|
เงาบรรณ 11
คุยกันก่อนอัพ
วันนี้ขอเก็บพรรณรังสีไว้ไกลๆก่อนนะคะ รู้สึกเธอจะแรงจนคนอ่านชักเดือดกรุ่นๆกันไปหลายท่าน 555+ ^o^ เลยเอามุมของนักเขียนรุ่นใหม่อย่างทรายขวัญมานำเสนอแทน สำหรับใครที่กำลังเตรียมตัวส่งงาน อย่าลืมสร้างเกราะคุ้มกันหัวใจให้เข้มแข็ง เผื่อจับผลัดจับผลูโดนระลอกคลื่นแรงๆแบบทรายขวัญจะได้รับมือทัน
คิดแบบมิรันตีที่ว่าพวกเราต้องดูแลกันเอง ถ้าเจอคนอ่อนแรงเพราะคลื่นคำอักษรซัดหนักหนาสาหัส อย่าลืม...ช่วยให้กำลังใจซึ่งกันและกันต่อไปนะคะ
ขอบคุณค่า หมู่นี้พลอยโต้รุ่งทุกคืนแฮะ หลับยากจัง T^T
Ploy666.
**************
เงาบรรณ 11 ผู้แต่ง ploy666 (สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย)
แน่ใจนะขวัญว่านี่เขาเรียกว่าการคอมเม้นท์จากบรรณาธิการประจำสำนักพิมพ์...
คำถามของน่านฟ้าไม่ต่างจากท่าทีของเขาเมื่อกวาดตามองข้อความในกระดาษซึ่งน้องสาวยื่นให้ก่อนหน้านั้นพักใหญ่
มิรันตีชะโงกหน้าอ่านซ้ำๆแล้วเบ้หน้าตามสิ่งที่ใจคิด
ถ้าไม่บอกไม่รู้นะเนี่ยว่าคนเขียนตั้งใจอ่านนิยายไปจบเรื่องแล้ว เขียนมาได้ยังไง... แม่นางเอกไปไหนคะ? ...ช่างวิจารณ์ได้อย่างมีระดับเสียจริงๆ ตอนท้ายหล่อนประชดอย่างอดไม่ไหว
ทรายขวัญยิ้มกร่อยๆ หน้ายังซีดไม่หายนับแต่ลงมานั่งอยู่ตรงนี้โดยมีพี่ชายโอบไหล่อย่างให้กำลังใจในที
ขวัญไม่แน่ใจว่าเขาอ่าน แต่เขาบอกมาว่าเขาอ่านแล้วถึงยังไงนิยายเรื่องนี้ต่อให้ขวัญไม่ถอนเขาก็ไม่ให้ผ่าน
อ่านแล้วทำไมเขาถึงไม่รู้ว่าแม่นางเอกตาย มิรันตีย้อนกลับพลางแสร้งทำหน้าตื่น หรือว่าขวัญลืมทำไฮไลท์ในข้อความนั้น ถ้าแก้ไขกันจบแล้วคงต้องทำตัวอักษรขยายขนาดสักเจ็ดสิบห้าส่งไปใหม่สินะ
น่านฟ้าอยากหัวเราะกับคำเหน็บแนมของเพื่อนน้องสาวแต่ก็ขำไม่ออก
ชายหนุ่มก้มลงดูชื่อตอนท้ายกระดาษที่ทรายขวัญปริ้นท์มาจากอีเมล พึมพำว่า ตกลงคนคอมเม้นท์เป็นผู้หญิงสินะ
จะผู้หญิงหรือผู้ชายฝ้ายไม่สนหรอกค่ะพี่นอต ที่แน่ๆ เขา ใช้วิธีการเม้นท์ที่ประหลาดและทำให้สงสัยในศักยภาพการให้คำแนะนำของเขาอย่างยิ่ง ถ้าตัวละครยายขวัญหายไปเพราะคนเขียนตกหล่น เขาก็ควรใช้การแนะนำกลับมาดีๆว่า...น้องคะ ตัวละครนั้นตัวละครนี้ไม่ถูกเอ่ยถึงอีกเลย ซึ่งทำให้เห็นตัวละครปิดจบไม่ดี ต้องแก้ไขจุดนี้นะคะ...นั่นต่างหากพี่นอตที่เขาเรียกว่าคำแนะนำ มาถามกันแบบ แม่นางเอกไปไหนคะ? ฝ้ายอยากเรียกว่าพฤติกรรมกวนประสาทมากกว่าค่ะ
ไม่รู้ว่าคนส่งอีเมลเจตนาหรืออ่อนวิจารณญาณจนไม่เข้าใจว่าประโยคนั้นทำให้คนอ่านรู้สึกอย่างไร
จะเป็นไปได้หรือที่คนซึ่งเรียกตัวเองว่าบรรณาธิการจะจับ ความรู้สึก ที่แฝงมาในทุกๆถ้อยคำมิได้ น่านฟ้าทบทวนแล้วก็เห็นจริงตามที่มิรันตีกล่าวไว้
...คนมีศักยภาพแค่ไหนจึงเลือกสรรการใช้คำลักษณะนี้...
ขนาดเขาซึ่งไม่ได้มีอาชีพในการเขียนหรือต้องใช้ทักษะมากมายในการอ่าน ยังบอกได้เลยว่านั่นเหมือนข้อความที่แฝงการเยาะหรือเหน็บแนมแกมขันเสียมากกว่าสื่อเจตนาดี
ขวัญเขียนชัดนะคะว่าแม่นางเอกตาย ถ้าเขาไม่ได้อ่านถี่ถ้วนก็น่าจะไม่ต้องมาคอมเม้นท์ก็ได้นี่คะ ทรายขวัญล้าแรง
มิรันตีใช้นิ้วจิ้มไปที่คำแนะนำข้อถัดๆมาและอ่านดังๆ
พระเอกกับนางเอกรักกันไม่พอ แล้วก็สงสัยว่าทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนี้
เขาถามแปลกจริงๆนั่นแหละน่านฟ้าขมวดคิ้ว ก็ ผู้หญิงคนนี้ ที่เขาถามน่ะมันเป็นนางเอกของเรื่องที่ขวัญกำหนดไว้ ไม่ให้พระเอกกับนางเอกรักกันแล้วจะให้พระเอกไปรักใคร
นั่นสิ...จะสงสัยทำไมว่าต้องเป็นผู้หญิงคนนี้
เรื่องย่อที่มีหรือกระทั่งเนื้อหาก็บอกชัดเจนว่านั่นน่ะนางเอก!
เขาอาจมีเจตนาถามเพื่อหมายความที่ซ่อนไว้อย่างอื่นคะ ทรายขวัญหน้าเสีย
ไม่รู้สิ แต่ข้อความเขาส่งมานี่ยิ่งอ่านยิ่งงง...เขาเป็นบรรณาธิการได้ยังไง ทำไมใช้ภาษาไทยให้เข้าใจไม่ได้เนี่ย
ทรายขวัญก็มึนหัวหมุนไปหลายตลบเมื่อพยายามทบทวนข้อความอันเหมือนลายแทงดังกล่าว
ข้อนี้เข้าใจง่ายหน่อยค่ะ เขาบอกชื่อนางเอกนิยายเรื่องนี้เชยให้เปลี่ยนใหม่ ทรายขวัญยังคงพยายามปลอบตัวเองด้วยการหาข้อแนะนำที่พอจะ รับได้ ให้เจอ
คำว่าเชยนี่มันมาตรฐานไหน ฝ้ายชักไม่แน่ใจมาตรฐานบรรณาธิการรายนี้แฮะขวัญ ที่สำคัญเขามองไหมว่าชื่อนางเอกมีที่มาและบางครั้งมันก็เป็นส่วนหนึ่งของพล็อตที่คนเขียนเจตนาใส่ไป
เมื่อศรัทธาไม่เกิดสิ่งต่อๆมาก็พังตามๆกัน
น่านฟ้าคิดว่าบรรณาธิการรายนั้นผิดพลาดตั้งแต่แรกจึงจบลงแบบไม่ดีนักในสายตานักเขียน...
มิรันตียกมือไหว้เชิงขออนุญาตไปทางน่านฟ้า ก่อนจะกระตุกกระดาษในมือชายหนุ่มมาขยำโยนไปทางถังขยะและลงไปในนั้นอย่างแม่นยำตามแรงอารมณ์
ขอโทษค่ะ...แต่คอมเม้นท์แบบนี้ฝ้ายรับไม่ได้จริงๆพี่นอต
ใจเย็นๆฝ้าย น่านฟ้าพยายามไกล่เกลี่ย
นี่ถ้าฝ้ายเอาคำวิจารณ์นิยายพรรค์นี้ไปใส่ให้ตัวละครฝ้ายที่เขียนอยู่ คนเขาจะเชื่อไหมพี่นอตว่านั่นเป็นคนที่ทำอาชีพบรรณาธิการจริง
คนถูกถามก็ตอบได้ว่า...ยากที่จะเชื่อ
อย่างน้อยข้อที่ถามหาตัวละครซึ่งเขียนชัดเจนว่าเสียชีวิตแล้วก็ทำให้รู้ว่ากระบวนการอ่านมีปัญหารุนแรง
ขวัญเคยเจอแต่บรรณาธิการมาบ่นตามเว็บบอร์ดในอินเตอร์เน็ต ว่ามีปัญหานักเขียนไม่ได้ความ ใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมเวลาติดต่องาน ขวัญคิดเสมอนะคะว่าบรรณาธิการทำงานน่าเห็นใจ แต่ไม่เคยคิดว่าจริงๆนักเขียนก็มีปัญหาที่พูดออกไปไม่ได้เยอะแยะ เจ้าของนิยายต้นเหตุถอนใจ
กระทั่งมิรันตีย้ำบ่นนั่นแหละว่า
ใครเขาจะบ่นบรรณาธิการ ส่วนมากเขาก็เอาขึ้นหิ้งไว้บูชา...เขาไม่คิดหรอกว่าบรรณาธิการก็มีดีและไม่ดีเป็นพนักงานกินเงินเดือนกินค่าคอมมิชชั่นจากนักเขียน อันที่จริงก็แค่อาชีพหนึ่งเท่านั้นเอง
น่านฟ้าดักคอยิ้มขัน ฝ้ายพูดมาแล้วทำให้พี่นึกถึงนิยายในเรื่องเงาบรรณของคุณแสนยากรที่เราโหลดมาทิ้งให้อ่าน
แนวคิดนักเขียนคนโปรดฝ้ายนี่คะพี่นอต
แสนยากรเป็นต้นแบบสำคัญที่จุดประกายความคิดของอีกหลายคนซึ่งมิรันตีรู้จัก
แล้วบรรณาธิการสำนักพิมพ์ที่เราทำงานด้วยอยู่ล่ะ
แหม...ฝ้ายก็เลือกทำงานกับคนดีๆสิคะ ของแบบนี้มันเลือกกันได้ทั้งนั้น บรรณาธิการดีๆน่ะเหมือนครูที่เราต้องยกย่องเพราะช่วยให้เรามีพัฒนาการก้าวหน้า
ส่วนที่ไม่ดีนั้นจะยกยอปอปั้นเพื่อหวังอะไรอย่างอื่น มิรันตีทำไม่เป็น!
ทรายขวัญถามขึ้นด้วยความอยากรู้
ปกติคอมเม้นท์แบบไหนที่นักเขียนเจอกันแล้วหงุดหงิด
มิรันตีนิ่งคิดพักเดียวก่อนตอบว่า คอมเม้นท์ตัดแปะไงขวัญ แบบที่ฝ้ายเคยเล่าว่าเขาเอาคำคล้ายๆกันคัดลอกมาวางใหม่ สลับท่อนไปมา แถมแปะชื่อเจ้าของนิยายผิดส่งไปให้น่ะ...ที่น่าขำคือเจ้าของนิยายดันรู้จักกันเสียอีก เลยไม่รู้ว่าตกลงข้อความพวกนั้นมั่วมาหรืออ่านเนื้อหาจริงๆ เพราะดูเหมือนบางส่วนที่แนะนำมาโดยอ้างอิงเนื้อหาน่ะมันสลับรูปแบบกันชอบกล
สำนักพิมพ์เบิกฟ้านี่ก็คงเหมือนกันมั้ง...เราคงต้องทำใจว่าเขาไม่อ่านละเอียด
ไม่เหมือนสิ เพื่อนสนิทยืนยัน ไม่เหมือนตั้งแต่เขาคอมเม้นท์มาทั้งที่เราขอถอนเรื่องแล้วล่ะ ใครเขาจะมาทำกัน...การคอมเม้นท์ทั้งที่ขอถอนมันเหมือนกับเขาเจตนาออกตัวว่า ไม่ใช่เราไม่อยากทำงานกับเขา แต่เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายเขี่ยเรา
น่านฟ้าเห็นท่าทางไม่ดีจึงรีบปรามว่า
คิดมากไปมั้งฝ่าย ถ้าทำเพราะคิดแบบนั้นก็ไร้จรรยาบรรณสิ้นดีแล้วล่ะ เอาเป็นว่าเราสรุปว่าบรรณาธิการคนนี้ ไม่ผ่านการพิจารณา จากนักเขียนแบบเราแล้วก็ไม่ต้องไปทำงานกับเขาดีกว่านะ
ทรายขวัญเพิ่งยิ้มออก ซบหน้าลงแนบต้นแขนพี่ชายและเงยมอง
พี่นอตคิดแปลกจัง มีด้วยเหรอคะที่บรรณาธิการไม่ผ่านในสายตานักเขียน
ทำไมต้องปล่อยให้เขาเลือกเราฝ่ายเดียวล่ะขวัญ วันนี้พี่ว่านักเขียนมีทางเลือกนะ...เลือกที่จะทำงานกับคนมีฝีมือ
วาจานั้นทำให้มิรันตีบอกทันควัน
นั่นมันคำพูดของตัวละครในเรื่องเงาบรรณนี่คะพี่นอต
ว่าจะสมัครเป็นแฟนคลับคุณแสนยากรด้วยคน ลุก...คุณน้องทรายขวัญ วันนี้พี่เป็นเจ้ามือเลี้ยงใหญ่ จะไปหรือไม่ไปก็รีบตัดสินใจเดี๋ยวนี้เลย เขาดันน้องสาวให้นั่งตัวตรง
อีกฝ่ายทำตาโต พราวระยับยินดี
พี่นอตจะเลี้ยงเนื่องในโอกาสอะไรคะ
ฉลองให้คอมเม้นท์นั่นไง ชายหนุ่มบุ้ยใบ้ไปยังของในถังขยะ ที่ทำให้พี่รู้ว่าบางทีการที่มีคนอย่างคุณแสนยากรออกมาพูดอะไรเสียบ้าง ถึงเสียงเขาจะผ่านตัวอักษรและไม่ได้ดังก้องฟ้า แต่มันก็ยังดังในหัวใจคนมีไฟอยากฝัน ช่วยให้เราไม่เฉาใจเพราะบรรณาธิการไร้ศักยภาพคนไหน...จริงไหม
จริงค่ะ! สาวๆประสานเสียงเฮฮา
น่านฟ้าขยี้ศีรษะน้องสาวและลุกยืนชักชวนให้รีบไปก่อนจะเสียเวลามากกว่านี้
ไม่มีใครรู้ว่าอีกใจเขากังวล...ทรายขวัญโชคดีที่มีเพื่อนอย่างมิรันตีอยู่เคียงข้าง แต่นักเขียนอีกกี่คนกันที่ถูกคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นฆาตกรรมผ่านอักษรไปแล้ว
ความคิดของเขาแล่นปราดไปยังหญิงสาวอีกคนที่สำนักพิมพ์กิ่งฝัน
ขวัญ! เดี๋ยวก่อน เขาเรียกไว้ทันก่อนน้องสาวจะวิ่งผ่านประตูตามมิรันตีออกไปรอที่รถ
อะไรคะ
นิยายนี่ไม่ส่งเบิกฟ้าแล้ว ถ้าขวัญแก้ไขเรื่องตรงที่คิดไว้เสร็จ เล็งส่งที่อื่นอีกไหม
ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ยังไม่ได้คิดไว้ ขวัญมีเขียนค้างอีกเรื่องที่เกือบเสร็จแล้วด้วยสิ
หล่อนอาจเก็บนิยายเก่าเอาไว้เองสักพักหนึ่งจนกว่าจะไว้วางใจสำนักพิมพ์ใดอีก
ประโยคถัดมาของพี่ชายทำให้ทรายขวัญทำหน้าเหรอหลา
งั้นพี่ขอยืมนะ
พี่นอตจะเอานิยายขวัญไปทำไม
เขายิ้มกริ่มขณะยืดอกตอบคำถามนั้นฉะฉานว่า จะเอาไปหาพี่สะใภ้ให้เราไงขวัญ!
ทัชฌาอยากโทษสายฝนที่ตกอย่างไม่ลืมหูลืมตามาตั้งแต่สี่โมงเย็น ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้หล่อนก้มหน้าก้มตากับตำราจนลืมกินข้าว รู้ตัวอีกทีเมื่อเหลียวมองนาฬิกาก็เกือบห้าทุ่มเข้าไปแล้ว กำลังนั่งคิดว่าจะหาอะไรรองท้องแทนการกินมื้อดึกเต็มคราบ ก็พอดีกับที่เสียงโทรศัพท์เครื่องบนโต๊ะรับแขกด้านนอกดังขึ้น
สายภายใน...คนดูแลอพาร์ตเม้นท์กะดึกคงมีเรื่องด่วนจึงโทรตาม
ไม่บ่อยนักที่ทัชฌาจะต้องรับโทรศัพท์เวลานี้ แต่เมื่อมารดาไปต่างจังหวัดกับคนรู้จักเพื่อดูที่ดินซึ่งหมายตาว่าจะซื้อขายกัน ภาระการตัดสินใจเกี่ยวกับอาคารนี้ทั้งหลังถึงถูกถ่ายโอนโดยปริยาย
แสงฟ้าแลบแปลบปลาบอยู่สองสามหนก่อนที่ไฟทั้งตึกจะดับวูบลง หญิงสาวกำลังเอื้อมมือไปยกหูฟังพอดี
กำลังจะบอกคุณเท็นว่าไฟทำท่าจะดับอยู่พอดี เพราะมันกะพริบเหมือนไฟตกเป็นพักๆ
เครื่องสำรองไฟทำไมไม่ทำงาน
คนถามมิได้มีอาการตื่นตระหนกแม้อยู่ในความมืด
แสงสว่างจากฟ้าสีดำทะมึนที่มีฟ้าผ่าครืนลั่นสลับกันกับเสียงฝนครางครวญช่วยทำให้ประสาทหล่อนตื่นตัวได้ดีพออยู่แล้ว ทัชฌาไม่อยากเพิ่มความวิตกกังวลใดๆไปเติมอีก
...ไฟดับ...เดี๋ยวมันก็สว่างกลับมาเองหลังแก้ไข
ตีโพยตีพายโวยวายไปก็ไร้ประโยชน์
ส่วนจ่ายไฟมันมีปัญหาครับ ต้องอาศัยแรงมือช่วยขยับโน่นนิดนี่หน่อย คุณมุกดาบอกว่าจะซื้อเครื่องใหม่มาแต่ก็ยังไม่เห็นวี่แวว ผมว่าจะให้คนขึ้นไปขอกุญแจไขเข้าไปซ่อมพอดี
ประโยคนั้นทำให้คนฟังเผลอขมวดคิ้ว
ดอกที่ให้ไว้ข้างล่างล่ะ
ใช้ไม่ได้ครับ คุณมุกดาเปลี่ยนล็อกใหม่หลายห้องไปเมื่อปลายเดือนก่อน เฉพาะที่เปิดไปเช็คเครื่องสำรองไฟยังไม่ได้ทำดอกสำรองไว้ให้เลย
เมื่อได้ฟังคำอธิบายนั้นทัชฌาจึงตัดบทเพียงว่า
พี่สุดาอยู่เรือนนอนชั้นล่างใช่ไหม...ให้พี่สุดาขึ้นมาเอาก็แล้วกัน
ความรอบคอบของคุณมุกดาเป็นที่รู้กัน มีกฎว่าหากผู้ดูแลอพาร์ตเม้นท์กะกลางคืนต้องการสิ่งใดให้ปลุกคนรับใช้สาวๆที่นอนพักกันในห้องชั้นล่างของตึกขึ้นมาเอาเอง และแม้ว่าผู้ตั้งกฎมิได้อยู่ในค่ำคืนนี้ ทัชฌาก็เห็นดีที่จะใช้ตามระเบียบที่มารดาตั้งเอาไว้
หล่อนใช้เวลาปรับสายตาในความมืดอยู่พักใหญ่จึงเดินไปหยิบไฟฉายที่ชั้นวางของและหากุญแจดอกนั้น
ไม่นานนักสุดาก็ส่งเสียงเรียกอยู่หน้าห้อง หล่อนไม่ได้มาคนเดยวหากแต่พาเอาเด็กสาวอีกคนที่พักด้วยกันขึ้นมาเป็นเพื่อนด้วย
ทัชฌาไปเปิดประตูยื่นกุญแจส่งให้พลางกำชับ
ช่วยกันดูแลแขกที่พักอยู่ด้วยนะ ใครเขาอยากได้เทียนไขกับไม้ขีดก็แบ่งๆไป...นี่ดับทั้งซอยหรือเปล่า
ดับหมดเลยค่ะตั้งแต่หัวซอยยันท้ายซอย
อีกสักพักคงมีช่างมาซ่อม
สุดาอดถามไม่ได้อย่างห่วงใยว่า คุณเท็นจะให้ใครมาอยู่บนนี้เป็นเพื่อนไหมคะ หรือให้น้อยอยู่นี่ก่อนจนกว่าไฟจะติด
น้อยยิ้มรับพลางขยับตัวมองซ้ายแลขวาเข้าไปภายในห้องที่สลัวรัวรางนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น เด็กสาวเพิ่งเข้ามาอยู่นี่ได้ไม่เต็มสัปดาห์เพราะญาติๆของสุดาฝากฝันกันมา เท่าที่ทัชฌาคาดคะเนจากท่าทางหลุกหลิกนั่นเห็นทีว่าจะอยู่กันได้ไม่นานนัก
ส่วนมากเด็กสาววัยนี้มักหนีไปทำงานโรงงานที่ได้เงินเป็นกอบเป็นกำและมีสีสันมากกว่าการทำงานบ้านในตึกเงียบเหงา
เมื่อสุดาเสนอมาดังนั้นทัชฌาจึงปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด
ไม่เป็นไร ฉันอยู่ได้
ทัชฌาจึงไม่เห็นว่าทันทีที่ประตูปิดสนิทลงอีกครั้ง น้อยถึงกับผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งขณะที่ออกเดินนำสุดาลงบันไดพร้อมไฟฉายที่สาดไล่ความมืดซึ่งคลี่คลุม
เป็นอะไรของเอ็ง...นังน้อย อยู่ไม่สุขมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ สุดาหยิกหมับอย่างหมั่นไส้
น้อยอุทานก่อนจะทำหน้าง้ำหน้างอด้วยความไม่พอใจ
ก็พี่สุดาน่ะคิดได้ยังไงให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณเท็นที่ชั้นสี่
ทำไมเอ็งจะอยู่ไม่ได้ อย่าบอกนะว่าเอ็งกลัวความมืดน่ะ เพราะตอนนี้มันมืดทั้งตึก
ใครจะกลัวความมืดกันล่ะ...ฉันน่ะกลัวคุณเท็นเธอเคืองต่างหาก น้อยจีบปากจีบคอนินทา คนเขาจะอยู่กันสองต่อสองเราไปคอยเป็นก้างขวางคอได้ยังไง เป็นใครก็ต้องโกรธรีบไล่ออกมาแบบนี้แหละ
ความหมายกินนัยไม่สู้จะดีนักทำให้สุดาหันขวับ รั้งแขนหยุดลงเพื่อไขข้อข้องใจ
เอ็งพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง ใครอยู่กันสองต่อสอง
น้อยหูตาเป็นประกายแพรวพราวในแสงฟ้าแลบที่ผ่านกระจกทางเดินเข้ามา
จะใครกันนอกจากคุณเท็นของพี่สุดา ไหนว่าลูกสาวคุณมุกดานิสัยเรียบร้อยอย่างกับผ้าพับไว้ ประตูห้องนอนก็ไม่ล็อก ฉันเห็นมีเงาผู้ชายเดินออกมาหยุดยืนฟังพวกเราคุยกันอยู่ห่างๆเมื่อกี้ เสียแต่ว่าเห็นหน้าไม่ถนัดเลยไม่รู้ว่าใคร เนี่ยแหละน้า...เขาถึงว่าพอผู้ใหญ่ไม่อยู่มันก็ไอ้เหมือนๆกัน
คนฟังมีสีหน้าไม่เชื่อถือเสียมากกว่า
เอ็งนี่ท่าจะเพ้อเจ้อ ข้าก็ยืนอยู่ด้วยกันยังไม่เห็นมีคน
แต่ฉันเห็นจริงๆนะ แฟนคุณเท็นจ้องฉันเขม็งเลย...พูดแล้วยังขนลุก ตาวาวดุชะมัด!
น้อยยังคงยืนยันเสียงแข็ง
จะเอาหล่อนไปสาบานกี่วัดก็ให้รู้กัน หล่อนเห็นผู้ชายที่เดินออกมาจากในห้องนอนและหยุดยืนเพียงกรอบประตูไม่ได้ก้าวล้ำออกมา ร่างสูงนั้นให้ความรู้สึกแข็งแรงกำยำ สองแขนกอดอกเห็นโครงร่างรางๆไม่ถนัดตา
ในเงามืดดำ...น้อยแน่ใจว่าใบหน้าที่ซ่อนเร้นของใครคนนั้นจับจ้องมายังหล่อนและสุดาพร้อมด้วยกระแสแห่งความระมัดระวัง มันทำให้น้อยสั่นสะท้านยะเยือกขึ้นมาทุกครั้งที่ย้อนนึกไปถึง เด็กสาวไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเหตุใดนัยน์ตาคมกล้ามีประกายวาววับคู่นั้นจึงติดชัดในความทรงจำ ทั้งที่ไม่น่าจะมองเห็นได้เลยในระยะห่างและแสงสว่างแทบไม่มีแบบนี้
คนออกมายืนให้เห็นเต็มตัว พี่สุดาจะบอกว่าไม่เห็นได้ยังไง...พิลึก
น้อยบ่นพึมพำ
สุดาได้แต่หันกลับไปมองประตูที่พักด้านหลังอย่างพรั่นพรึงและไม่ต่อความยืดยาวนับจากนั้น ได้แต่ดึงเอาคู่สนทนากลับลงสู่ชั้นล่างอย่างรวดเร็วเสียยิ่งกว่าขามา
ใจก็นึกภาวนาให้คนที่น้อยเห็นนั้นออกมายืนเพื่อหวังปกป้องคุ้มกันทัชฌาจริงๆเถอะ
มิใช่...เจตนาในบางสิ่งที่ตรงข้ามกัน!
Create Date : 28 มิถุนายน 2552 |
Last Update : 10 มีนาคม 2559 20:08:40 น. |
|
8 comments
|
Counter : 779 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: fiona IP: 203.171.196.88 วันที่: 28 มิถุนายน 2552 เวลา:9:59:49 น. |
|
|
|
โดย: ploy666 IP: 124.157.237.104 วันที่: 28 มิถุนายน 2552 เวลา:17:53:05 น. |
|
|
|
โดย: Tukta21 วันที่: 29 มิถุนายน 2552 เวลา:0:34:34 น. |
|
|
|
โดย: ploy666 IP: 124.157.237.104 วันที่: 29 มิถุนายน 2552 เวลา:5:01:56 น. |
|
|
|
โดย: รัลดา IP: 40.0.7.66, 203.158.4.111 วันที่: 29 มิถุนายน 2552 เวลา:11:14:21 น. |
|
|
|
โดย: peerisa IP: 124.120.209.65 วันที่: 29 มิถุนายน 2552 เวลา:20:58:04 น. |
|
|
|
โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 29 มิถุนายน 2552 เวลา:21:13:38 น. |
|
|
|
โดย: ploy666 IP: 124.157.237.104 วันที่: 30 มิถุนายน 2552 เวลา:4:55:02 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]

|
หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก https://ploy666.bloggang.com

ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา) นามปากกา : สิตาปางค์ ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5 ออกแบบปก : Little thing
ราคา : 850.- บาท สินค้าหมด
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28
สั่งซื้อที่ : .........
หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ
** ***********************************

ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ นามปากกา : ลายน้ำ ราคา : 259.- บาท สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)
สินค้าหมดค่ะ
****************
นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง
รอยทรายบนลายรัก ...และ... กระต่ายในใจจันทร์
***********
เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า ทนไม่ไหวแล้ว... จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ
โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด
เป็นกำลังใจให้ค่ะ...
Ploy666.
************
หมายเหตุสักนิดค่ะ...
ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย
ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ
**************
เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย
|
|
|
|
|
|
|