<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
5 มีนาคม 2553

Up in The Air : รักแท้ในอากาศ

..














(บทความนี้ เป็นบทความกึ่งวิจารณ์ กึ่งแนะนำภาพยนตร์ : ยังไม่ดูก็อ่านได้)



How much does your life weigh?

Imagine for a second that you're carrying a backpack.

I want you to pack it with all the stuff that you have in your life


.
.




ถ้าสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตมนุษย์ เปรียบเหมือนข้าวของสัมภาระในเป้ใบหนึ่ง
มันคงเป็นเรื่องที่ดี หากเราสามารถสละ ละทิ้งมันออกไปได้ เพราะไม่ต้องคอยแบกเอาไว้บนบ่า พกพาไปไหนมาไหนตลอดเวลา ไม่ต้องกังวลถึงสินทรัพย์ภายนอก ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ต้องแปรเปลี่ยน หรือความรักที่จืดจาง

... เรียกว่าปล่อยตัวอิสระ ปล่อยใจไปเรื่อยๆ ปราศจากข้อผูกมัดใด


แต่ทว่า แม้เราจะตัดขาดซึ่งวัตถุไปได้ แต่หากตราบเท่าที่มนุษย์ยังเป็นสัตว์สังคม

... การหาคู่ การสืบเผ่าพันธุ์ ความรัก มิตรภาพ หรือความรู้สึกต่างๆที่เป็นผลมาจากความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมโลก จึงยังเป็นสิ่งจำเป็น ที่หล่อเลี้ยงเติมเต็มความสมบูรณ์ของจิตใจ

(เว้นเสียแต่เราจะกลายร่างเป็นฤาษีผู้สันโดษ อาศัยอยู่คนเดียวโดดเดี่ยวบนเทือกเขาสูงห่างไกลผู้คน)


.
.

Ryan Bingham (George Clooney) หนุ่มใหญ่ที่มีความขัดแย้งระหว่างงานที่ทำกับไลฟ์สไตล์อยู่ในที
ด้วยหน้าที่การงานประหลาดๆซึ่งต้องเดินทางไปไหนมาไหน เพื่อพบกับคนแปลกหน้ามากมาย และบอกข่าวร้ายให้คนเหล่านั้นทราบว่า

“เสียใจด้วย ... คุณถูกบริษัทเลิกจ้าง!”





งานที่ดูแปลกประหลาดนี้ เป็นการลดการปะทะขัดแย้งระหว่างนายจ้างบริษัทแม่ กับพนักงานที่โดนปลด
ซึ่งเป็นการถนอมน้ำใจแบบแปลกๆ หรือจะมองอีกมุมหนึ่ง ก็คือ การที่ผู้บริหารองค์กรไม่กล้าสู้หน้าบอกข่าวร้ายต่อพนักงานผู้ซื่อสัตย์ ทำงานมาหลายปีซึ่งกำลังกลายเป็นอดีตลูกจ้าง

... หน้าที่ของ Bingham จึงเป็นเหมือนผู้แบกรับ และแบ่งเบาสถานการณ์ตรึงเครียดนั้นไว้แทนผู้บริหาร ด้วยการตัวกลางในการแจ้งข่าว

สำหรับเรื่องความขัดแย้งระหว่างงานกับไลฟ์สไตล์ที่กล่าวข้างต้น
มาจากนิสัยที่ไม่ยึดติดอะไรของ Bingham งาน ก็คือ งาน เมื่อบอกข่าวร้ายจบ คุณก็จะไม่มีวันได้เจอกับหนุ่มผมสีดอกเลาคนนี้อีก ราวกับว่า เขาทำตามหน้าที่เท่านั้น

แต่ในมุมกลับ หนุ่มคนนี้ ก็มีวาทศิลป์ ปลอบโยน จูงใจ หรือคติข้อคิดอันแสนวิเศษที่สร้างแสงแห่งความหวังในวันโหดร้าย
นั่นจึงไม่ต่างกับว่า Bingham คือ นักจิตวิทยาระดับเซียนไปกลายๆ จากงานบอกข่าวร้ายกับคนอื่น กลายเป็นงานที่ปลุกปลอบขวัญ สร้างความฮึกเหิมต่อไปในชีวิต และทำร้ายจิตใจต่อคนแปลกหน้าให้น้อยที่สุด

คล้ายกับหนุ่มคนนี้มีความเห็นอกเห็นใจต่อความรู้สึกเพื่อนมนุษย์ได้อย่างถ่องแท้

.
.




Up in The Air เล่าเรื่องผ่านหน้าที่การงานของ Bingham ที่ต้องเดินทาง เดินทาง และเดินทาง

แต่ทว่าเมื่อพนักงานสาวรุ่นใหม่ไฟแรง Natalie Keener (Anna Kendrick) ต้องการมาลดค่าใช้จ่ายของงานประเภทนี้ เรื่องวุ่นๆเกี่ยวกับงานจึงเกิดขึ้น

ขณะเดียวกัน แม่สาวสามสิบยังแจ๋ว อย่าง Alex Goran (Vera Farmiga) ก็เข้ามาสร้างสัมพันธ์กับหนุ่ม(รักความ)โสด
จน Bingham ต้องถามตัวเองว่า พร้อมจะหยุดการเดินทางแบบเดิมๆ เพื่อเริ่มต้นการเดินทางรูปแบบใหม่หรือยัง

.
.

ภาพยนตร์โรแมนติก คอเมดี้ ดราม่า เรื่องนี้ มีจุดเด่นตรงเล่าเรื่องเรียบง่ายให้สนุก
โดยแฝงข้อคิด และบทสนทนาต่างๆเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ไว้อย่างคมคาย มองเผินๆ มันอาจจะราบเรียบจนไม่มีอะไร
แต่นั่นล่ะ คือ จุดแข็งของบทภาพยนตร์ สำหรับการเล่าเรื่องใกล้ๆตัวให้มีมิติที่มีเสน่ห์เพิ่มขึ้น


.



คนบางคนทำงานทุ่มเทกับหน้าที่
จนลืมความสัมพันธ์กับคนรอบกาย


คนบางคนมีอุดมคติ มีความคิดก้าวหน้า มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
แต่ทั้งหมดคือความเจ๋งเชิงทฤษฎี ไม่ใช่ปฏิบัติ


คนบางคนมองเทคโนโลยีว่าเป็นสิ่งที่ทดแทนอะไรหลายๆอย่างได้
แต่หารู้ไม่ว่า มันก็ไม่ใช่ทุกสิ่ง


คนบางคนอาจคิดว่าความผิดหวัง คือ สิ้นหวัง
ทั้งที่ความจริง อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความหวังครั้งใหม่


คนบางคนรักสนุก รักโสด คิดว่ามีความสุขกับชีวิต
แต่วันหนึ่ง อาจจะรู้ตัวว่า กลายเป็นคนที่เหงาที่สุดในโลก

.


ตัวอย่างเหล่านี้ คือ เรื่องใกล้ๆตัว เรียบง่าย ที่หาได้ทั่วไป
... แต่มันถูกผสมจนกลมกล่อม ออกมาเป็น Up in The Air






กระนั้น ก็ใช่ว่าภาพยนตร์ว่าด้วยชีวิตคนสมัยใหม่ จะดีไร้ที่ติไปทั้งหมด เพราะในช่วงครึ่งหลัง ที่หนังพยายามจะเล่าเรื่องแบบฟีลกู้ดมากเกินไปนิด
ก็ทำให้ผู้ชมอาจรู้สึกล้นๆ เกินๆ ได้เช่นกัน รวมถึงความเป็นหนังแทรกอารมณ์คอเมดี้ ก็ทำให้เรื่องราวที่กำลังเข้มข้น มีรสจางลงไปบ้าง


(อย่างไรก็ตาม Up in The Air ยังแก้ตัวได้ ด้วยการเป็นหนังที่จบได้ “จี๊ด” มากที่สุดเรื่องหนึ่ง)


.
.

Up in The Air เข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาแทบทุกสถาบัน
แถมพ่วงด้วยสาขาใหญ่ ทั้งผู้กำกับ บทภาพยนตร์ และนักแสดง (ทั้ง 3 คน)


ด้านผู้กำกับ Jason Reitman คงยิ้มแก้มปริ เมื่อเข้าชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมบนเวทีใหญ่อย่างออสการ์อีกครั้ง หลังจากไม่กี่ปีก่อนเพิ่งจะได้เข้าชิงไปจากเรื่อง Juno

… Reitman จึงกลายเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ที่น่าจับตามองในวงการเป็นที่เรียบร้อย จากการกำกับภาพยนตร์ขนาดยาวเพียง 3 เรื่องเท่านั้น





สำหรับงานด้านอื่นที่เด่นๆ คงหนีไม่พ้น การตัดต่อ และเพลงประกอบภาพยนตร์
ซึ่งแม้ว่าจะไม่เข้าตาเท่ากับสาขาใหญ่ แต่ก็ถือว่าทำได้ดี โดยเฉพาะคอเพลง ก็ไม่ควรพลาดหาซื้อ OST. มาฟัง
(ใครชอบแม่หนู Anna Kendrick ในอัลบั้มนี้ มีเพลง Time After Time เสียงร้องแบบลูกเป็ดของเธอให้ฟังด้วยนะ ฮา)


ภาพยนตร์บางเรื่อง อาจเล่าประเด็นเรียบง่าย ไม่ต้องมีเอ็ฟเฟคตระการตา ไม่ต้องมีเนื้อหาลึกลับซับซ้อน

แต่เมื่อดูจบ เรามีคำถามกับชีวิต มีข้อคิดกลับมามองตัวเอง

... หนึ่งในนั้น คือ ภาพยนตร์เรื่องนี้




.
.
.

ขอเรียนให้ท่านผู้โดยสารทราบว่า

ท่านสะสมไมล์ได้ เกรด A- ค่ะ

ขอบคุณที่ใช้บริการ Up in The Air


..





Create Date : 05 มีนาคม 2553
Last Update : 11 ธันวาคม 2555 14:22:52 น. 13 comments
Counter : 7339 Pageviews.  

 
เขียนถึงหนังได้ยอดเยี่ยมเลยค่ะ

อ่านแล้วความอยากดูหนังเรื่องนี้

เพิ่มเป็นทวีคูณเลยค่ะ

ชอบสไตล์การเขียนของคุณจังค่ะ


โดย: oRanGIsM วันที่: 5 มีนาคม 2553 เวลา:4:09:13 น.  

 
น่าดูมากเลยค่ะเรื่องนี้



โดย: I_sabai วันที่: 5 มีนาคม 2553 เวลา:6:37:13 น.  

 
ไปดูมาแล้วครับ
หนังเรียบๆ แต่แฝงคำคมๆ ไว้เยอะเลย


โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 5 มีนาคม 2553 เวลา:9:38:48 น.  

 
ตอนจบ จี๊ด จริงๆครับ

แต่พี่จอร์จ คลูนีย์ เท่ห์สุดๆละครับ เรื่องนี้


โดย: *omega* วันที่: 5 มีนาคม 2553 เวลา:17:45:02 น.  

 
ตั้งใจจะดูอยู่แล้วค่ะ พออ่านบทความนี้ยิ่งอยากดูมาก ๆ


โดย: The Best of Me วันที่: 5 มีนาคม 2553 เวลา:23:45:01 น.  

 
ปลื้มมากครับ หนังเรื่องนี้


โดย: Nanatakara วันที่: 6 มีนาคม 2553 เวลา:15:19:55 น.  

 
ได้เข้าไปดูมาเหมือนกันค่ะ เหมือนจะไม่มีอะไร แต่มันมีอะไรในนั้นเยอะเลย

เดินออกจากโรงแล้วได้คำถามเพื่อไปหาคำตอบให้กับตัวเองอีกหลายข้อ

ป.ล.จอร์จเท่ห์มากค่ะ
ป.ล.2 พี่ POGGHI สบายดีนะคะ


โดย: oub_ib IP: 58.64.84.32 วันที่: 9 มีนาคม 2553 เวลา:13:48:41 น.  

 
เพิ่งไปดูมาวันนี้คนเดียวที่สกาล่าได้ฟีลมากเรื่องนี้

ให้แง่คิดเยอะดี


โดย: ibad IP: 58.136.98.15 วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:16:21:40 น.  

 
ดูจบแล้วรู้สึกเหงาๆ แต่ก็ชอบครับ


โดย: donkiyote IP: 118.173.251.232 วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:8:15:37 น.  

 
ชอบมากเหมือนกันครับเรื่องนี้


โดย: คนขับช้า (คนขับช้า ) วันที่: 20 มีนาคม 2553 เวลา:6:47:44 น.  

 
เพิ่งได้ดูหนังเมื่อคืนนี้ค่ะก่อนมาอ่านblog คุณ
สไตล์การเขียนคุณมีมุมมองดีนะคะ

ไว้จะพยายามแวะมาอ่านบ่อยๆนะคะ
ขอบคุณค่ะ


โดย: เจ้าของคุกกี้ IP: 118.173.146.162 วันที่: 25 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:51:08 น.  

 
เพิ่งดูหนังเรื่องนี้เมื่อคืน ว่าจะเขียนอยู่เหมือนกัน
ดูงานมาหลายคนแล้ว หลายคนเขียนแย่มากเลย
แต่คุณเขียนเยี่ยมมากนะครับ..


โดย: SESA IP: 88.88.88.50, 58.10.88.105 วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:14:13:11 น.  

 
ผมจะขออนุญาติ เจ้าของ blog นำข้อความสักส่วนหนึ่งออกไปแป๊ะใน facebook ต้องทำงัยครับ ต้องให้เครดิตมั้ยครับ หรือให้ทำเป็น hotlink ด้วยครับ รบกวนแจ้งด้วยนะครับ ผมชอบคำคมนะครับ


โดย: ohmohm IP: 118.172.67.0 วันที่: 20 กรกฎาคม 2554 เวลา:11:34:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

POGGHI
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




..

บทความ และผลงานภาพถ่าย โดย เจ้าของ Blog นี้
สงวนลิขสิทธิ์ พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗

ห้ามผู้ใดละเมิด ด้วยการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความ และ ผลงานภาพถ่าย โดย เจ้าของ Blog ไปใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร


POGGHI

..
[Add POGGHI's blog to your web]