สาเหตุแรกเลยคือ ตอนจบตัวเอกตาย ไม่ว่าจะเป็นพระเอกหรือนางเอก ซึ่งในกรณีเส้นทรายสีเงินนี้ น้องพระเอกตาย รับม่ายด้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย (เสียงยาวเพราะไม่ได้จริงๆ) บางเรื่องที่พลาดอ่านจนจบ อันนี้ช่วยไม่ได้เลยจริงๆ ดิชั้น เห็นยังงี้ที่น้องบอกว่าเป็นคนเย็นชา เวลาอ่านหนังสือ หรือดูหนังประเภทนี้ น้ำตาจะไหลพรากๆ เคยพลาดดู The Letter ที่แอน ทองประสมแสดง ทั้งๆ ที่ดิชั้นรู้แล้วว่าน่าจะเป็นหนังร้องไห้ แล้วก็ทำจายไปเรียบร้อยแล้ว เอาซีดีที่เพื่อนอุตส่าห์ขนมาจากเมืองไทย มาดูกะรูมเม็ทกันสองคน ปิดไฟ อากาศช่วงนั้นเริ่มหนาวๆๆๆๆ พอเริ่มเรื่องเพื่อนตัวดีก็ร้องไห้ซะละ ตอนนั้นดิชั้นยังเฉย เฉย พอเริ่มมีแววว่าพระเอกจะตายเท่านั้นแหละ กระดาษทิชชู่ที่เอามาตั้งรอ เริ่มได้ใช้งานถี่ขึ้นๆ ดิชั้นดึงกระดาษสลับกะเพื่อน ข้างๆ ตัวมีกระดาษที่ใช้แล้วคนละกองใหญ่ กว่าจะจบเรื่อง กระดาษก็เกือบหมดกล่องพอดี เรื่องนี้ดูครั้งเดียวพอเลย จนป่านนี้ยังไม่กล้าเปิดดูอีกรอบ นิยายของคุณหญิงป้าอี้ดก็อยู่ในลิสของดิชั้น ไม่ซื้อเด็ดขาด ถ้าไม่ได้รับคำยืนยันจากพี่ร้านขายหนังสือว่าจบดี ไม่มีใครตาย เรื่องที่มีใครตายก็เช่าเอา (ก่อนเช่าต้องทำใจก่อน) หนังเกาหลงหนังเกาหลีพวก winter love song อย่าหวังว่าจะเอามาดู ฮ่า ฮ่า ฮ่า
สาเหตุที่สอง คือ พล็อตดี แต่ภาษาที่คนเขียนมันช่างยากที่จะทำความเข้าใจเหลือเกิน บ้างก็ติสซะ บ้างก็วัยสะรุ่นเกิน ดิชั้นเป็นพวกตะลุยอ่าน ขี้เกียจมานั่งทำความเข้าใจว่าคนเขียนต้องการสื่อความหมายอะไร เพราะฉะนั้นเดาได้เลยว่า เวลาอ่านนิยายสืบสวน จะเดาไม่ค่อยถูกว่าใครเป็นคนร้าย การ์ตูนก็รวมอยู่ในเคสนี้ด้วย เช่น โคนัน ดิชั้นไม่เคยเดาถูกเลยว่าใครเป็นคนร้าย แต่ไม่นับหนังภาพยนต์นะจ้ะ ในกรณีนั้นเดาถูกเกือบทุกเรื่อง ไม่รู้เป็นไรเหมือนกัน
แต่จริงๆแล้วต้องบอกว่า คนเขียนคนนี้ ดีวันดีคืน 55555 (...ยอ...ตัวเองสุดริด)
ด้วยความขอบพระคุณที่อ่านและเฝ้าเม้นต์จนครบ (ถึงจะไม่จบเส้นทรายก็ตามทีเหอะ...) อยากบอกว่าในความภูมิใจของคนเขียน เส้นทรายสีเงา เป็นเล่มแรกที่อยู่ในโครงการ...แปล เพื่อจัดตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ ค่ะ คิดเอาเถิดว่ามัน โอเช ขนาดไหน แต่อ่านไม่จบไม่เป็นไรค่ะ ต้องกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงๆๆๆ สุดๆๆๆ