Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
5 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 

แม่สื่อจอมจุ้น วุ่นรักอลวน บทที่๒





บทที่๒

พิมพ์ญาดาเพิ่งจะได้เลื่อนตำแหน่งและได้รับความไว้วางใจจากเจ้านายใหญ่

ให้มาดูแลรับผิดชอบงานสำคัญ แต่เธอก็ต้องยื่นในลางาน
ในขณะที่การประชุมกำลังจะเริ่มขึ้น เลขาคนใหม่เตรียมใจที่จะรับฟังคำตำหนิ

แต่สิ่งที่เธอได้รับ มันกลับทำให้เธอรู้สึกตื้นตันใจ

“มีอะไรให้ช่วยได้ก็บอกมาได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

“ขอบคุณค่ะ”

พิมพ์ญาดาคำเบาๆ ถึงแม้จะคุ้นเคยในความมีน้ำใจของเจ้านายใหญ่
แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ยิน ได้รับรู้ ในความปรารถนาดีที่เจ้านายของเธอพึงมีให้กับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา


คุณสุนทร เป็นเจ้านายใหญ่ที่ใจดี โอบอ้อมอารีและมีความเสมอต้นเสมอปลาย

ให้กับลูกน้องทุกคน เขาไม่เคยวางตัวให้พนักงานในบริษัทรู้สึกถึง
ความต่างของชนชั้นในความเป็นเจ้านายกับลูกน้อง



ส่วนงานชิ้นใหม่กับตำแหน่งที่เพิ่งจะได้รับมาสดๆร้อนนี่สิ
ที่ทำให้เธอหนักใจ


เมื่อได้รับมอบหมาย ให้มาคอยช่วยงาน คุณพัสวี ลูกสาวคนเดียวของเขา
แต่ข่าวที่แว่วมาเข้าหูบ่อยๆว่า คุณพัสวีเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองสุดๆนี่ล่ะ
ที่ทำให้เธอหนักใจอยู่ไม่น้อย

เมื่อได้รับอนุมัติเรื่องขอลางานเรียบร้อยแล้ว พิมพ์ญาดาก็รีบเดินทางมาที่โรงพยาบาลทันที

ถึงแม้จะรู้ว่าอาการของยายนั้นไม่ดีขึ้นเลย หรือว่าเตรียมใจมา
บ้างแล้วก็ตามที

แต่พอเข้ามาพบกับสภาพของคนเธอที่รักนอนนิ่งไร้วิญญาณ
หัวใจที่เคยเข้มแข็งก็วูบไหวสั่นคลอน ร่างกายล้าอ่อนแรงทันที


เมื่อวันเวลาที่ต้องสูญเสียนั้นมาถึงเข้าจริงๆ หัวใจของเธอก็แทบสลาย

“พิมพ์...”

จุ้นซึ่งเป็นทั้งเพื่อนสนิทและเพื่อนบ้านของพิมพ์ญาดา ก็เข้ามาสะกิดเพื่อเรียกสติ

หลังจากที่ปล่อยให้เธอร้องไห้คร่ำครวญไปได้สักพักหนึ่ง

“ตัดใจนะพิมพ์ ยายเขาไปสบายแล้ว”

พิมพ์ญาดามองจุ้นน้ำตาอาบแก้ม เธอพร่ำเพ้อราวเสียสติ

“ยายทิ้งพิมพ์ไปแล้วจุ้น...ยายทิ้งพิมพ์ไปแล้ว”

หญิงสาวพลางโผเข้ากอดเพื่อนพร้อมร้องไห้สะอึกสะอื้น
จุ้นตบบ่าพิมพ์ญาดาเบาๆ รับรู้และเข้าใจในความสูญเสียของเธอ


จุ้นเองก็เสียใจที่ยายปิ่นมาด่วนจากไปโดยไม่ทันได้ล่ำลา
และไม่คิดว่าเช้าวันนี้

จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้พูดคุยกับนาง

ยายปิ่นพร่ำบ่นคิดถึงแต่หลานสาวคนดี อยากเห็นหน้าอยากพบเธอ
ทั้งๆที่พิมพ์ญาดาก็เพิ่งจะออกไปทำงานได้ไม่นาน

หลังจากที่นอนเฝ้าและอยู่ดูแลยายปิ่นมาทั้งคืน แต่เพราะพิมพ์ญาดาต้องเดินทางไปต่างจังหวัดกระมัง

ยายปิ่นจึงบ่นยกใหญ่และคงเป็นห่วงหลานสาว


ยายปิ่นจึงบ่นยกใหญ่และคงเป็นห่วงหลานสาว

จุ้นจึงอดไม่ได้ที่จะโทรศัพท์ไปเล่าให้พิมพ์ญาดาฟัง
แล้วเธอก็รับปากจะรีบกลับมาหายาย

ซึ่งมันก็ทำให้หญิงชรายิ้มอย่างพอใจเมื่อจุ้นบอกให้นางได้รับรู้
แต่เขาไม่คิดว่าเวลา

ของยายปิ่นมันจะเหลือน้อยนิดเพียงนี้
เมื่อคิดถึงช่วงเวลานั้นแล้วก็พาให้เศร้าใจ

จุ้นเองก็เป็นคนหนึ่งที่รักและเคารพยายปิ่น
เขาจะมาช่วยดูแลเป็นหูเป็นตาแทน

พิมพ์ญาดาทุกครั้งที่เธอติดงานหรือต้องเดินทางตามเจ้านายไปทำธุระ
ตามสถานที่ต่างๆ

แต่แม้จะเข้าใจในความเศร้าโศกของเพื่อนสาวแค่ไหน
เขาก็ต้องคอยพูดย้ำให้เธอต้องตัดใจและเข้าใจในการจากไปของยายปิ่นครั้งนี้

เพื่อนบ้านสนิทๆ หลายคนที่มาเยี่ยมยายปิ่น แต่ต้องกลับกลายเป็นมารับศพแทนนั้น

ต่างก็รู้สึกหดหู่เศร้าสลดใจไปตามๆกัน ที่เห็นพิมพ์ญาดาต้องมาสูญเสียญาติผู้ใหญ่ที่มีอยู่เพียงคนเดียวไปอย่างนี้


จุ้นลอบถอนหายใจ แล้วเข้าไปดึงพิมพ์ญาดาให้ถอยออกมาจากศพยายปิ่น

เมื่อบุรุษพยาบาลเข้ามานำศพยายปิ่นเพื่อไปจัดการตามหน้าที่ หลังจากที่บุรุษพยาบาลรับศพยายปิ่นไปแล้ว




พิมพ์ญาดาก็นั่งเหม่อปล่อยจิตใจเลื่อนลอย คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา
ภาพของหญิงชราอารมณ์ดีลอยวนเวียนอยู่ห้วงสมอง ยายผู้ที่มีแต่ความโอบอ้อมอารี

มักจะนั่งรอเธออยู่ที่โต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านในทุกๆเย็น ใบหน้านางนั้นอิ่มเอมไปด้วยรอยยิ้ม

พิมพ์ญาดานั่งนิ่งปล่อยให้น้ำตาไหลริน เมื่อนึกถึงเรื่องราวต่างๆ
ที่ยังฝังแน่นอยู่ในห้วงความทรงจำ

“สงบจิตใจบ้างเถอะนะพิมพ์”

จุ้นเข้ามาพูดอีกครั้ง หลังจากที่เห็นเธอนั่งน้ำตาไหลร้องไห้เงียบๆมาพักหนึ่ง

ร่างบางๆขยับเชิงรับรู้ เธอยกมือขึ้นมาปาดน้ำตา แต่ก็ยังนั่งนิ่งเหมือนหุ่น
ดวงหน้าเรียวสวยที่เคยยิ้มแย้มร่าเริง ดูหม่นหมองลงไปถนัดตา

“ไอ้จุ้นมันพูดถูกนะพิมพ์ ยายปิ่นไปสบายแล้วล่ะลูก ก็จะเหลือ
แต่พวกเรานี่ล่ะนะที่ยังต้องดิ้นรนกันต่อไป”

ป้าทองสุขเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับพิมพ์ญาดาอีกคนหนึ่ง
ก็เข้ามาช่วยพูดปลอบขวัญ เมื่อเห็นหญิงสาวเอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญ

“ป้าว่าเรามาช่วยกันคิดดีกว่านะ ว่าจะทำยังไงกันต่อไปดี”

คำพูดของป้าทองสุข ทำให้พิมพ์ญาดาได้คิด เธอยังมีธุระที่เธอต้องจัดการ
และจะทำให้ดีที่สุด

เพราะมันเป็นสิ่งเดียวในเวลานี้ที่เธอพอจะทำให้กับยายได้

หญิงสาวมองหน้าป้าทองสุข พยักหน้ารับรู้น้ำตาอาบแก้ม
ก่อนที่จะโผเข้ากอดหญิงร่างท้วมราวกับ จะหาหลักที่แข็งแรงมา
ช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจที่อ่อนแอ

ชายหนุ่มตกใจ เมื่อเข้าไปเยี่ยมแก้วที่โรงพยาบาล แล้วถือโอกาสไปถามหายายปิ่น

เขาจึงได้ทราบจากนางพยาบาลว่านางได้เสียชีวิตไปแล้วในวันเวลาเดียวกับที่เจอกัน

แต่อดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะช่วงนั้น เขายังนั่งคุยกับนางอยู่เลย

เวลาอาจคลาดเคลื่อนใกล้เคียง หรือไม่นางก็เสียชีวิตหลังจากที่เขากลับไปแล้ว

แต่เท่าที่สังเกตหญิงชราก็ดูแข็งแรงดี จึงไม่คิดไม่ว่า ยายปิ่นคนที่ซึ่งพูดคุยถูกคอกัน

ทั้งๆที่รู้จักได้ไม่นาน จะมาด่วนจากไปได้ง่ายๆเช่นนี้

หลังจากไหว้ศพยายปิ่นแล้ว อินทัชก็เข้ามาหาที่นั่งเงียบๆ ขณะฟังพระสวดมนต์อยู่นั้น

เขาลอบมองหญิงสาวชุดดำที่ยืนรอรับแขกด้วยดวงตาที่เศร้าหมอง ใบหน้ารูปไข่ดูซีดเซียว

เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารเธอขึ้นมาจับใจ คงเพราะเขาได้รู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าเธอกับยายปิ่นนั้นผูกพันรักกันมาก


แต่เหตุการณ์แบบนี้ ต้องเกิดขึ้นกับทุกคน แต่จะช่วงเวลาไหนเท่านั้น
และไม่มีใครมาคาดการณ์ล่วงหน้าหรือไปหยุดยั้งมันได้
ซึ่งเขาเข้าใจเรื่องนี้ดี

เมื่อครั้งหนึ่งที่ต้องสูญเสียพ่อกับแม่ไปอย่างกะทันหันด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์


เมื่อเสียงในโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น อินทัชก็รีบลุกออกมาจากศาลา
และเดินเลี่ยงไปยืนอยู่ตรงมุมที่ไม่ค่อยจะมีคนผ่านไปมาสักเท่าไหร่นัก

เขากดรับสายพลางส่ายหน้า หลังจากดูเบอร์ที่เรียกเข้ามา

“ว่าไง…”

“โห้ย...กว่าจะรับได้นะ มัวไปทำอะไรอยู่ที่ไหนห๊า!”

น้ำเสียงหงุดหงิดที่ดังมาตามสาย ทำให้คนฟังหัวเราะหึๆ
แล้วเสียงนั้นก็ยิ่งทำให้คนโทรมารู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น

“ยังจะมีหน้ามาหัวเราะอีก แวะเข้ามาหาฉันหน่อยสิ”

เสียงเข้มที่พูดคล้ายคำสั่ง ทำให้อินทัชหัวเราะเสียงดัง และตอบกลับไป
อย่างคนที่ใจเย็นกว่า

“ตอนนี้อยู่ที่วัดน่ะ ยังไม่ว่าง”

“แกไปทำอะไรที่วัดค่ำๆมืดๆอย่างนี้วะ”

อินทัชฟังนิ่งเพราะรู้ว่าคำถามของเพื่อนนั้นไม่ได้ต้องการคำตอบ
สักเท่าไหร่ แล้ววรชิตก็รีบพูดต่อโดยไม่ยอมปล่อยเวลาให้เสียไปเปล่าๆ


“ฉันเช็คเวลากับคุณสินีย์มาแล้ววันนี้นายว่าง ยังไงก็ช่วยแวะเข้ามาหาฉันหน่อยนะเพื่อน”

น้ำเสียงของวรชิตอ่อนลงเมื่อครู่ทันทีที่อินทัชพูดออกตัวว่าเขายังไม่ว่าง

“ฉันน่ะเข้าไปหานายได้ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่างานนี้ฉันไม่เกี่ยว”

อินทัชดักคอวรชิต เพราะรู้ว่าเพื่อนต้องการให้เข้าไปหาด้วยเรื่องอะไร

“โธ่เว้ย! อย่าเล่นตัวนักสิวะ ถ้านายไม่ช่วย ฉันตายแน่ๆ”

วรชิตพูดเสียงอ่อน “วันนั้น ฉันก็รอ นายจะปล่อยให้ฉันรอไปถึงไหนหึ!
เวลาสำคัญๆ ดันพาเมียชาวบ้านไปส่งโรงพยาบาลซะอย่างนั้น”

อินทัชนึกถึงวันที่เจอแก้ว ขณะที่จะออกไปหาวรชิตตามที่นัดกันเอาไว้
แต่เห็นแก้วเป็นลมล้มพับไปต่อหน้าต่อตา

ทำให้เขาเลือกที่จะช่วยแก้วก่อนไปพบวรชิต และเพราะเหตุนี้ทำให้ได้มีโอกาสรู้จักกับยายปิ่นหญิงชราอารมณ์ดี


ที่ซึ่งเวลานี้ ได้กลายเป็นร่างที่ไร้จิตไร้วิญญาณไปแล้วในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง

เขาถอนหายใจดัง ขณะเหลียวกลับไปมองในศาลา ซึ่งเวลานี้มีแต่บรรยากาศของความเศร้าโศกเสียใจ



“เฮ้ย!อะไรวะ เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องคิดหนักเลยเหรอวะเพื่อน”

วรชิตรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อก็พูดกรอกเสียงเข้ามาอย่างคนที่มีใจร้อนรน

“งานนี้มันก็ไม่ได้หนักหนาเกินความสามารถนายแน่ๆฉันมั่นใจ
แล้วคนดูแลงานนี้ก็เป็นลูกสาวคนเดียวของคุณสุนทรเชียวนะทัช ได้ข่าวว่าสวยเปรี้ยวเฉี่ยวน่าดูเชียวล่ะ”


“เอาล่ะๆ เดี๋ยวออกจากวัดแล้วฉันจะแวะไปหาก็แล้วกันนะ”
อินทัชรีบตัดบทก่อนที่วรชิตจะพูดพร่ำจนออกทะเลไปมากกว่านี้

“ดีๆ...ขอบใจวะเพื่อน”

อินทัชส่ายหน้าให้กับน้ำเสียงของวรชิต ที่บ่งบอกถึงความพออกพอใจจนเขารู้สึกได้

ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ เมื่อสัญญาณโทรศัพท์ขาดหายไปอย่างรวดเร็ว
วรชิตคงกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจจึงด่วนวางสายไป โดยไม่คิดจะกล่าวคำลา

เสียงที่คล้ายคนกำลังต่อล้อต่อเถียงกันนั้นดังอยู่ใกล้ๆ
ทำให้ชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงต้องเหลียวมอง แล้วเขาก็รีบเบี่ยงตัวหลบเข้าไปอยู่หลังต้นไม้

คิ้วเข้มของอินทัชขมวดยุ่ง ขณะยืนมองภาพตรงหน้า

หลานสาวของยายปิ่นกับชายหนุ่มร่างท้วมผิวขาวที่กำลังยืนพูดคุยกัน
อินทัชคาดคะเนอายุของผู้ชายตรงหน้าจากสายตาที่เขาสามารถมองเห็น
ได้อย่างชัดเจน ชายคนนี้น่าจะมีอายุราวๆสามสิบกว่า อยู่ในวัยที่ใกล้เคียงกับเขา ถ้าห่างก็คงจะประมาณปีสองปี


อินทัชจับใจความไม่ได้ในประโยคสนทนาของคนทั้งคู่ แต่จากที่สังเกตเห็น
คู่สนทนาของหลานสาวยายปิ่น มีลักษณะท่าทางที่กวนๆดูจากมือไม้ของเขา
ที่อยู่ไม่เป็นสุข พยายามจะถูกเนื้อต้องตัวเธอทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ก็น่าแปลกใจ
ทั้งๆที่หลานสาวคนสวยของยายปิ่นก็มีสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเหนื่อยหน่าย
ทำไมเธอไม่เดินหนีไปซะให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราว น่าจะดีกว่า ที่เธอทำอยู่ในตอนนี้
คือการเบี่ยงตัวหลบแค่พอให้พ้นๆ จากน้ำมือของเขา อินทัชเกลียดนักหนา
กับคนเห็นแก่ตัว และชอบข่มเหงรังแกคนที่อ่อนแอกว่า โดยเฉพาะกับผู้หญิง

ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ ที่เห็นเธอยังยืนพูดคุยอยู่กับผู้ชายที่ชอบ
หาเศษหาเลยคนนี้อยู่เช่นเดิม โดยไม่คิดที่จะเดินหนีไปไหน เพราะดูแล้ว
ผู้ชายคนนี้น่าจะมาตามตอแยเธอมากกว่าที่จะมีธุระสำคัญพูดคุย

แล้วทำไมหลานสาวคนดีของยายปิ่นถึงยอมหลบเลี่ยงผู้คนมาออกมา
พูดคุยกับผู้ชายที่มีท่าทางไม่น่าไว้วางใจคนนี้ ด้วยท่าทีที่กระอักกระอ่วนใจ
แต่เพราะความไม่รู้ตื้นลึกหนา ชายหนุ่มจึงได้แต่ส่ายหน้า

หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาของทั้งคู่ พูดคุยอยู่ไม่นาน
สองสาวต่างวัยก็เดินออกไป แต่เธอไปยังไม่ทันลับตา
ชายร่างท้วมก็เหวี่ยงเท้าใส่กอหญ้าข้างๆ ระบายอารมณ์ด้วยความหงุดหงิด
เจ้าของร่างสูงส่ายหน้าระอากับการกระทำของคนเพศเดียวกัน ก่อนเดินกลับ
เข้าไปนั่งในศาลา

หลังจากพระสวดมนต์เย็นเสร็จเรียบร้อย อินทัชออกมาจาดวัดโดยไม่ได้กล่าวลา
หรือทักทายเจ้าภาพ ตอนแรกก็ยืนรออยู่สักพัก
แต่พอเห็นเธอยังรอส่งแขกอยู่อีกหลายคน ชายหนุ่มจึงถือโอกาสกลับออกมาก่อน
เขามางานยายปิ่นเพราะรู้สึกผูกพันกับนางอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆที่เพิ่งพูดคุยและ
รู้จักกันได้ไม่นาน

วรชิตดีใจจนออกนอกหน้า และรีบเปิดประตูรับทันทีที่รถของอินทัชวิ่งเข้ามาจอด
เทียบที่หน้าประตูรั้ว

“ฉันไม่รับงานอย่างนี้” อินทัชเอ่ยขึ้นหลังจากนั่งฟังวรชิตพูดธุระของตัวเองจนจบ

“ชั่วโมงนี้ฉันไม่รับงานต่างจังหวัดแล้วยิ่งไกลๆอย่างนี้ด้วย นายก็รู้ดีนี่”

“โธ่เอ้ย...ช่วยเพื่อนหน่อยสิวะ งานก็รับมาแล้ว เดี๋ยวก็ต้องนัดประชุม
สรุปงาน แล้วเริ่มงาน เหลือเวลาอีกไม่กี่วันเองนะ”

วรชิตทำหน้าละห้อย มองจ้องอินทัชรอคำตอบ

อินทัชส่ายหน้า งานออกแบบตกแต่งภายในที่มีอยู่ในมือตอนนี้
เขาก็ทำแทบจะไม่มีเวลาอยู่แล้ว และงานที่วรชิตรับมา ก็อยู่ไกลถึงทางใต้

มันยิ่งชวนให้เขาปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดอะไรมากมายเลย

“เอาน่า อย่าเพิ่งตัดหางปล่อยวัดฉันสิเว้ย แกเอางานกลับไปคิดดูก่อน
งานแบบนี้แกรับมือได้สบายอยู่แล้วฉันรู้”

อินทัชหัวเราะหึๆพร้อมมองหน้าเพื่อน

“ไม่ต้องมายอ ยังไงฉันก็ไม่ทำ นายไปจัดการหาค่าปรับมาจ่ายให้เขาได้เลยเพื่อนถ้าไม่อย่างนั้น นายก็ต้องรับงานนี้เอง”


คำตอบเด็ดขาดของอินทัชทำให้วรชิตอ่อนใจ

“ฉันเป็นสถาปนิกออกแบบสิ่งก่อสร้างนะเว้ย...ไม่ใช่อินทีเรียอย่างนาย
ลูกค้าเขาต้องการให้นายมาช่วยแลงานนี้ให้ แล้วจะเล่นตัวไปถึงไหน...
คิดก่อนไม่ได้หรือยังไง เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะนายเอางานนี้
กลับบ้านไปเลย อย่าเพิ่งรีบให้คำตอบ”

วรชิตหยิบเอกสารยัดใส่มืออินทัช ไม่สนใจว่าเพื่อนจะยินดีด้วยหรือไม่
แล้วเขาก็หันไปยิ้มให้นารี ภรรยาที่อุ้มท้องลูกของเขาได้สี่เดือน
ขณะเธอกำลังนำของว่างมาเติมให้

อินทัชขับรถกลับบ้านด้วยสีหน้าที่ปลงๆ เขารู้ว่าวรชิตอยากให้เขารับงานนี้
แต่ชายหนุ่มก็ยังอยากที่จะปฏิเสธ เพราะงานที่มีอยู่มันก็ล้นมือจนแทบ
จะทำไม่ทัน และไม่คิดที่จะรับงานไกลๆในช่วงเวลานี้

“ถ้าไม่ติดว่าคุณสุนทรเขามีบุญคุณกับฉันนะ ก็คงจะไม่รับงานนี้หรอก
แต่นี่เขาขอร้องมาแบบนี้แล้ว นายจะให้ฉันทำยังไงวะ”

นี่คือคำพูดทิ้งท้ายของวรชิตขณะเดินมาส่งเขาที่รถ



อินทัชทิ้งตัวลงนอนเอกเขนกบนโซฟาหนังสีดำขลับ
ปิดเปลือกตาลงด้วยพร้อมถอนหายใจแรง

เมื่อนึกถึงวรชิตกับครอบครัวที่เตรียมตัวต้อนรับสมาชิกน้อยๆอย่างมีความสุข

แล้วสมองหยักๆของเขาก็ประมวลภาพบรรยากาศภายในงานศพ
เขายังจำรอยยิ้มของหญิงชราได้ดี ยามที่นางพูดถึงหลานสาว
ภาพชายร่างท้วมที่ชอบฉวยโอกาส แล้วภาพต่างๆก็จางหายไป
เพราะมีภาพของเจ้าของ ดวงตาเศร้าๆบนใบหน้ารูปไข่แทรกเข้ามาแทนที่


อินทัชลืมตา จ้องมองไปที่เพดาน ซึ่งติดโคมไฟโชว์ไว้อย่างสวยงาม
ชายหนุ่มนึกถึงผู้คนรอบๆกาย

ซึ่งแต่ละคน ล้วนมีเรื่องราวเกิดขึ้นกับตัวมากมาย บางกรณีก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

หรือบางทีเลี่ยงได้ก็ไม่เลี่ยง อินทัชถอนหายใจอีกครั้งเขาดีดตัวลุกขึ้นนั่ง

แล้วบิดตัวไปมาคลายเมื่อย ก่อนลุกเดินหายเข้าไปในห้องนอน โดยมีเงาดำทะมึนยืนยิ้มอย่างมีเลศนัยอยู่ข้างหลัง







 

Create Date : 05 มิถุนายน 2552
1 comments
Last Update : 10 มีนาคม 2559 20:04:19 น.
Counter : 753 Pageviews.

 

อยากอ่านตอนต่อไปจังค่ะ...จะคอยติดตามนะค่ะ



 

โดย: หญิงแดง IP: 222.123.39.83 5 มิถุนายน 2552 22:40:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ploy666
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก
https://ploy666.bloggang.com




ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา)
นามปากกา : สิตาปางค์
ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก
รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5
ออกแบบปก : Little thing

ราคา : 850.- บาท
สินค้าหมด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28

สั่งซื้อที่ : .........

หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ

** ***********************************



ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ
นามปากกา : ลายน้ำ
ราคา : 259.- บาท
สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)

สินค้าหมดค่ะ



****************

นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง

รอยทรายบนลายรัก
...และ...
กระต่ายในใจจันทร์



***********

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า
ทนไม่ไหวแล้ว...
จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ

โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...


Ploy666.



************

หมายเหตุสักนิดค่ะ...

ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ
เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย

ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ


**************

เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


Friends' blogs
[Add ploy666's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.