Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
20 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
บังลังก์ศศิธรา องก์ ๑ ตอนที่ ๓


คุยกันก่อนอัพ


ทักทายแบบอัพติดกันมาหลายวัน กลัวอ่านไม่ทันเหมือนกันนะคะนี่ 55+
ลืมแจ้งไปว่า สิตาปางค์ เป็นนามปากกาใหม่ ที่จะใช้สำหรับนิยายเรื่องนี้ค่ะ

ว่าแต่...มีใครเล่นเกม Farm Frenzy 3 บ้างไหมคะ
ที่แน่ๆตอนนี้พลอยติดงอมแงมไม่ค่อยลุกออกจากเครื่องคอมฯตัวที่เล่นได้ (เครื่องนี้เล่นไม่ได้)
สมัยนี้ทำไมเขาทำเกมออกมาได้ภาพน่ารักมากมาย ว่าแล้วก็กลับไปลุยต่อค่ะ
เล่นครบทุกด่านฝ่าฟันหมดเมื่อไหร่จะมาอวดอีกที ^o^


Ploy666.
(RED / ลายน้ำ / ทรายออน / สิตาปางค์)



**************

บัลลังก์ศศิธรา องก์ ๑ : อาณาจักรโจรทมิฬ
ตอนที่ ๓

ผู้แต่ง สิตาปางค์ (สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย)



ยามนั้นดึกสงัด สงบเงียบแลหนาวเย็นตามวิสัยภูมิประเทศอันโล่งกว้าง ฝีเท้าม้าที่แทรกมาในผืนทรายกับลมแผ่วจักแว่วไปถึงเวรยามของกองเกวียนก็หาไม่ ตยาคียังคงนอนกระสับกระส่ายจนนิราตื่นลืมตามาดูด้วยความห่วงใย

“ไม่สบายตัวหรือไร อีกมิช้าพอล่วงเข้านครใหญ่แม่จะหาที่พักดีๆกว่านี้ให้เจ้าได้เอนกาย”

“หามิได้ดอก...” ตยาคีมองฝ่าความมืดออกไปยังผ้ากระโจมที่ไหวพะเยิบพะยาบจากแรงลมดึก “ชั่วพักหลังนี่ด้วยเหตุไรมิแจ้งประจักษ์ชัดนัก ข้ามักฝันเห็นปราสาทปรางค์ทองเลือนรางอยู่เสมอ แลมีแต่ความกลัวกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ใคร่ถูกอยู่เป็นนิจ”

นิราใจหายวูบเมื่อได้สดับ เสกลบเกลื่อนไปว่า

“เจ้าคงได้ยินที่คนเล่าลือเกี่ยวกับปราสาทราชมณเฑียรทองของพิชญนครมากระมัง จึงเก็บเอาไปฝันเลยเถิดว้าวุ่น”

“แม่เคยมาที่นี่หรือหาไม่” ตยาคีถามไถ่ด้วยความสนใจใคร่รู้

ได้ยินเสียงขยับกายแผ่วๆแว่วมาในความมืด ครู่ใหญ่นิราจึงแก้ข้อสงสัยโดยบอกว่า

“แม่เคยอยู่ที่นี่นานมาแล้วตั้งแต่เจ้ายังมิกำเนิดออกมา แต่มีเหตุสงครามให้ต้องพลัดพรากจากไปไกลอยู่หลายปี แม้สงครามเริ่มเซาซบสงบลงแม่ก็มิอาจวางใจพอจะหวนคืนมา”

“ดังนั้นแม่ย่อมเป็นชาวพิชญนคร”

“พ่อเจ้าก็เช่นกัน...”

สุ้มเสียงกังวานใสกลั้วหัวเราะลอยแว่วมา “งั้นข้าก็จะเรียกตนเองว่าชาวพิชญะนับแต่นี้”

“เจ้ามีสิทธิ์ทุกประการที่จะทำตามนั้น!”

“ปุณยานีถูกเทิดพระเกียรติว่าทรงอยู่เหนือสตรีนางใด...จริงหรือไม่ท่านแม่”

นิราปล่อยใจลอยหวนคืนสู่อดีตอย่างเผลอไผลด้วยใจอันผูกพันมากล้น

“สดับเถิด ตยาคี มิมีจักรพรรดินีองค์ใดจักทรงคุณอเนกอนันต์ได้เฉกท้าวเธอในโลกหล้า นับแต่ครองราชย์มาเมื่อครั้งทรงเป็นเพียงยุวกษัตรี ก็หาได้นิ่งเฉยปล่อยดูดายให้ผู้คลั่งอำนาจมันกำเริบเสิบสานเป็นใหญ่ ศึกภายนอกภายในทรงต่อกรหนักหน่วงนัก แต่เมื่อพักจากสงครามก็ได้ทำนุบำรุงบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุข ทว่าทุกแว่นแคว้น พิชญนครอันเป็นมหาอาณาจักรนั้นเปรียบไปก็ประหนึ่งไม้ยืนต้น ย่อมมีเหล่านกกามาอาศัยหวังพึ่งพาผลสุกของลูกไม้สำหรับยังชีพ เมื่อแรกมีนกเพียงไม่กี่ชนิดก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันได้ ครั้นบรรดานกกาเหล่านั้นชักชวนเพื่อนพ้องต่างวงศ์วานมาทำรังมากเข้าก็ย่อมมีเบียดเบียนกระทบกระทั่ง ดุจดั่งพิชยนครในบัดนี้ที่ปัญหามากมีก่อเกิดไม่เว้นวัน ถึงกระนั้นท้าวเธอก็ยังคงริดขวากหนามแห่งราชบัลลังก์ด้วยพระวิริยะแลพระสติปัญญาอย่างมุ่งมั่น”

“แม่พูดราวกับแลเห็นว่าคนใต้เศวตฉัตรนั้นต้องเหนื่อยยากเพียงไร”

แม้มิอาจแลเห็นได้ด้วยดวงตาแต่นิราก็รับรู้ด้วยหัวใจเสมอมา

มิใช่เพราะสิ่งที่รู้กระนั้นหรือทำให้ต้องระเหเร่ร่อนเรื่อยมาแบบไร้จุดหมายลำบากลำบนถึงเพียงนี้

อนิจจา...ตยาคีหาได้เข้าใจอันใดไม่ ฟังเพลินราวกับแม่กำลังเล่านิทานก่อนนอนฉะนั้น...

เด็กชายกอดซุกหาไออุ่นจากมารดา ยิ้มละไมในความมืดพลางบอกว่า

“ถ้าข้าได้เข้าไปชมพิชญนครเห็นทีคงได้เปิดหูเปิดตา”

“แม่จะพาเจ้าไปดูพิธีสำคัญต่างๆในเทวสถานหลวงที่ตั้งอยู่กลางใจเมือง” แววตาของนางวาดหวังเร้นลับ “อีกมิช้าเราจะหาที่ปักหลักกันเสียทีตยาคี ก่อนหน้านั้นเจ้าจงรู้รักษาตัวรอดเอาไว้จนกว่าจะถึงเวลาสำคัญที่ต้องทำบางสิ่งเพื่อแม่แลตัวเจ้าเอง”

“แม่ย้ำข้ามาหลายหนเต็มที...คร้านที่จะฟัง มิเห็นขยายความสักครั้งให้ข้าเข้าใจ”

บ่นพึมพำไปได้อีกไม่กี่คำเด็กชายก็พลิกหันหลังแลหาวง่วงงุน ในไม่ช้าก็หลับไปได้เองโดยหารู้ไม่ว่าบัดนี้กองเกวียนของเฒ่าจรีมีเหล่าโจรเหี้ยมหาญล้อมซุ่มสังเกตการณ์รายรอบเพื่อหวังปลิดชีวิตสังหารหมู่ เซ่นเลือดใต้แสงจันทร์เป็นเครื่องบัดพลีบูชาถวายแด่พระแม่กาลีผู้เรืองฤทธานุภาพ!



ณ กาลล่วงมาตามนั้น กษมารอจนแสงไฟในกองเกวียนค่อยเริ่มราลง เวรยามกอดไหสุราล้มกายลงนอนกันให้เห็นได้รางๆใต้รัศมีจันทราที่บัดนี้แดงฉานขึ้นทุกขณะ นายโจรหนุ่มยังคงอยู่ในอาการสำรวมสุขุมมิได้ผลีผลาม อดทนเป็นเลิศที่จะมิเสียไพร่พลไปเพื่อการปล้นสะดมเข่นฆ่าในครานี้ หมายใจเพียงแก้ไขเอาอาศิรกลับออกมาโดยสวัสดิภาพเป็นเบื้องต้น

ดูก่อน ท่านทั้งหลาย ฝ่ายอาศิรเองก็เฝ้าลอบจับสังเกตสภาวะแวดล้อมมาตลอดทั้งคืนด้วยความชาญฉลาดอันเป็นปกติวิสัย แม้คะนองภัยประดุจราชสีห์หนุ่มที่มิคร้ามบ่วงบาศกับดักนายพราน ยามพบก็แล่นลิ่วตรงเข้าหาหมายใจจะบดขยี้ทำลายทิ้งเสียมิให้ระคายตาตามประสาสัตว์ร้าย แต่ยามนี้สิงหราชเกรียงไกรกลับหมายตากระต่ายขาวตัวน้อยที่อยู่ในกรงสัตว์ซึ่งพรานป่าจับไว้ได้ในอำนาจแห่งตน

ด้วยเหตุดังกล่าวนี้แทนที่อาศิรจะแสดงตนหลบหนีไปแลพาพวกพ้องกลับมาบีฑาอีกคราครั้ง นายโจรหนุ่มจึงยังคงสงบเป็นดุษณีเพื่อรอฉวยโอกาสให้เจ้าของกระต่ายพลั้งเผลออย่างผู้รู้แก่กาล

เมื่อใจตั้งมั่นในความสงบประหนึ่งพยัคฆ์ร้ายแล้วไซร้ พละกำลังก็หาได้ขาดพร่องจากเดิมไม่ เพียงแว่วเสียงนกส่งรหัสสัญญาณจากหลังเนินดินไกลออกไปก็เพียงพอที่จะทำให้คำรามแผ่วๆในลำคอแลกระชากเอาเชือกที่มัดตรึงขาดผึงออกจากกันเงียบเชียบ ราวกับเชือกเหล่านั้นเป็นเพียงเศษด้ายเส้นบาง!

กษมาพาคนของตนลงจากหลังม้าพร้อมอาวุธในมือ เลือกเอาด้านที่เวรยามบางตาแลทิ้งห่างจากวงล้อมมาไกลที่สุด ให้สัญญาณมือย่องเงียบกริบอาศัยทุ่งหญ้าใกล้เคียงกำบังตา จนเคลื่อนมาถึงระยะสุดท้ายที่โล่งต่อสายตาเป็นระยะทางสั้นๆ ชายฉกรรจ์ผู้บุกรุกจึงพากันพุ่งตัวเข้าหาคนคุ้มกันสินค้าที่เฝ้ายามอย่างมึนซึมราวกับพญาภุชงค์รัดเหยื่อ ต่างจับคู่ใช้ท่อนแขนรัดคอด้วยกำลังวังชา มีดในมือพลิกคมขาววาววับเชือดปาดก่อนทิ้งร่างเหล่านั้นฟุบซบลงกับดินทันที

ลักษณาการอุกอาจเยี่ยงนี้แลที่ก่อให้ผู้ผ่านแดนต่างพากันขยาดพรั่นพรึง!

ในการลอบเข้ามาหนก่อนนั้นกษมาเพียงแต่ฆ่าเวรยามคนหนึ่งที่ออกไปจัดการธุระไกลตาเพื่อนพ้อง แลสวมรอยเข้าปะปนจนไปถึงตัวอาศิรผู้เป็นหัวหน้าใหญ่แห่งตน ทว่าคราวนี้เขากลับมาพร้อมคำสั่งที่มีเป้าหมายแห่งการฆ่าให้วิบัติทั้งกองเกวียน

กษมาสั่งให้คนตามติดอ้อมลัดเลาะจนพ้นสายตายามบางคนที่มิได้มึนเมาแลมีแก่เดินตรวจตราทั้งที่ง่วงเหงาหาวนอนเต็มที อีกทั้งราตรีที่ผ่านมาค่อนคืนหาได้เกิดเภทภัยใดๆไม่จึงชะล่าใจ

เหล่าโจรฉวยจังหวะเหล่านั้นเข้าถึงมุมมืดหนึ่งใกล้หลักมัดของอาศิรได้โดยง่าย

อาศิรที่หลุดพ้นจากเครื่องตรึงต่างๆแล้ว โบกมือให้สัญญาณกษมารอคอยก่อน จนเห็นว่าไม่มีใครสำเหนียกถึงการอยู่หรือไปของเชลยหนุ่ม อาศิรจึงเร้นกายแฝงความมืดจากเงากระโจมตลอดจนข้าวของเกะกะบางอย่างที่ขนกองไว้ มาสมทบกับสหายร่วมรบของตนอันรู้ฝีมือว่าจัดเจนกันดีในทันที

“ปลอดภัยดีหรือ”

“ข้ามิเป็นไร”

แววตาที่เคยนิ่งสงบมาตลอดนับแต่ถูกเห็นกายจากคนในกองเกวียน บัดนี้เต็มไปด้วยอำนาจแอบแฝงวาวโรจน์ ความกระเหี้ยนกระหือที่จะทำลายล้างให้ย่อยยับแผ่ซ่านจากร่างสูง การหยัดยืนสง่าองอาจผิดจากอาการอันสงบในคราบนักโทษโดยพลัน!

กษมายื่นดาบที่เตรียมมาส่งให้

อุ้งมือแกร่งเมื่อเสริมแรงด้วยอาวุธร้ายก็พร้อมจะโจนทะยานเข้าเล่นศึกกลางน้ำค้างคืนแรมในบัดดล

“ให้สัญญาณพวกที่รอด้านนอกบุกก่อกวนได้ ใครจับไอ้เฒ่าจรีกลับไปให้ข้าทั้งเป็นสำเร็จจะได้รับบำเหน็จอย่างงาม ส่วนกษมาตามข้ามา บัดนี้ได้เวลาไปรับกระต่ายขาวที่ข้าหมายตาจากมือพรานเฒ่าอัปรีย์นั่นแล้ว!” สุ้มเสียงลิงโลดเต็มไปด้วยความคึกคะนองลำพองโอหัง

กษมาหาได้รอช้าไม่ ส่งเสียงผิวปากแหวกอากาศออกไปทันท่วงที สัญญาณที่นัดหมายกันทำให้แว่วเสียงฝีเท้าม้ากึกก้องพร้อมผงธุลีคลุ้งมิรู้จากทิศทางใดบ้างราวกับกำลังถูกรุมล้อมไว้แทบทุกด้านฉะนั้น!

ภาพกลียุคราวอุบัติทันตา เวรยามที่ซวนซบพับคอหลับลงต่างพากันไหวตื่น ตาเบิกโพลงวิ่งพล่านคว้าอาวุธตะโกนลั่นๆอย่างเสียขวัญ อารามที่ยังคุมกันมิติดทำให้เสียขบวนที่จะต่อกรรอนรานกับเหล่าโจรร้ายซึ่งเตือนม้าเผ่นโผนเข้าถึงละแวกกองไฟแลเริ่มการฆ่าฟันหฤโหดทันที คมดาบแปลบปลาบไปทั่วบัดเดี๋ยวก็มีผู้ล้มตายราวใบไม้ร่วงทุกทิศทาง เสียงร้องโหยหวนจากคนคุ้มกันที่จ้างมาต่อสู้แต่ดันถูกขวานจามลงจนศีรษะหายไปเสี้ยวหนึ่ง ทำให้ผู้ร่วมขบวนคนอื่นๆในกระโจมต่างพากันลุกตื่น รับรู้ว่ามรณกาลกำลังย่างกรายมาในราตรีนี้แล้ว

อาศิรยืนจังก้าหัวเราะกึกก้องอย่างชอบใจเมื่อได้ทัศนาภาพมหาวินาศแห่งกองเกวียนสินค้า สมุนโจรอีกสี่คนที่ร่วมทางมากับกษมาส่งเสียงกร้าวทะยานเข้าตีแหวกเล็งหมายใจกระโจมใหญ่เพื่อจับเฒ่าจรีตามคำสั่งผู้เป็นนาย อีกทั้งทำให้กองเกวียนเกิดความระส่ำระสายไม่อาจรวบรวมกำลังได้อีกต่อไปเพราะภายนอกแลภายในต่างก็ต้องพากันรับมือโจรร้ายบ้าระห่ำ

“ไปเถิดกษมา ข้าจะพาเจ้าทัศนากองเกวียนไอ้เฒ่าบัดซบที่กล้าล่วงเกินข้าเอง!”

ไม่รอให้ต้องเรียกซ้ำ กษมากระโจนตามร่างสูงของอาศิรไปว่องไวปราดเปรียวพอกัน ต่างเต็มไปด้วยพละกำลังแข็งแกร่งยามกวัดแกว่งดาบเบิกทาง ทำให้คนคุ้มกันอีกกลุ่มที่แลเห็นแลกรูตรงมาพากันแตกฮืออย่างตกใจ

อาศิรร้องกู่ก้องอย่างสำราญใจยิ่งนัก ยามที่ฟันฉับทำเอาเกิดบาดแผลฉกรรจ์ตั้งแต่บ่าเฉียงลงไปยังลำตัวของคู่อริรายหนึ่ง ก่อนจะบุกทะลวงเข้าไปยังกลุ่มคนที่เหลือแลแสดงแสนยานุภาพอันเต็มไปด้วยทักษะการต่อสู้ช่ำชองน่าทึ่ง แม้มีหนึ่งหรือสองคนก้าวสกัดขัดขวาง อาศิรก็ยกดาบรับได้ทันควันแทบไม่ต้องหันไปดู ย่อตัวลงเล็กน้อยก่อนให้กำลังที่เหนือกว่าดันดาบกลับไปจนอีกฝ่ายซวดเซ ไม่ทันไรเขาก็หันไปอีกทางตวัดแขนกลับมาเด็ดเอาหัวคนที่โถมมุ่งใช้ดาบฟันใส่ยังทิศทางที่คะเนว่าน่าจะเป็นผล

ทุกก้าวที่อาศิรย่ำบุกหักหาญราวกับจะเป็นลมหมุนพัดเอาชีวิตให้ปลิดปลิวตามไปด้วยไม่เว้นวาย

กษมาเองเล่าก็เข้าประชิดติดตามไม่ละลดด้วยฝีมือที่แกร่งกล้ามิเสียทีเป็นมือขวาคู่ใจ

ความดุดันเหี้ยมเกรียมเป็นที่ประจักษ์ต่อทุกสายตาด้วยประการฉะนี้!

เฒ่าจรีตกใจตื่นตั้งแต่ได้ยินเสียงโห่ร้องของกลุ่มโจรอันทำลายขวัญ บัดนี้คว้าอาวุธออกโรมรันกับสี่พลแห่งอาศิรที่ดาหน้าเข้าประจัน ความชรามิได้ทำให้ฝีมือถดถ้อยแต่เมื่อเทียบกับขุนโจรที่ตวาดลั่นพร้อมทะลวงฟันไม่ยำเกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมก็จำเป็นอยู่ที่ต้องถอยร่นจากกระโจมไปด้านหลังจนชิดติดเกวียนสินค้า

ใครคนหนึ่งจุดไฟกับกระโจมจนเพลิงลุกโชนราวกับประกาศศักดาขุมกำลังภูผาทมิฬ อาศิรหันไปมองทิศทางที่เฒ่าจรีกำลังรบติดพันโดยมีลูกน้องขนาบซ้ายขวาจำนวนพอๆกันจำนวนโจร เขาก็คลายใจเมื่อเห็นร่างใหญ่โตของชายหน้าเหี้ยมอันมีนามว่าพันธนะ นำพลกระจายกำลังทิศนั้น อีกไม่ช้าก็คงไปปะทะกันกับเฒ่าจรีช่วยหนุนจนสามารถกระทำการได้ดังสั่ง

อาศิรจึงมิพักชะงักการโรมรันตรงหน้า เขาแทงเอาร่างคนคุ้มกันรายสุดท้ายใกล้ตัวจนมิดดาบก่อนกระชากคืนกลับแลถีบร่างอันไร้วิญญาณกระเด็นออก อานุภาพแห่งดาบในมือที่เปล่งประกายเจิดจ้าจากการต่อสู้เมื่อครู่ที่ผ่านมาทำให้ไม่มีใครกล้าขวางทางอีก ปล่อยให้นายโจรหนุ่มพาตัวไปถึงกระโจมผ้าหลังหนึ่งได้ดังประสงค์

น้ำเสียงทรงอำนาจประกาศกร้าวดังสนั่น

“ตยาคี ข้ารู้ว่าเจ้ายังแอบซุ่มอยู่ในนั้นเพื่อรอเวลาหลบหนี ในนามแห่งอาศิรจักรพรรดิจอมโจรทั้งปวงแห่งภูผาทมิฬแลทะเลทรายมรณะ ขอสั่งให้เจ้าไปกับข้า มิเช่นนั้นดาบในมือจะฟาดฟันผ้ากระโจมจนทลายลง ข้าคงมิอาจรับรองชีวิตเจ้ากับมารดาอีกต่อไป!”













Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2553 0:03:33 น. 6 comments
Counter : 522 Pageviews.

 
อุ้ สนุกดีค่า อ่านไม่พอมากก่าอ่านไม่ทันอีกค่ะ


โดย: fiona IP: 202.124.88.154 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:3:06:26 น.  

 
พอเห็นนามแฝงที่เคยคุ้นตาจากนิยายเรื่องก่อนๆ อยากจะบอกจริงๆค่ะคุณฟิโอน่า ว่าคนเขียนดีใจจะแย่แล้วจ้า

แต่เรื่องนี้เพิ่งลองเขียนหนแรกจริงๆ พออัพทีเลยต้องคอยกวาดตาหาคำผิดอยู่พอสมควรค่ะ

อัพไวไปหรือช้าไปก็ขออภัยล่วงหน้า...ไม่ว่ากันเนาะ
ยินดีต้อนรับกลับบล็อกนิยายค่ะ
^o^


โดย: ploy666 IP: 124.157.189.147 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:14:58 น.  

 
อะ...มีแฟนประจำมาอ่านแล้ว
สงสัยเรื่องนี้จะมีแฟนๆ มาตรึม อิอิ

ปล. เห็นคุณมนฯ ทักทายเดลที่บทก่อน
แวะมาสวัสดีด้วยค่ะ


โดย: adel_ew วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:29:32 น.  

 
ถ้ามีคนมาอ่านคนเขียนก็สู้ตายในการอัพเหมือนกันค่ะพี่เดล

รักาสุขภาพเน้อจ้า นอนดึกกันนะนี่ คุคุ


โดย: ploy666 (ploy666 ) วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:0:42:30 น.  

 
ขอเป็นแฟนประจำนิยายเรื่องนี้ด้วยคนนะคะ

อิอิ


โดย: nan (*-*-MeMoRy PolaRiS-*-* ) วันที่: 22 มีนาคม 2553 เวลา:14:29:18 น.  

 
แปะบัตรสมาชิกประจำให้แล้วค่ะ

ขอบคุณที่อุดหนุน (อ่าน) นิยายนะคะ
ช่วยทำให้บล็อกไม่เงียบเหงาดีจริงๆนะนี่


โดย: ploy666 (ploy666 ) วันที่: 23 มีนาคม 2553 เวลา:9:21:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ploy666
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก
https://ploy666.bloggang.com




ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา)
นามปากกา : สิตาปางค์
ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก
รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5
ออกแบบปก : Little thing

ราคา : 850.- บาท
สินค้าหมด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28

สั่งซื้อที่ : .........

หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ

** ***********************************



ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ
นามปากกา : ลายน้ำ
ราคา : 259.- บาท
สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)

สินค้าหมดค่ะ



****************

นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง

รอยทรายบนลายรัก
...และ...
กระต่ายในใจจันทร์



***********

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า
ทนไม่ไหวแล้ว...
จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ

โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...


Ploy666.



************

หมายเหตุสักนิดค่ะ...

ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ
เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย

ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ


**************

เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


Friends' blogs
[Add ploy666's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.