Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2549
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
30 สิงหาคม 2549
 
All Blogs
 

หมากรุก 3 กระบวนรบ ของสุมาอี้

[สารบัญ] [อ่านเรื่องอื่น]



สุมาอี้คิดว่า อันกระบวนรบบนกระดานหมากรุกนั้น จำแนกได้เป็นสามกระบวนรบ

ชื่อว่าขุนนำพล โดยขุนนำเบี้ย ม้า เม็ด โคน เรือ เข้าประจัญบานกับข้าศึกอย่างหนึ่ง

ชื่อว่าขุนตามพล คือเบี้ย เม็ด โคน ม้า เรือ ยกเป็นกระบวนไปข้างหน้า มีขุนตามไปข้างหลังอย่างหนึ่ง

และชื่อว่าขุนคุมพล คือมีเบี้ยเป็นกองหน้า เม็ด โคน ม้า ขนาบซ้ายขวา มีเรือเป็นกองหลังอีกอย่างหนึ่ง

ขบวนที่ชื่อว่าขุนนำพล และ ขุนตามพลนั้น ดูได้โดยง่ายว่าขุนกุมอำนาจบัญชาการกำลังพลทั้งสิ้น

แต่ขบวนที่ชื่อว่าขุนคุมพลนั้น ยังมีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่ความจริงอาจไม่ใช่ที่เห็น เพราะการอาจเป็นเรื่องขุนคุมพลจริง ๆ ก็ได้ หรือเนื้อแท้กลายเป็นพลคุมขุน อ้างเอาพระบรมเดชานุภาพของขุน ระดมพลังทั้งปวงมาสนับสนุนก็ได้

เหตุนี้การรัฐประหารหลายคราจึงมักใช้กระบวนขุนคุมพล ช่วงชิงถวายการอารักขาฮ่องเต้ เพื่อทำให้เห็นว่า การรัฐประหารนั้นเป็นการกระทำของฮ่องเต้ โดยฮ่องเต้ และเพื่อฮ่องเต้

เป็นการสร้างความชอบธรรมเพื่อระดมพลังความสนับสนุนและลดพลังต้านทานนั่นเอง

จาก สามก๊กฉบับคนขายชาติ โดย เรือง วิทยาคม
ตอนที่ 592 อุบาย "แยกโคนออกจากขุน"




[สารบัญ] [อ่านเรื่องอื่น]
[หน้าแรก Blog]




 

Create Date : 30 สิงหาคม 2549
8 comments
Last Update : 30 สิงหาคม 2549 0:53:47 น.
Counter : 1163 Pageviews.

 

สามก๊ง เอ้ยสามก๊ก เป็นวรรณกรรมที่มีคุณค่าต่อการศึกษาความรู้ได้หลายด้าน

ไม่ว่าจะเป็นด้านภาษาวรรณกรรม/วรรณคดี, ด้านตำราพิชัยสงคราม การเมืองการปกครอง และ (นิยายอิง)ประวัติศาตร์

แต่ผมเคยอ่านความาเห็นของคุณทองแถม นาถจำนง (บก. สยามรัฐรายวัน, หนึ่งในคนไทยผู้สนใจเรื่องจีนศึกษาจัดอยุ่ในระดับผู้เชี่ยวชาญได้, และเออแปลกที่...ท่านเรียนจบด้านเทคนิคการแพทย์) ทำนองว่า... สามก๊ก ก็คือบทงิ้ว ดี ๆ นี่เอง และเป็นวรรณกรรมบทละครงิ้วที่ได้รับการพัฒนามาเรื่อย ๆ จนพิสูจน์แล้วว่า จับใจ คนดูมาก

ผมเองออกจะเห็นด้วยกับความเห็นนี้ของท่านทองแถม ฯ

แล้วนักปกครองไทยรุ่นเก่าโบราณ (ทั้งทหารพลเรือน) ต่างก็ยึดเอาสามก๊ก ฉบับพระยาฯ (จำชื่อไม่ได้แล้ว) เป็นคัมภีร์เล่มเดียวยกไว้ให้เป็นคุรู--นำทางเสียด้วย

บรรยากาศการบ้านการเมืองเราในสายตาของสังคมไทย ก็จึงได้เป็นแบบว่ามีแต่ "คนเล่นงิ้ว กับ คนดูงิ้ว"เท่านั้น แต่ดันมองไม่เห็น "คนเขียนบทงิ้ว" ยังไงล่ะ? ...

ความจริงก็คือ บ้านเรายุคนี้ "มีคนแย่งชิงการนำ ในการเขียนบทงิ้วกันหลายกลุ่มหลายคน หลายสำนวน"

เลยม่วนกันใหญ่




(อ้อ.. ถือโอกาสเข้ามาทักทาย.. หลังจากห่างบล็อกนี้ไปเสียนานด้วยครับ)

 

โดย: a_somjai 30 สิงหาคม 2549 8:45:16 น.  

 

อ้อ... สามก๊ก ฉบับพระยาพระคลัง (หน)

 

โดย: a_somjai 30 สิงหาคม 2549 8:49:07 น.  

 

สวัสดีครับอาจารย์

 

โดย: Plin, :-p ตัวจริง ไม่ได้ login IP: 202.28.62.245 30 สิงหาคม 2549 10:17:41 น.  

 

เขาว่า อ่านสามก๊ก 3 รอบแล้วคบไม่ได้ สงสัยเพราะได้ plot บทงิ้วมาเยอะ

แต่ผมยังอ่านไม่จบรอบแรกนะครับ เพราะฉะนั้น ยังคบได้ครับ

ปล ฉบับคนขายชาตินี่อ่าน ๆ หยุด ๆ (เพราะเวลาไม่มี) มาปีนี้ปีที่ 4 ละครับ ก็อ่านใกล้จบละ

 

โดย: Plin, :-p ตัวจริง ไม่ได้ login IP: 202.28.62.245 30 สิงหาคม 2549 10:21:07 น.  

 

“ผมมาวันนี้อยากให้มันคึกคักมากขึ้น จึงขอประกาศตัวเลยว่าผมไม่เป็นกลาง ในชีวิตผมไม่เคยเป็นกลาง ไม่เคยเป็นกลางระหว่างความถูกต้อง และความผิด ไม่เป็นกลางระหว่างความถูกกับความชั่ว ระหว่างประชาธิปไตย กับไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่เคยเป็นกลางระหว่างธรรมะและอธรรม ไม่เคยเป็นกลางระหว่างวิชา และอวิชา หรือระหว่างกติการัฐธรรมนูญที่ถูกต้อง กับกติกาที่จัดตั้ง ไม่เคยเป็นกลางระหว่างอิสรภาพของสื่อ กับการกีดกันอิสรภาพ ไม่เคยเป็นกลางระหว่างหลักนิติธรรม กับการใช้ความอยุติธรรม ไม่เคยเป็นกลางระหว่างความดี และความไม่ดี ผมอยู่ฝ่ายหนึ่งเสมอไป และตลอดชีวิต เชื่อว่า ฝ่ายที่ผมอยู่นั้นถูกต้อง ถึงเวลาที่สังคมไทยใช้คำว่าเป็นกลางเฟ้อเกินไป สังคมไทยต้องมีจุดยืน แต่ต้องเป็นจุดยืนที่มาจากข้อเท็จจริง และมีเหตุผล ต้องแน่ใจว่าจุดยืนที่เราเลือกนั้นระหว่างฝ่าย ไม่ใช่ระหว่างบุคคล จะเป็นจุดยืนที่ถูกต้องและเหมาะสม” อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าว

 

โดย: มาย้ำค่ะ (ผีกองกอย ) 30 สิงหาคม 2549 20:31:07 น.  

 

ท่านอานันท์พูด... ปลื้มค่ะ.. เลยเอามาโพสต์ให้อ่าน.. เผอิญเรื่องวันนั้น ยังคา คา ใจ...

ท่านไม่ได้บอกว่าจะเข้าข้างใครนะคะ และไม่ได้บอกว่าใครเป็นหรือไม่เป็นประชาธิปไตย... อย่างน้อย คนที่เลือกข้างได้ ก็เป็นคนรู้ผิดรู้ชั่ว ไม่เพ้อฝันใช่ไม๊คะ

 

โดย: ผอยกองกี (ผีกองกอย ) 30 สิงหาคม 2549 20:34:28 น.  

 

ครับ ไม่เพ้อฝันครับ

ไม่โต้แย้งนะครับ

แต่ผมเสนอว่า คำว่าเป็นกลางนั้น มันหลายกลางมาก แล้วคงต้องบอกว่า กลางของแต่ละคนนั้นมันเหมือนกันหรือเปล่า เพราะกลางบางคนมันไม่ได้กลางจริง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเอียงไปข้างไหนด้วย

กลางบางคนหมายถึง อยู่ระหว่างกลาง แบบอยู่ตรงกลางจริง ๆ เหมือนเป็นกันชน คิดว่าแบบนี้คงเป็นแบบที่ท่านอานันท์ไม่ชมชอบ

กลางบางคนหมายถึง ยังตัดสินใจไม่ได้ เพราะไม่รู้เรื่องสักอย่าง แบบนี้ท่านอานันท์ก็ไมชอบแน่ และผมก็ไม่ชอบ

กลางบางคนหมายถึง ไม่เอาทั้งสองอย่าง เพราะเข้าใจทั้งสองอย่าง แต่มีทางเลือกอีกแบบ คือ มองประเด็นอื่นไปเลย คิดว่าเป็นแบบที่ทานอานันท์อาจจะเข้าใจอยู่ว่าคืออะไร แต่ไม่ได้พูดถึง เพราะกลัวคนอื่นๆ ไม่เข้าใจ (เพราะอาจจะเข้าใจยาก) (ผมคิดว่า)ท่านเลยคิดแทนคนอื่นว่า คนเป็นกลางแบบนี้ไม่เป็นกลาง แต่เลือกข้างไปแล้ว โดยดเป็นหนึ่งในสอง แทนที่จะเป็นหนึ่งในสาม

กลางสองอย่างแรกนั้น เหมือนจุดกลางระหว่างเส้นตรง หรือระหว่างจุดสองจุดที่เคลื่อนในทิศทางที่ทับกัน

พอดี กลางของผมเป็นกลางแบบที่สามนี้ เปรียบเหมือนสามเหลี่ยม มีจุดสามจุดที่วงโคจรไม่ได้ทับกัน ดังนั้น ต้องบอกว่า มีสามฝ่าย ไม่ใช่สองฝ่ายแล้วอีกฝ่ายไม่สำคัญ

พุดไปพูดมาก็เหมือนสามก๊กนั้นแหละ มีสามฝ่าย ไม่ใช่มีสองฝ่ายแล้วอีกฝ่ายอยู่ตรงกลาง ทำไมอีกฝ่ายต้องไปสวามิภักดิ์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งด้วยล่ะ ในเมื่อตัวเองก็มีนัยสำคัญเหมือนกัน (พอดีอีกคนอื่นยังมองไม่เห็นเท่านั้น เหมือนเล่าปี่ตอนแรก)

เหอ เหอ เพ้อเป็นละครงิ้วออกมาเลย

ยกตัวอย่างอีกนิด เอาจากคำพูดของท่านอานันท์

"ไม่เคยเป็นกลางระหว่างความดี และความไม่ดี" แบบนี้จะเห็นว่ามีสองทางเลือก แต่ว่า คน ๆ หนึ่งอาจไม่เอาทั้งสองอย่างก็ได้ เพราะดี หรือ ไม่ดี ก็เป็นความรู้สึกแบบหนึ่งที่ต้องมีตัวเทียบด้วย ถ้ามีคนคิดแบบนั้น ก้จะขอเลี่ยงว่า ถ้าเช่นนั้นจะเลือกแนวทางที่"ถูกต้องเหมาะสมละกัน"

คนที่มองอะไรแบบแบ่งเป็นสองก็จะมองว่า ถ้างั้นต้องมีด้านตรงข้ามคือ ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม แต่จริง ๆ แล้ว ถูกต้องเหมาะสมสามารถมองเป็นเรื่องเดียวกันกับ ดี ไม่ดี ได้ด้วย ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง (คือไม่รับการมองอะไรด้วยวิธีการมองว่าดีหรือไม่ดี)

และถ้ามีคนแย้งให้ได้ว่า มีแบบี่ไม่ถูกต้องด้วย ก็แสดงว่า มีด้านที่ 4 อีก คือ ดี ไม่ดี ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง

และ ดี ก็ไม่จำเป็นต้องเท่ากับถูกต้อง ไม่ดี ก็ไม่จำเป็นต้องเท่ากับไม่ถูกต้อง

แบบนี้แล เลยมีคนเรียกตัวเองว่า "เป็นกลาง"

สรุป ถ้ากลางโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลยนั้น ไม่น่ายกย่องหรอก ก็น่าถูกตำหนิ แต่ถ้าเข้าใจว่าไม่ดีทั้งสองอย่าง และมีจุดยืนอีกแบบ ซึ่งไม่หลงใน false dilemma นั่นแหละ ถึงจะเป็นในแบบที่ผมหมายถึง

 

โดย: Plin, :-p ตัวจริง ไม่ได้ login IP: 202.28.62.245 30 สิงหาคม 2549 21:40:10 น.  

 

พอดีผมมีดอกาสได้อ่านเรื่องราวจีนๆใน Blog นี้ เลยอยากแนะนำให้อ่านดูครับ
//weblog.manager.co.th/publichome/sonofdragon/

 

โดย: Win IP: 124.120.115.125 22 กันยายน 2550 15:18:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Plin, :-p
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]









Instagram






บันทึก ท่องเที่ยว เวียดนาม


e-mail : rethinker@hotmail.com


Friends' blogs
[Add Plin, :-p's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.