"พุทธศาสนา เป็นศาสนาประจำชาติ" : เหตุผลจากฝ่ายสนับสนุน (2)
[อ่าน "ตัดแปะ" เรื่องอื่น]
บอกกล่าวกันก่อน ก่อนอื่น ต้องขอหมายเหตุไว้เสียตรงนี้ว่า โดยส่วนตัวแล้ว ไม่เห็นด้วย กับการบัญญัติศาสนาประจำชาติ เลยไม่ว่าจะด้วยประการใด ๆ ทั้งสิ้น หากใครจะว่าประเทศอื่นยังมีเลย ข้าพเจ้าก็จะบอกว่าประเทศนั้น ๆ ก็ควรจะถอนออกด้วย ประเทศอื่นจะได้ไม่เอาไว้เป็นข้ออ้าง เพื่อเอาอย่าง แต่ว่า... เราควรฟังความเห็นหลาย ๆ ด้าน ดังนั้นในวันนี้ข้าพเจ้าจึงนำเอาเหตุผลของฝ่ายสนับสนุน ว่า จะต้องบัญญัติคำว่า "พุทธศาสนา เป็นศาสนาประจำชาติ" มาให้อ่านกัน (เป็นตัวอย่างที่สอง) โปรดอ่านและวิจารณ์อย่างมีสติ จดหมายเปิดผนึก เรื่อง ขอให้กำหนดในรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย พุทธศาสนาในสมัยพุทธกาลเคยเจริญรุ่งเรืองอยู่ในหลายเมืองทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย และบางส่วนของประเทศเนปาลในปัจจุบัน ทั้งนี้เนื่องจากพระราชาซึ่งเป็นผู้ปกครองนับถือศาสนาพุทธ จึงใส่ใจทำนุบำรุงพุทธศาสนา ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการปกครอง พระราชาที่นับถือศาสนาอื่นเข้ามาเป็นผู้ปกครองศาสนาพุทธก็เริ่มถูกริดรอนและถูกทำลายไปในที่สุด
ในประเทศจีนพรรคคอมมิวนิสต์จีน กำหนดว่าสมาชิกต้องไม่นับถือ ศาสนาใดๆ ส่งผลให้ชาวจีนส่วนใหญ่ไม่ประกาศตนว่า นับถือศาสนาใด ทั้งนี้เพราะอาจเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าในชีวิตของพวกเขา
การเมืองและการปกครองของแต่ละประเทศ จึงมีความสัมพันธ์กับศาสนาของคนในแต่ละชาติอย่างลึกซึ้ง ไม่สามารถแยกพิจารณาออกจากกันได้ ในกรณีของประเทศในอดีต พระมหาษัตริย์ ภายใต้การระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ นอกจากเป็นผู้นำในการปกครองประเทศแล้ว ยังเป็นผู้นำทางพุทธศาสนาด้วย จึงเป็นรากฐานที่สำคัญที่ส่งผลทำให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ยึดถือแนวทางพุทธศาสนาเป็นแนวทางในการดำรงชีวิตอย่างร่มเย็น มีความสมานฉันท์และมีจิตใจเปิดกว้างต่อการเลือกนับถือศาสนาอื่นของคนไทยส่วนอื่นอีกด้วย
ในสมัยกรุงศรีอยุธยา พระบาทสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเคยถูกแรงกดดันจากประเทศมหาอำนาจตะวันตกขอร้องแกมบังคับให้พระองค์ท่านเปลี่ยนการนับถือพุทธศาสนาไปเป็นการนับุถือศาสนาอื่น แต่พระองค์ท่านก็ใช้พระปรีชา สามารถ หลีกเลี่ยงภาวะกดดันดังกล่าวไปได้โดยปราศจากข้อขัดแย้ง แต่ส่งผลทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ ยอมรับการเป็นอัครศาสนูปถัมภกของทุกศาสนาในประเทศไทย
ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 สถาบันพระมหากษัตริย์มิได้อยู่ในฐานะผู้ปกครองเช่นในอดีต แต่มีสถานะเป็นประมุขของประเทศ โดยมีนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ รัฐธรรมนูญได้กำหนดให้พระมหากษัตริย์เป็นพุทธมามกะ และเป็นอัครศาสนนูปถัมภก แต่ไม่มีข้อกำหนดใดๆ เกี่ยวกับการนับถือศาสนาของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเลย
สังคมไทยแตกต่างจากสหรัฐอเมริกาในประเด็นเรื่องภูมิหลังการเลือกนับถือศาสนาของคนในชาติกล่าวคือ คนอเมริกันเชื้อสายอังกฤษ อพยพจากยุโรปเพื่อหลบหนีอำนาจรัฐที่เข้มงวดต่อวิถีการดำรงชีวิตของพวกเขา รวมทั้งข้อจำกัดในการเลือกนับถือศาสนา ทำให้พวกเขาเดินทางไปแสวงหาดินแดนใหม่ เพื่อจัดตั้งประเทศที่พวกเขามีอิสระจากอำนาจรัฐที่เข้มงวด รวมทั้งการเลือกนับถือศาสนาเป็นเสรีภาพของประชาชน แต่กรณีของประเทศไทย คนไทยไม่เคยถูกบังคับในเรื่องการนับถือศาสนาใดๆ คนไทยมีเสรีภาพในการเลือกนับถือศาสนาอยู่แล้วแต่คนไทยส่วนใหญ่เลือกนับถือศาสนาพุทธ เพราะเห็นว่าหลักคำสอนพุทธศาสนา ทำให้สังคมมีความร่มเย็นเป็นสุข อย่างไรก็ตาม ชาวไทยส่วนใหญ่ที่เป็นพุทธศานิกชนก็ไม่เคยมีพฤติกรรมข่มขู่คุกคามคนไทยที่นับถือศาสนาอื่นๆ
พุทธศานิกชนไทยบางท่านที่ศึกษาหลักศาสนาพุทธอย่างลึกซึ้ง อาจมองเห็นว่า การเรียกร้องให้กำหนดว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติของไทยไว้ในรัฐธรรมนูญนั้น เป็นข้อเรียกร้องให้กำหนดว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติของไทยไว้ในรัฐธรรมนูญนั้น เป็นข้อเรียกร้องที่เป็นเพียง เปลือกหรือกระพี้ ไม่ใช่ แก่น ซึ่งเป็นสาระสำคัญ แต่ถ้าเราพิจารณากันอย่างรอบด้านโดยไม่ประมาทแล้วจะพบว่าถ้าขาด เปลือกหรือกระพี้ ที่แข็งแรง แก่นพุทธศาสน์ ก็อยู่ไม่ได้เช่นเดียวกัน
คนไทยส่วนใหญ่ (สถิติปี พ.ศ. 2543 จำนวนประชากรประมาณ 57 ล้าน) ที่นับถือพุทธศาสนา มีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะร้องขอให้มีการกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทยทั้งนี้เพื่อเป็นหลักประกันว่า พวกเขาจะสามารถมีวิถีการดำรงชีวิตตามแนวพุทธได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคตโดยปราศจากการข่มขู่และคุกคามใด ๆ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงในทางการเมืองและการปกครอง ซึ่งอาจส่งผลต่อการเลือกนับถือศาสนาของคนในชาติ
พวกเราจึงขอเรียกร้องให้กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญและสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ได้กำหนดให้ศาสนาประจำชาติไทย และขอเรียกร้องชาวไทยทั้งมวลให้ร่วมกับสนับสนุนข้อเรียกร้องนี้กันอย่างกว้างขวาง
รศ.ทวีศักดิ์ สูทกวาทิน คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ดร.ณัฐฐา วินิจนัยภาค คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ศ.ดร.พิชิต พิทักษ์เทพสมบัติ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ดร.บุญอนันต์ พินัยทรัพย์ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์อ.นวลนดา สงวนวงษ์ทอง สำนักการศึกษาระบบสารสนเทศศ.กิตติคุณ สุภาพรรณ รัตนาภรณ์ คณะพาณิชยศาสตร์ฯ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยนางศิริเพ็ญ อรุณประพันธ์ กระทรวงสาธารณสุขนางดาวเรือง แก้วขันตี กระทรวงสาธารณสุขนางบุญเอื้อ ยงวานิชการ กระทรวงสาธารณสุขนางสาววราภรณ์ จิระพงษา กระทรวงสาธารณสุขนางปิยะดา ประเสริฐสม กระทรวงสาธารณสุขกลุ่มนักศึกษาคณะรัฐประศาสนาศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สภาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ถ.เสรีไทย คลองจั่น บางกะปิ กรุงเทพฯ 10240 โทร/แฟกซ์ 02-727-3903 [อ่าน "ตัดแปะ" เรื่องอื่น]
Create Date : 19 เมษายน 2550
6 comments
Last Update : 5 พฤษภาคม 2550 17:19:02 น.
Counter : 2467 Pageviews.
และ ยับยั้งชั่งใจการพิมพ์อะไรแรงๆ ด้วยกลัวคนเกลียด
ว่าจะอ่านมาหลายวันแล้ว
เรื่อง ศาสนาประจำชาติเนี่ย ในบล๊อกลุง PLIN เนี่ย
แต่ไม่มีเวลา มัวแต่เอาเวลามีค่าไป
แต่งรูปที่ไปเที่ยวสงกรานต์มา และทำงานทำการหาเลี้ยงชีพ
*ฮา*
ยังจำได้
1.เรื่องที่ถกกันเรื่องถ่ายแบบนู๊ดแล้วเงินทีได้จากการประมูลภาพ
ไปให้วัดเค้ารักษาคนเป็นเอดส์ที่ไม่มีญาติดูแล
2.เรื่องคลิปหมิ่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เรื่องที่ 2 ดูเป็นเรื่อง “ไร้สาระมาก” ในสายตาเรา
คนทำคลิปแบบนั้นไป แล้ว
ในหลวงท่านก้อไม่ได้บาดเจ็บหรือเสียชื่อเสียงแต่อย่างใด
หรือ คลิปนั้นไปลดทอนคุณงามความดีของท่านแต่อย่างใด
((((อย่ามาด่า เราที่บล็อกนี้นะ
ถ้าจะด่า ตามไปด่าหลังไมค์
หรือที่บล็อกเราได้ เชิญตามสะดวก
และยินดีจะรับฟัง))))
ยิ่งเราไปเต้นตาม ไปป่าวร้อง เต้นเร่าๆ
ไอ้คนว่างงานพันนั้นมันก้อยิ่งสะใจที่มีคนสนใจสิ่งที่มันทำ
แล้วก้อมีคลิปบ้าบอตามมามากมาย
แล้วนี่เลิกบล็อกยูตู๊บกันยังอ่ะ
เราไม่รู้เรื่องเลย ไม่ได้ตามข่าวอีก ว่า แล้วยังไงต่อนะ
เพราะมองออกแต่แรกว่าไร้สาระ
อ่ะ มา มาว่ากันเรื่องนี้
เรื่องนี้นี่ได้ยินครั้งแรก
ฟังแล้ว ตะหงิดๆๆๆ งงๆ ปนสงสัย
แล้วก้อ คิดว่ามัน ....
“ไร้สาระ กว่า 2 เรื่องข้างบนประมาณ 15 ล้านเท่าอ่ะนะ”
….
…
“ขอโทษนะคะ ผู้ใหญ่บ้านเมืองนี้
ไม่มีอะไรจะทำกันแล้วเหรอคะ
เลยต้องมาถกมาเขียนรัฐธรรมนูญ ระบุอะไรบ้าๆ แบบนี้”
ขอโทษค่ะ เอ่อ ......
บางคนไม่มีข้าวจะกิน
เด็กวัยรุ่นติดยงติดยา มั่วเซ๊กส์
น้ำบางที่เน่า บางที่น้ำไม่มีจะทำไร่ทำนา
หรือบางที่โดนโรงงานปล่อยน้ำเสียมากๆเนี่ย
ไปแก้ไอ้ข้างบนกันก่อนไหมคะ
แล้ว ค่อยมาแก้อะไรที่มันจิ๊บๆจ้อยๆแบบนี้
..
…
…
แล้วเรื่องศาสนา เนี่ย
มันดูเป็นเรื่อง "ทางใจ"
เอาอะไรมายึด มาวัด มันยากมากมาย
...
...
ยกตัวอย่างให้ฟังก้อได้
เพื่อนเราคนนึง สมัยเรียนด้วยกัน
เป็นเด็กที่เรียน industrial design
เราไม่ได้อยู่ภาคมัน แต่เราเรียนคณะเดียวกัน
อาจารย์ให้งานปั้น sculpture อะไรซักอย่างมาเนี่ยแหละคะ
รู้ไหมคะ
มันปั้นเป็นรูปตัวเอง แล้วมีเทพเจ้าทั้งกรีก และจีน พระพุทธเจ้า พระเยซู
มาเคารพ กราบไหว้รูปปั้นตัวมันเองค่ะ!!!!!!!!!
มันบอกว่า มันไม่เคยนับถือศาสนาไหนเลย นอกจากตัวมันเองค่ะ!
มันส์ ไหม ล่ะ !
ถึงแม้มันจะเป็นคนแบบนั้น
แต่มันก้อเอื้อเฟื้อเพื่อนๆ เป็นคนมีน้ำใจ ที่ออกจะแปลกๆ เซลฟ์ๆ
แต่ไม่เคยทำร้ายใคร ไม่เคยนินทาใครนะคะ
เราจึงตระหนักว่า….
จริงๆแล้ว อาจจะไม่จำเป็นที่เราจะต้องนับถือศาสนาใดๆเลย
ถ้าเราไม่ต้องการที่จะหาที่ยึดเหนี่ยวทางใจ ( ถ้าจิตใจเราเข้มแข็งพออ่ะนะ)
แล้วไอ้ที่บอกว่า ต้องบัญญัติศาสนาประจำชาติเนี่ย มันอะไรกัน?!?
แก่น กระพี้.... โอ๊ยยย
แค่นี้ก้อดูออก แต่ไม่ยอมรับกัน
เหนื่อยๆๆๆ เดี๋ยวมีแรงแล้วมาตอบใหม่.