Elephant (2003) เด็กนรก...เพราะใจสั่งมา
Directed by Gus Van Sant
Starring Alex Frost, Eric Deulen, John Robinson, Elias McConnell, Jordan Taylor, Carrie Finklea, Nicole George, and Larry Laverty
ผ่านวันเด็กมาไม่กี่วัน ขอคุยหนังเด็ก(แสดง)ที่ดูจะไม่เด็ก(เด็กไม่ควรดู)บ้าง เคยคุยกับเพื่อนๆในกลุ่มว่า ชอบโลกเราในยุควัยเด็กมากกว่าตอนเราโต(ปัจจุบัน)...พร้อมกับปลงๆกับชีวิตว่าเราคงจะแก่กันมากแล้วมั้งถึงมานั่งรำพึงกับความหลังกัน มีเพื่อนคนนึงพูดว่าคนทุกคนก็ต้องมี "ยุคอดีตฝันวันวาน"ของตัวเองกันทั้งนั้นแหละ รุ่นอา รุ่นน้า เค้าก็มีความสุขในวัยสดใสของเค้าเหมือนเราๆ ทุกคน เราก็เห็นด้วยกับความคิดของมันนะ แต่เราว่ามาในยุคปัจจุบัน ที่ทั้งเทคโนโลยี แฟชั่นค่านิยม ที่เค้าบอกว่าล้ำยุค ล้ำสมัยดูเด็กสมัยนี้ช่างสะดวกสบายนั้น ตัวเราเองกลับคิดว่าเด็กในยุคนี้ โชคร้ายและไร้ซึ่งความใสและใจที่เดียงสาซะจนน่ากลัวเมื่อเทียบกับยุคก่อน ซึ่งเด็กๆส่วนใหญ่ต่างวิ่งเล่นกับธรรมชาติ(ใกล้ธรรมชาติ) สนุกสนานกับเพื่อนๆ(ไม่ใช่เกมส์) ผู้ใหญ่ก็มีเวลาคอยดูแลเอาใจใส่ และขัดเกลาพร่ำสอนจนติดเป็นสันดานภายใน ไม่เหมือนเด็กสมัยนี้ ที่ส่วนใหญ่ ทำอะไรฉาบฉวย ยึดติดกับวัตถุ จนแยกไม่ออกว่า อะไรคือผิด อะไรคือถูก (เวลาถามว่าจะทำดีอะไรข้ออ้างสุดฮิตก็คือ ไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อนก็พอแล้ว)
นึกเล่นๆ ว่าหากเด็กๆถูกปลูกฝังให้เอาแต่ความคิดตัวเอง ไม่คำนึงถึงการแบ่งปันให้สังคม แล้วมันจะเป็นอย่างไร ปัจจุบันสังคมรอบตัวเรามันก็สะท้อนคุณค่าจิตใจของคน ที่เสื่อมลงเรื่อยๆ อยู่แล้ว เช่น ค่านิยมของเด็กนักเรียนหญิงที่ชอบตบตีกัน เด็กนักเรียนมั่วกิ๊กถ่ายคลิปโป๊กัน เด็กอายุไม่ถึง 15 ฆ่ากันตายเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง ลงข่าวกันรายวันจนบางทีดูชาชินและกลายเป็นเรื่องธรรมดากันไป สำหรับสังคม หน่วยงานไหนมีหน้าที่ก็แก้กันไปดิ(อูย....อินเกินไปเปล่าว่ะตู...เข้าเรื่องดีกว่า)
"ELEPHANT" เป็นหนังที่สะท้อนความรู้สึกเย้ยหยันคนดูได้อย่างดีเยี่ยม ประมาณว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงนะเพ่ ถึงแม้ หนังจะเป็นการตบหน้า สังคมคนอเมริกัน(ใช้คำว่าจิกกัดมันคงน้อยไป)และถึงจะห่างไกลจากวัฒนธรรมไทยอยู่หลายขุม แต่ในความแตกต่างมันก็มีความเหมือนอยู่เหมือนกัน สิ่งนั้นก็คือ เรื่องจิตใจของวัยรุ่นในยุค"ฉันเป็นตัวของตัวเอง"ที่ต้องการ การเยียวยา
ตอนซื้อมาดู(ปีก่อน) เราเองก็ไม่ได้ทำการบ้านหรืออ่านไกด์อะไรไว้เลย (เตรียมเสพ รับอรรถรสอย่างเต็มที่) รู้แค่ผู้กำกับเค้าเก่ง(ผลงานเจ๋งๆทั้งนั้น) และเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการฆ่าหมู่ในโรงเรียนที่เกิดจากนักเรียนด้วยกัน ดูหน้าปกก็คิดว่า อุ๊ย! วัยหวานสะท้อนสังคม (แอบนึกถึง KIDS ขึ้นมาตะหงิดๆ) โอ้....มีใบปาล์มประดับปกด้วย ในใจก็นึกว่าขออย่าให้อาร์ตมากนะพ่อคุณ...เพราะกลัวคิดจนปวดกบาล แต่มีเรื่องติดใจอยู่เรื่องนึงคือชื่อหนังนี่แหละว่าทำไมมันถึงใช้ชื่อว่า "ELEPHANT" ฟ่ะ...ช้าง..(เกี่ยวไร)
หนังเปิดเรื่องมาที่ Mr. McFarland ที่ยังดูเมาค้างอยู่ เค้าไปส่ง John ลูกชายที่โรงเรียน ซึ่งดูเค้าจะขับรถแทบไม่ไหวเพราะเป๋ไปเป๋มา จนJohn ต้องทำหน้าที่ขับแทนเอง การพูดคุยกันก็ดูจะเป็นเรื่องลูกกับพ่อขี้เมาปกติ(ที่ดูเหมือนพ่อจะพยายามทำหน้าที่พ่อที่ดี..แต่มันตรงข้ามกับพฤติกรรม) หนังก็ตัดสลับมาที่ Elias วัยรุ่นบ้าถ่ายรูปที่เดินถ่ายรูประหว่างไปโรงเรียนเค้าถ่ายภาพคู่รักวัยหวานมีการสั่งโพสท่า ยังงั้นยังงี้ ยังกับตากล้องมืออาชีพ John มาถึงโรงเรียน เค้าไม่ยอมให้พ่อขับรถกลับ เค้าบอกพ่อว่าจะโทรตามพี่ให้มารับพ่อกลับบ้าน ระหว่างJohn เดินเข้าไปในโรงเรียน(กล้องเริ่มเลื้อยตาม John ไปโดยไม่ตัดเลย) หลังจากโทรหาพี่และฝากกุญแจไว้ที่ออฟฟิศโรงเรียน John ก็ถูกเรียกเข้าห้องพักครู ทั้งครูและ John เจอกันเหมือนสิ่งนี้มันเป็นกิจวัตรไปแล้ว
หลังจากนั้นหนัง ก็นำเสนอมุมมองหรือวิถีชีวิตของนักเรียน คนอื่นๆในโรงเรียน สิ่งที่เราเห็นมันก็เหมือนวิถีชีวิตเด็กทั่วๆไป ที่สนามหญ้าก็มีเด็กนักเรียนเล่นกีฬากัน ในอาคารเรียนก็มีกลุ่มนักเรียนหญิงเม้าท์กันเรื่องผู้ชาย เรื่องลดความอ้วน หรือในห้องเรียน ก็มีกลุ่มเด็กเรียนกำลังวิภาควิจารณ์กันในหัวข้อที่เราฟังแล้วก็ อืม...อนาคตนักการเมือง อนาคตนักเรียกร้องสิทธิ ทั้งนั้น หนังใช้กล้องเลื้อยไปตามจุดต่างๆในโรงเรียนโดยใช้นักเรียนเป็นตัวเชื่อม(กล้องตามหลังคนนี้ ไปเจอคนนั้นแล้วก็ตามคนนั้นไปเจอคนโน้น) ดูแล้วเออเว้ย เจ๋งดีว่ะ
หนังเล่าโดยเลื้อยกล้องไปเรื่อยๆตัดสลับเรื่องราวนักเรียนหลายคนจนมาถึง John เดินผ่านโรงอาหาร แล้วก็ เดินสวน Elias(นักเรียนบ้าถ่ายรูปตอนต้นเรื่อง) Elias ทักทายแล้วก็ขอ Johnแอ็คท่าถ่ายรูปพอถ่ายเสร็จ John ก็เดินออกไปนอกอาคาร ระหว่างนั้น John เดินสวน Eric และ Alex ที่แต่งตัวยังกับคอมมานโด กำลังจะเดินเข้าไปในอาคารโรงเรียน Johnทักและถาม พวกเค้าว่า "พวกนายจะทำอะไร" Eric กับ Alex บอกให้ Johnกลับไปซะแล้วไม่ต้องกลับเข้ามาอีก ทำเอา John ยืนงงและถามเพียงว่า "พวกนายจะทำอะไร"
หลังจากนั้นหนังก็พาย้อนกลับไปดูเรื่องราวของ Eric กับ Alex Alex ดูเหมือนเด็กนักเรียนทั่วไป หน้าตาน่ารัก (ไม่มีแววเกเร) เค้าถูกเพื่อนแกล้งในชั้นเรียน (มันก็ดูเป็นปกติในสังคมเด็กนะ) หนังก็ตัดสลับไปมาระหว่างเรื่อง Alex กับนักเรียนคนอื่นๆ ที่มีวิถีชีวิตแตกต่างกันไป Alex มีเพื่อน ชื่อ Eric ทั้งคู่ดูซี้และสนิทกันมาก หนังเล่าให้เห็นพฤติกรรมของพวกเค้าที่ชอบเล่นเกมส์ แบบเด็กผู้ชายทั่วไป (ยิงกันซะหัวกระจุย) Alexเล่นดนตรีก็อย่างเพราะ(คลาสสิค บีโธเฟ่น เลยล่ะ) และแน่นอนพวกเค้าก็ชอบพวกอาวุธปืน(หนังไม่ได้จงใจ..บอกว่าไอ้สองเด็กนี่มัน เลวในกมลสันดาน แบบทำตัวกร่าง เกรียน แต่หนังทำให้เราดูเหมือน เค้าก็แค่เด็กทั่วไปที่ชอบเกมส์ และชอบพวกปืนก็เท่านั้น) ที่ชวนอึ้ง(เล็กน้อย)คือพวกเค้าสั่งซื้อปืนผ่านทางเน็ต ได้อย่างง่ายดาย และเวลารับของ(ปืน)ที่ส่งมาให้ ก็เซ็นต์รับได้อย่างง่ายดายเช่นกัน หลังจากนั้นคงไม่ต้องเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ก็มาบรรจบกับตอนที่ John เดินสวน Alex กับ Eric และทั้งคู่ก็เข้าไปกราดยิงคนในโรงเรียน อย่างหน้าตาเฉย หน้านิ่งมาก.. และผลของการกระทำคือ ตายเป็นเบือ ..หนังไม่ได้บอกจุดจบชะตาชีวิตของ Alex ว่าเป็นยังไง (เหลือคนเดียวเพราะ Eric ก็โดน Alexฆ่าทิ้งเหมือนกัน) แต่มาคิดต่อ ไอ้หมอนี่มันคงมีนรกอยู่ในใจไปจนตายเลยทีเดียว
บางทีดูไปหนังก็แค่เล่าเรื่องวัยรุ่นมีปัญหาที่เห็นได้จากหนังทั่วๆไป และว่าไปก็ออกจะไร้รสชาติ ไม่ระห่ำหรือชวนระทึกขวัญเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าเรามองดูดีๆ ความธรรมดาที่ไม่ธรรมดานี้ มันชวนขนลุก ยิ่งกว่าหนังสยองบางเรื่องซะอีก บอกตรงๆเป็นหนังที่ทำให้รู้สึกทั้งชอบทั้งเกลียด ในคราวเดียวกัน เกลียดตรงที่มันแรงแบบไม่ให้เราตั้งตัว (เหมือนตบเราให้คว่ำ) และดูมันก็ไม่ได้ให้ความบันเทิง(ในลักษณะจรรโลงใจกับชีวิตเลย) จะปลอบประโลมซะหน่อยว่ายังไงเรามีกฎหมายนะ ประมาณตอนจบมีนักเรียนฮีโร่หรือตำรวจมาช่วยก็ไม่มี (เฮ้อ....ก็อย่างว่ากฎหมายไม่ใช่ทางแก้ในเรื่องของจิตใจคนน่ะนะ) หนังมันกลับให้ความรู้สึกที่ว่า เราอยู่กับอะไรว่ะเนี่ย แต่ละอย่างในชีวิตประจำวันมันไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย เพราะความคิดและคุณธรรมในใจ ของแต่ละคน(ไม่ใช่แค่เด็ก)มันถูกปลูกฝังมา มันต่างกัน ยิ่งยุคสมัยที่บูชาแต่วัตถุอย่างปัจจุบัน มันก็เลยทำให้เด็กๆป่วย(ทางจิต)ไม่รู้กี่คนต่อกี่คนแล้ว บรื๋ออออออ!!!สยองง
ส่วนจุดที่ชอบของหนังเรื่องนี้คือ การเล่าเรื่องที่สลับ ไปมา มีการเล่าย้อนเวลาของนักเรียนแต่ละคนแล้วมาบรรจบกันที่ก่อนเหตุการณ์ฆ่าหมู่ และวิธีถ่ายภาพที่แปลกดี อารมณ์หนัง ก็ดูเนียนมั่กมาก มันเหมือนไม่มีบท ไม่มีสคริปต์ เหมือนตามไปดูเด็กๆ ในโรงเรียนที่แอบเม้าท์ แอบจุ๊บ ถกเถียงกัน แกล้งเพื่อนๆ ซึ่งดูไม่มีอะไรไร้สาระ งั้นๆ แต่จู่ๆก็ ตูม!!! ระเบิดเลย ... เราก็เฮ้ยอะไรว่ะเนี้ย อย่างงั้นเลยเหรอ
เคยเจอข้อมูลของหนังจากเวปอะไรจำไม่ได้ เค้าอธิบาย ชื่อ ELEPHANTไว้ว่า.......
ELEPHANT คงจะมีความหมายหมายถึง ?สิ่งใหญ่ๆที่ไม่มีใครมองเห็น? หรือ ?สิ่งสำคัญที่ทุกคนมองข้ามไป? ซึ่งจะสอดคล้องกับเนื้อหาที่นำเสนอปัญหาความรุนแรงของสังคมที่ทุกคนมองข้ามไปหรือไม่ใคร่สนใจจะนึกถึงมัน ดังจะเห็นได้จากการดำเนินเรื่องของหนังที่เล่าเรื่องราวเรียบๆง่ายๆของกลุ่มนักเรียนไฮสคูลกลุ่มหนึ่ง ที่บ้างก็จับกลุ่มนินทาเพื่อนฝูง, บ้างก็สาละวนอยู่กับการถ่ายรูป, บ้างก็กำลังเล่นกีฬา, บ้างก็สุงสิงอยู่กับความรัก, บ้างก็หาอะไรกินในโรงอาหาร ฯลฯ ชีวิตทุกคนดูเป็นไปตามอัตภาพ เป็นชีวิตเรื่อยๆเปื่อยๆ ไม่ได้มีใครสนใจใครเป็นพิเศษ ทุกอย่างดูดำเนินเป็นปกติ แต่แล้วจู่ๆก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เป็นเหตุการณ์รุนแรงที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ไม่มีใครนึกมาก่อนว่าเพื่อนนักเรียนที่เค้าเคยรู้จัก เคยเดินสวนผ่าน เคยพูดคุยด้วยกัน จะเป็นคนที่ก่อเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นมา นี่คือหัวใจสำคัญของหนังเรื่องนี้ นั่นก็คือการตบหน้าประชาชนชาวอเมริกันทุกคนที่ต่างก็ทำเหมือนทองไม่รู้ร้อนกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับโรงเรียนไฮสคูลที่เด็กนักเรียนเอาปืนมาไล่ยิงเพื่อนนักเรียนด้วยกันเอง หนังเรื่องนี้ต้องการจะบอกว่า พวกเราชาวอเมริกันละเลยปัญหาสำคัญของสังคมมานานมากแล้ว พวกเราต่างทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับความรุนแรงต่างๆที่แทรกตัวอยู่ในสังคมของเราเอง มันเป็น ?สิ่งสำคัญที่ทุกคนมองข้ามไป? เหมือนกับ ?ช้าง? ในเรื่องเล่าเรื่องนั้นที่ถูกมองข้ามจากทุกคน ด้วยเหตุนี้เอง หนังเรื่องนี้จึงใช้ชื่อ ?ช้าง? มาเป็นชื่อหนัง เพื่อต้องการสื่อความหมายพิเศษบางประการที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องเล่าเรื่องนั้น
เป็นเด็ก(จิตใจ)ดีกันนะครับ......
Create Date : 16 มกราคม 2550 |
|
9 comments |
Last Update : 17 มกราคม 2550 10:25:10 น. |
Counter : 6828 Pageviews. |
|
|
|
สวัสดีค่ะ
มาเยี่ยมเยียน ค่ะ ได้เวลา
เดินชมบ้านเพื่อน แล้วค่ะ
(@^_^@)
จุ๊ฟๆๆ