

เมื่อมองในด้านธรรมเนียมรางวัลออสการ์ ยิ่งกลายเป็นจุดเด่น

เพราะ David Fincher เคยทำได้ดีที่สุดเพียงแค่เข้าชิงรางวัลผู้กำกับ (รวมถึงภาพยนตร์) ในปี 2008 จาก The Curious Case of Benjamin Button เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ซึ่งหากไม่เป็นเพราะมี Slumdog Millionaire เป็นกระดูกชิ้นโต
Fincher ก็อาจสัมผัสออสการ์ครั้งนั้นไปแล้วก็เป็นได้






อย่างไรก็ดี ไม่ว่า The Social Network สมควรได้รับรางวัลใดๆ ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม

ยังไม่มีน้ำหนักมากเท่ากับ เหตุผลที่ว่า ยุค 2010 เป็นยุคแห่ง Facebook อย่างแท้จริง
และยังเป็นภาพยนตร์อัตชีวประวัติว่าด้วยคนไอที – โลกออนไลน์ ที่ สด ใหม่ ตรงสถานการณ์ที่สุดแล้วในวันนี้
.

ดังเช่นว่า ถ้าหาก The Social Network สร้างขึ้นสัก 2-3 ปีก่อนหน้านี้
พลังในความมีส่วนร่วมของกรรมการ และผู้ชม ย่อมไม่มากเท่าวันนี้

เช่นเดียวกัน

ถ้าหาก ในปีหน้า มีภาพยนตร์ว่าด้วยประวัติของ Jack Dorsey - Evan Williams และBiz Stone ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Twitter

.. หรือภาพยนตร์ว่าด้วยประวัติ และผลงานของ Julian Assange ผู้ก่อตั้ง WikiLeaks สุดฮอตคู่แข่ง Zuckerberg ในการช่วงชิงบุคคลแห่งปี

ต่อให้เป็นภาพยนตร์ที่ดี ...

แต่ในความ “สด –ใหม่ –แปลก – ทันสมัย – อารมณ์ร่วม” ก็ไม่อาจเท่ากับ The Social Network ที่นำร่องสร้างออกมาในปีนี้ได้

.

.

กระทั่งล่าสุด เมื่อนิตยสาร Time สื่ออันทรงอิทธิพล
ยังประกาศให้ Mark Zuckerberg ได้รับตำแหน่งเป็น Person of the Year 2010 ... ย่อมส่งผลดีตรงต่อตัวภาพยนตร์บนเวทีรางวัลอย่างไม่ต้องสงสัย


.
.






ข้อเท็จจริงสุดท้าย ...

รางวัลออสการ์ปีนี้ อาจมีคนหลายร้อยล้านคนทั่วโลก
ทราบผลประกาศผ่านทาง Social Network ที่ชื่อ

“Facebook”


..






Create Date : 17 ธันวาคม 2553
Last Update : 17 ธันวาคม 2553 21:33:53 น. 4 comments
Counter : 1340 Pageviews.  

 
ชอบ Inception มากกว่าครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 18 ธันวาคม 2553 เวลา:7:13:42 น.  

 
ต้องยอมรับว่าหนังเรื่องนี้เขากระแสแรงจริงๆ ครับ


โดย: Nanatakara วันที่: 18 ธันวาคม 2553 เวลา:9:26:23 น.  

 
รอดู The Fighter ก่อนดีกว่าครับถึงจะทายได้

แต่ถ้าปีนี้กรรมการออสการ์ใจดีนึกอยากจะให้หนังไซ-ไฟขึ้นมาล่ะ...


โดย: komyooth วันที่: 20 ธันวาคม 2553 เวลา:16:28:48 น.  

 
ดู The King's Speech มาแล้ว ชอบมากกว่าเรื่องนี้


โดย: คนขับช้า วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:49:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

POGGHI
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




..

บทความ และผลงานภาพถ่าย โดย เจ้าของ Blog นี้
สงวนลิขสิทธิ์ พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗

ห้ามผู้ใดละเมิด ด้วยการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความ และ ผลงานภาพถ่าย โดย เจ้าของ Blog ไปใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร


POGGHI

..
[Add POGGHI's blog to your web]