Dharamsala: The Dali Lama

ท่านองค์ดัลไล ลามะ ...

เรามาดารัมซาลา เพื่อการนี้โดยเฉพาะ  ไม่มีสิ่งใดยืนยันได้ว่าเรามาแล้วจะได้พบท่าน เราพกดวงไปด้วยล้วนๆ  

เริ่มจากเดลลี เราเทคเครื่องบินไปลงสนามบินดารัมซาลา อิฉันก็ได้นั่งติดกับชายรูปงามที่กำลังพาบิดามารักษาอาการมะเร็งตับที่ Live Ayuravej สวรรค์จึงบันดาลให้เราได้พบกันในวันนี้ ระหว่างการเดินทางชั่วโมงกว่า เราได้คุยกันเรื่องปรัชญาต่างๆ ในการดำเนินชีวิตและความเชื่อของแต่ละคน

ขอบคุณมากนะคะ ที่ให้ความรู้ ความคิดดีๆ ความคิดต่าง และประสบการณ์ทางความคิดแปลกใหม่ที่แลกเปลี่ยนกันระหว่างการเดินทาง  แถมยังคอยช่วยเหลือยัยพลอยทุกอย่างไม่ว่าจะสั่งน้ำอะไร ก็ช่วยจัดการกับแอร์โอสเตสให้หมด ถึงขนาดเค๊าปลดสัญญาณรัดเข็มขัดช้า ยัยพลอยบ่นว่า เครื่องก็สเตเบิ้ลแล้วทำไมยังติดตลอด ไอปวดฉี่มาก ฮีก็จัดการไปบอกแอร์ว่า ยูว์ช่วยไปถามนักบินซิว่าลืมปลดสัญญาณหรือเปล่า 555 ตลกกันไป ปรากฏว่านักบินคงลืมจริง ปลดสัญญาณให้โดยพลัน ให้ยัยพลอยได้ไปเข้าห้องน้ำสมใจ หลังจากวิ่งป่าราบจากการเช็คอินเลทจากที่สนามบิน   เราพูดคุยแลกเปลี่ยนทรรศนะกันจนถึงเวลาเครื่องบินแลนด์ แล้วเวลาจากกันของเราก็มาถึง ขอบคุณช่วงเวลาดีๆ ถึงแม้มันจะสั้นค่ะ

เครื่องแลนด์ตอนประมาณ เที่ยงครึ่ง เข้าเช็คอินแล้วทานอาหารกลางวัน เพื่อนบอกว่ายูควรจะอยู่ที่นี่แป๊ปเดียวก็พอ ที่นี่ไม่มีอะไรทำ แต่เราจองโรงแรมที่นี่ทุกคืนไปแล้วสิ แผนเราจึงไม่เปลี่ยน แต่ใช้วิธีเดินทางไปเที่ยวโดยรถยนต์แทน   ทริปนี้เป็นทริปมากะดวง เปลี่ยนไรมากก็ไม่ได้ แผนการเดินทางก็ไม่มี จึงให้พระเจ้านำทางก็แล้วกันค่ะ

วิวที่ห้องนอน

เมื่อเสร็จกิจ เราเดินทางไปที่วัดของท่านดัลไลลามะ หวังว่าจะได้เข้าพบท่านวันนี้เลยถ้าเป็นไปได้ ปรากฏว่า เมื่อติดต่อ ๆๆๆ พูดคุยๆๆๆๆ กับเจ้าหน้าที่หลายๆท่าน  100 ล้านเล่มเกวียน ถูกขุดออกมาใช้  สุดท้าย เราก็ได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เจ้าหน้าที่ท่านนี้หล่ะที่ช่วย และบอกว่าให้เรามารอที่ออฟฟิตตอน 7:30น. พรุ่งนี้ และเตรียมถ่ายเอกสาร พาสปอร์ตและวีซ่าให้อยู่หน้าเดียวกันมาด้วย  ถ้าบอกอย่างนี้ก็โอกาสสูงแล้วสินะที่จะได้พบท่าน ... ตื่นเต้นเหลือเกิน

เรากลับออกจากวัดท่าน ด้วยความหวังเบาๆ

ที่ทางออกวัดมี Tibet Museum

 อนุเสาวรีย์วีรชนผู้เสียสละ

ด้านใน บรรยากาศหดหู่มากค่ะ

เสื้อผ้าที่ยังคนมีคราบเลือดอยู่ 

ผู้สละชีวิต .. สัพเพสัตตา..

โดยรอบ

เดินออกมาด้านนอก

ล.ลิง หลังวัดท่าน

หลังจากนั้นไปสักการะองค์พระศิวะ เพราะกำลังเข้าปีใหม่ของฮินดู และมีงานศิวะราตรี คนรถจึงพาเราไปที่วัดฮินดูใกล้ๆ ชื่อ Mandir Kunal Pathri ให้เราสักการะท่านศิวะ

เดินเข้าไปด้านใน 

มีเจ้าหน้าที่คอยให้สิ่งของหลังจากเราขอพรและทำบุญ

 วันนี้เป็นศิวะราตรี ที่นี่มีอาหารแจกให้ฟรี  คุณป้าใจดีมาก จะให้เราคนละ 1 จานใหญ่ แต่พวกเราขอแค่ 1 จานก็พอค่ะ ขอชิมเฉยๆ

หลังจากนั้น ก็พากลับโรงแรม เพราะต้องการเดินตลาด และช๊อปปิ้ง วันนี้ก็หมดวันไปด้วยการช๊อป ๆๆ

ร้านเสื้อผ้าดูหรูก็มี แต่ไม่ได้เก็บภาพมา ชอบแบบ Local มากกว่าค่ะ

ร้านขายขนมหวาน

เมื่อมาทานข้าวเย็น จึงได้รู้ว่าได้รับเงินทอนมาผิด ขาดไป 1000Rps  ด้วยความที่ว่าใช้แต่แบงค์ 2000 กลับไปที่ร้านปรากฏร้านปิด  พรุ่งนี้ไปถาม แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าเสียแล้วแน่นอนไม่ได้เงินคืนอยู่แล้ว มีเหรอแขกจะให้คืน   หลับตานอนไปกับความจิตตกนิดหน่อยเพราะเสียไปกับเรื่องสัพเพร่าของตนเอง ไร้สาระมาก พยายามลืมนะจ๊ะ ป้าๆบอกว่าถือว่าทำบุญ เอ่ออ คือว่าถ้าทำบุญหนูไม่ได้เสียดายนะคะ แต่นี่เสียฟรีๆ ไม่ได้แม้แต่บุญ แถมมากับความ annoy เล็กๆ ...ช่างมันถือว่าซื้อความสะเพร่าของตัวเอง

เช้ามา เรารีบไปที่วัดท่านแต่เช้าตรู่ ยืนรอแล้วรอเล่า 

ยัยพลอยก็เลยเดินเล่น รอบๆวัดรอ

ชั้นบนมี 2 ห้องปฏิบัติใหญ่ 

ห้อง 1 : พระประธาน 

ห้อง 2 : ปิดอยู่

วิวที่วัดท่าน ตอนเช้าตรู่

ห้องจุดเทียน

เจ้าหน้าที่ก็จัดการเอกสารไป เราก็รออย่างไม่มีกำหนดและไม่มีความหวังเท่าไหร่ เพราะไม่มีสัญญาณบอกว่าท่านจะได้เข้า  สุดท้าย...และท้ายสุดเราก็ได้เข้า เป็นกลุ่มสุดท้ายของวัน  

รอคิวตรวจเอกสาร 

พาสปอร์ตถูกเก็บไป สัมภาษณ์นิดหน่อย แต่ไม่ทุกคนเพราะท่านกำลังจะลงมาแล้ว เจ้าหน้าที่ทุกคนก็รีบมากๆ เพราะให้ทันกับชุดก่อนๆ ทุกอย่างถูกสแกน Leave everything behind ทุกอย่างไม่อนุญาตให้เอาเข้า Allowed only your body to get inside....   ได้จ๊ะทุกอย่างตามประสงค์

จุดตรวจร่างกายรอบสุดท้าย ว่าไม่มีสิ่งของใดเล็ดลอดเข้าไป แยกชายหญิงนะคะ

ในที่สุดเราก็ได้พบท่าน องค์เป็นๆ   กราบท่านก่อน

ท่านได้กรุณาสั่งสอนพวกเราประมาณ 20 นาที

ท่านกล่าวหลักๆดังนี้ค่ะ :

ความรัก ความสงบ สมะถะ การเจริญภาวนา การทำสมาธิ การฝึกฝน และพัฒนาตนเองมากๆ จะเป็นหนทางสู่ความหลุดพ้น ฝึกฝนจากเรื่องง่ายๆ เรื่องเล็กๆ เมื่อฝึกฝนจนชำนาญแล้ว เมื่อพบเจอมัน เราจะสามารถนำมันมาใช้ได้ทันที เพราะเราได้เคยผ่านการฝึกมาดีแล้ว  ส่วนเรื่องใหญ่ๆ มันก็มาจากพื้นฐานของการฝึกในเรื่องเล็กๆ ที่ง่ายกว่า เมื่อท่านฝึกฝนมากแล้วก็จะค่อยๆเพิ่มพูนทักษะ เพื่อดีลกับเรื่องที่ใหญ่กว่าได้โดยง่าย และท่านจะมีภูมิต้านทานในการเจอและดีลกับเรื่องทั้งหลายผ่านการฝึกฝน ฉะนั้นอย่าลืม และละเลยการฝึกฝนตนเอง, So prepare yourself , Be ready .. 

ท่านกล่าวว่าสัญญากับท่านสิว่า "จะกลับไปฝึกฝน"

ดีใจมากมายที่ได้พบท่าน  ภาพสุดท้ายก่อนลาจาก 

แม่อิฉันและป้าๆก็มีความปิติอย่างสูงในการพบท่านในวันนี้ เห็นได้จากน้ำตาของความปิติ

เมื่อได้พบท่านแล้ว วันนี้ mission completed เวลาที่เหลือ จะทำไรก็ทำ เราไปทานอาหารกันก่อน แล้ว ช๊อปปิ้ง 

ตลาดด้านล่างวัดท่าน  ช๊อปสนุกค่ะ

ไปวัดไทยที่กำลังสร้าง อยู่ไม่ไกลจากวัดท่านดัลไลลามะ

ด้านใน

วิวชั้นบนมันแหล่มมากค่ะ นึกไม่ออกว่าอยู่ ดารัมซาลาหรือสวิสเซอร์แลนด์

เราไปวัดฑิเบตอีกแห่ง ชื่อ Karmapa Monastery  ที่มีตำแหน่ง รองท่านองค์ดัลไลลามะ

 องค์พระประธาน

เมื่อไปปถึงก็มีพิธีอยู่พอดี

เราเข้าร่วมพิธีสวด สักพักพระท่านนำสิ่งนี้มาให้ บอกให้ชำระความเป็น negative สิ่งไม่ดีทั้งหลายออกจากร่างกาย  หลังจากนั้นท่านก็มาเก็บเอากลับคืนไป

กลิ่นคล้ายแป้งผสมถั่ว นิ่มๆ

กลับที่พักเพื่อไปช๊อปปิ้งต่อ ...

กลับไปร้านเดิมที่ทอนเงินผิดเพราะแก้ใขเสื้อผ้าไว้ต้องไปรับคืน

พอถามมาดามเจ้าของร้านบอกว่าไม่มี ไม่เคยทอนเงินใครผิด  ไอทอนยูถูก ยูเอาเงินไปซื้อของอย่างอื่นหรือเปล่า...

เออมาดาม ออกจากร้านยู ไอก็ไปกินข้าวพอควักเงินจะจ่ายไอก็รู้เลยว่าผิดเพราะว่าเงินมีไม่ครบ

ตรูรู้อยู่แล้วหล่ะว่าจะไม่ให้คืน คือว่ามะวานซื้อกันมากมาย ชุลมุนกันจ่ายเงิน ชุลมุนกันเลือกของ ตอนจ่ายเงิน อิฉันก็พยายามจ่ายเศษให้ทอนเป็นแบงค์สุดท้ายจ่ายไปจ่ายมา แถมเงินให้ ... อะเครรู้อยู่แล้วว่าผลคำตอบที่จะได้รับจะเป็นเช่นไร  จริงๆ ไม่อยากถามแต่แม่และป้าๆบอกว่าถามไปเหอะ ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ถือว่าเราบอกให้เค๊ารู้    แต่พอกลุ่มป้าไปปรับเสื้อทีหลัง ชีบอกว่ายังไม่ได้เคลียร์บัญชี ถ้าเคลียร์แล้วถึงจะรู้ว่าผิด ถ้าผิดเดี๋ยวไอคืนให้  กว่ายูจะรู้ว่าผิด ไอก็กลับบ้านไปแล้วไง... ขอบคุณนะมาดามที่ขายบทเรียนให้แก่ฉัน

ความสลดยังไม่ทันจาง เราก็ออกช๊อปปิ้งต่อจนหมดวัน

วันนี้เราจะไป Bir จุดประสงค์คือ ไปเยี่ยมชม Deer Park Institute เดินทางจาก ดารัมซาลา ไป 2 ชม.

 วิวระหว่างทาง

เราไปถึงที่นั่นสายมากเพราะว่ามีปิดถนน เนื่องจากอุบัติเหตุ เมื่อไปถึงเราก็ทานอาหารที่ Deer Park และเยี่ยมชมสถานที่ โดยคุณประวิณ ให้โอกาสพาเราเยี่ยมชมทุกห้อง

ห้องเรียนชั้นบน

ห้องมันจูศรี และเป็นห้องเรียนด้วยค่ะ

ห้อง Play Room for kids

วิวจากชั้นบน  มันเหมาะ Paraglide ไหมหล่ะ คิดดูว่าบินอยู่บนฟ้าจะสวยขนาดไหน

ศาสนสถานกลางของ Deer Park บรรจุหนังสือพระไตรปิกฏ ที่ท่านดัลไล ลามะนำติดตัวมาขณะเดินทางลี้ภัย ชุด original อยู่ที่วัดท่าน ที่นี่เป็น copy 

ด้านบน แต่ละห้องส่วนใหญ่จะมีพระประธานอยู่

ที่นี่เป็นโรงเรียนที่สนับสนุนโดย NGO และเป็นโรงเรียที่ไม่แสวงผลกำไร อยู่ได้จากการรับบริจาค และเงินจากค่าอาหารและที่พักของนักเรียนที่มาเรียนที่นี่  ที่นี่ครูดังๆจากทั่วทุกมุมโลก มาสอนฟรี และเราก็เรียนฟรีด้วยค่ะ  ตารางเรียนเข้าไปดูที่นี่ได้เลยค่ะ

https://www.deerpark.in

หรือถ้าอยากติดต่อโดยตรงกับเจ้าหน้าที่ PM มาที่พลอยเดี๋ยวพลอยช่วยติดต่อให้ค่ะ

ที่เมืองนี้ดังเรื่อง Paraglide แต่พลอยมาบ่ายมาก เรามีอีกหลายที่ต้องวิสิท จึงขอบายเรื่อง paraglide และไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆแทนก่อน

โรงงานทำธง ที่ขายอยู่ทั่วไป อยู่ใกล้ๆ เดียร์พาร์ค

เค๊าเย็บกันที่นี่ ธงสวดมนต์

แถวนี้มีวัดฑิเบตอยู่หนาแน่นมากค่ะ

วัดแรกที่เราแวะ

โรงเรียนสอนพุทธศาสนาฑิเบต (เล็ก) 

ด้านหลังอาคารนี้ มีศาสนสถานปิด ที่มีฤษี หรือ โยคี ที่ปฏิบัติแบบไม่ออกมาโลกภายนอกแบบ 7 ปี 10ปี จึงต้องอยู่ในความสงบ

มีโรงพยาบาล Ayuravedic ที่มีชื่อเสียง ใกล้ๆ โรงเรียนสอนพุทธศาสนา (ใหญ่) ยัยพลอยพยายามจะเข้าไปแวะ แต่เค๊าปิด 4 โมงเย็น  เลยต้องผ่านและไปที่วัดและโรงเรียนใหญ่แทน

พระประธาน

เณรนักศึกษา  ช่วงนี้หยุดวันปีใหม่

ที่นี่มีพระจบทุกปี ปีละ ประมาณ 700 องค์

ตกเย็นกลับดารัมซาลา จึงแวะวัดที่ Baijnath

สักการะองค์พระศิวะ  ใหญ่ที่สุดในแถวนี้และมีชื่อเสียงมาก  วันนี้มีงานศิวะราตรีด้วย

อิฉันโชคดีมากๆ ที่ได้เข้าไปทำพิธีข้างใน ปกติผู้หญิงเค๊าไม่ให้เข้า อิฉันไม่เคยได้เข้าที่ไหนเลยค่ะ ที่นี่ที่แรก ได้สวด และได้รับการสวด เทนมลงศิวลึงค์ และวางดอกดาวเรืองถวายท่าน

ไม่ลืมที่จะกระซิบผ่านหูท่านนนทิ เพราะท่านนนทิได้รับประทานพรจากท่านศิวะว่า เมื่อเรื่องใดๆที่ผ่านหูนนทิ องค์ท่านศิวะก็จะได้ยินและรับทราบด้วย โดยไม่ต้องบอกท่านโดยตรง

เดินเล่นในตลาดหน้าวัด

 กินหนม

ขอบคุณคุณบิ๊ก สำหรับขนมอร่อยๆ

กลับโรงแรมดึก วันนี้อดช๊อปปิ้งเลย พรุ่งนี้จะต้องกลับแล๊วววว

ตื่นเช้ามาทานอาหารเช้าให้เสร็จเร็วหน่อยเผื่อร้านค้าเปิดเร็ว ... ออกไปปรากฏว่าไม่มีร้านเปิดเลย มีแต่ร้านขายผลไม้ หรือร้านโชวห่วยเล็กๆที่เปิด เลยเดินกลับมารอที่โรงแรม เพื่อรอเวลาไปสนามบิน

นึกขึ้นได้ มีอีกที่ยังไม่ได้ไป เปป็นวัดฑิเบต ที่วันก่อนขอพาสบายเพราะด้วยความอยากไปช๊อปปิ้ง  ก็เลยไปกัน  ชื่อวัด     ปรากฏว่าวันนี้ปิดค่ะ เพราะเป็นวันปีใหม่ของชาวฑิเบต  จ๋อยกันไป

เห็นมีคนบอกว่าในนี้มีน้ำตก และ วิวที่สวยมากๆ หน้าวัดก็มีน้ำที่ไหลมาจากภูเขา แบบน้ำแร่เลย เบาสดชื่นมากค่ะ

แต่ตอนนี้ได้  แต่ภาพหน้าประตู  กะ เพื่อนสัตว์โลกที่น่ารัก

และคุณแม่ ผู้มีจิตวิญญาณหาอาหารเพื่อลูกน้อย

ไม่มีไรเปิด ไปสนามบิน  เมื่อไปถึงสนามบิน ยังเหลือเวลาอีกอักโข เลยบอกตนรถ ยูว์ขอกลับออกไปช๊อปปิ้งละแวกใกล้ๆนี้ได้ไหม  คนรถก็งงๆนิดหน่อย อีพวกนี้ช๊อปจนหยดสุดท้าย ก็วนรถออกไปนอกสนามบินไปปแวะตลาดเล็กๆใกล้ๆสนามบินให้เราช๊อปกันประมาณ 3-40 นาที แล้วจึงกลับไปสนามบิน

ลาก่อน Dharamsala ... see ya in Delhi

"Ploy Journey Journal"

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2561		1 comments
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2561 17:39:27 น.
Counter : 753 Pageviews.
Share Tweet