Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
23 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
scene กระซิบปริศนา ?. . . Lost In Translation




Lost In Translation < 2003 >
เมื่อคนเหงากะคนเหงามาเจอกัน ... เหงากันสองคน



:: หนังอินดี้ที่ทำน้อย ... ได้มาก
อีกหนึ่งความประทับใจที่ได้จากโลกเซลลูลอยด์ ::



หนังเล่าเรื่องของคน 2 คน ต่างเพศต่างวัย แต่เผอิญมาตกอยู่ในห้วงของความเหงา เศร้า และปัญหาชีวิตที่น่าเบื่อหน่ายช่วงหนึ่งเท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้วคนทั้งคู่ก็ต้องกลับไปสะสางปัญหาของตนในโลกแห่งความจริง ความชาญฉลาดของหนังเริ่มตั้งแต่การใช้โตเกียวเป็นโลเกชั่น ซึ่งใครๆ ในโลกก็รู้ว่าเมืองนี้แม้จะฉาบไปด้วยสีสัน ความรื่นเริง เป็นเมืองที่ไม่มีวันหลับ แต่เนื้อในที่ถูกฉาบเอาไว้คือความเหงา ความสับสน ความเศร้าใจลึกๆ ในใจของผู้คนนับล้านที่อาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้ ...



บทหนังเรื่องนี้แสนจะเรียบง่าย ไม่มีอะไรเป็นแก่นสารเท่าไหร่นัก เรื่องราวที่เล่าก็ใกล้ตัวจนแทบจะไม่มีจุดเร้าใจ แต่อันที่จริงแล้ว บทภาพยนตร์แบบนี้แหละ ที่เรียกว่าเป็นการทำงานแบบยากมหาหิน ... การที่ตัวบทที่เหมือนกับไปเอาบทสนทนาของคนข้างบ้านเม้าท์กันถึงเรื่องชีวิตประจำวันแบบนี้ และสามารถส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้ชม จนพัฒนากลายเป็นความผูกพันในตัวละครได้ในที่สุดนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ใครๆ ก็จะลุกขึ้นมาสักแต่ว่าเขียน ๆ ออกมาได้ ซึ่งคงต้องยอมรับว่าผกก.สาว Sofia Coppola มีฝีมือที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว



นอกจากเรื่องบทแล้ว อีกหนึ่งความโดดเด่นของ Lost in Translation คือการแสดงที่แสนจะทรงพลัง เป็นธรรมชาติและลื่นไหลกลมกลืนสุดๆ ของ Bill Murray ที่ทำให้ผู้ชมเข้าใจถึงความสับสน ความเจ็บปวดลึกๆ ของตัวละครตัวนี้แบบทีละนิดละหน่อย ในขณะที่ดาราสาว Scarlette Johansson ที่ค่อนข้างสด แม้จะผ่านงานแสดงมามากพอสมควรก็ตามที เธอแสดงได้มีเสน่ห์ น่ารัก น่าหลงใหลชนิดที่ว่า ลุง Bill ผู้ช่ำชองยังเคี้ยวไม่ลงในบางฉากด้วยซ้ำ



หากจะเปรียบไปแล้ว Bill คงเหมือนนักพูดที่ปล่อยมุขฮาๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องในขณะที่ Johansson เป็นเหมือนผู้ฟังที่ดี เป็นผู้ฟังที่ตั้งใจและเข้าใจมุขที่ปล่อยออกมาได้ตลอด ซึ่งทำให้เกิดการผสมผสานที่กลมกลืนและ นำพาตัวหนังที่ไม่มีพล๊อตนี้ให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างน่าสนใจ



ตัวหนังแม้จะราบเรียบแต่ก็สั่งสมอารมณ์ ความรู้สึกในตัวเอกทั้งคู่มาเรื่อย ๆ จนกลับกลายเป็นความผูกพันกับผู้ชมได้อย่างน่าประหลาด ... ในช่วงท้ายเรื่อง ความน่าสนใจอยู่ตรงความสัมพันธ์อันคลุมเครือของคนทั้งคู่ว่า จะเป็นไปในทางชู้รักหรือแค่เพื่อนใจแก้เหงาเท่านั้น และในตอนท้ายเรื่อง ผู้ชมก็ยังยังไม่รู้แน่ชัดอยู่ดีในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ แต่สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นชัดเจนออกมา คือผู้ชมสามารถสัมผัสได้ถึงสภาวะจิตใจที่ตกต่ำ ที่อาจจะเกิดกับใครๆ ก็ได้ ... และทางออกของภาวะนี้คือ ความเข้าใจ ความเห็นใจด้วยความจริงใจจากมนุษย์อีกผู้หนึ่งนั่นเอง ...





:: ความรู้สึกของ จขบ. หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบ ::
แม้จะอืด ๆ ละเมียดไปบ้าง เเต่ตัวหนังก็น่าติดตามด้วยเนื้อหาสาระของความเป็นคนที่มีอารมณ์หลากหลายรูปเเบบ หนึ่งอารมณ์ในหลายๆอารมณ์ หนังเรื่องนี้ได้เเสดงเอาไว้ ตัวเอก2ตัว มีปัญหากับตัวเองในส่วนลึกของจิตใจคือ ความเหงา ความเบื่อหน่าย กับความเป็นไปของชีวิต สิ่งรอบตัวที่บางทีเราไม่ได้เป็นคนกำหนดเองทั้งหมด ... ตัวละครทั้ง2ตัว <บิล เมอร์เรย์> ในบทของบ็อบ เเละ<สการ์เล็ต โจเเฮนสัน> ในบทของชาร์ล็อต มีความเเตกต่าง แต่ในความแตกต่างมีความกลมกลืนและชดเชยสิ่งที่ขาดหายไปให้กันได้ลงตัว ... ในขณะที่คนใกล้ตัวไม่สามารถเติมเต็มให้กันได้ ... ถ้าในความเวิ้งว้างของชีวิตคนใกล้ตัวไม่สามารถเติมสิ่งที่ขาดหายไปให้เราได้เราจะหาได้จากไหน ?
ซึ่งหนังได้บอกเราว่า **เหงา ๆ ๆ เบื่อ ๆ ๆ เนี๊ยมันกำจัดออกไปได้ จากคนเเปลกหน้า จากสภาวะแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ความเเปลกใหม่ทางวัฒนธรรมท่ามกลางความพลุกพล่านของมหานครโตเกียวทุกอย่างดูเป็นการเรียนรู้ใหม่โลกใหม่ ... คนมาใหม่ที่ไม่ต้องพูดอะไรมองตาเเล้วเข้าใจ แต่คุณสามารถใช้ชีวิตอยู่กับเขาได้ในเวลาไม่มากนัก เมื่อคุณอยู่คนเดียวคุณจะคึดถึงเขา เมื่อคุณอยู่ใกล้คุณอบอุ่น มิตรภาพที่ไร้ซึ่งความคาดหวังสิ่งใดนอกจากความสัมพันธ์ทางจิตใจ ... ตัวละครหลัก 2 ตัว ไม่ก้าวเส้นลําเขตกัน เหมือนกับมีเส้นเเบ่งเขต เเล้วยืนอยู่คนละฝั่ง เเล้วก็ยืนมือมาจับมือซึ่งกันเเละกัน


*** หนังบอกเราว่า ... ความเหงาไม่ได้บำบัดได้ด้วยเซ็กส์ ***


ost. Alone in kyoto by Air ที่คุณ ๆได้ยินอยู่นี้ ... อยู่ในฉากที่นางเอกเดิน
ชิวๆ ในเกียวโต ... ฟังแล้วทำให้รู้สึกชิวไปกับหนังได้มากขึ้น ฟังแล้วขนลุกเลย เหงาไปกับหนังได้มาก T_T

:: สรุปว่า ... ชอบหนังเรื่องนี้ ชอบในการเขียนบทของผกก. ชอบในตัวละครเอก ชอบในตัวดาราอย่างลุงบิลล์ และ สการ์เล็ต อีกทั้งชอบอารมณ์ของหนัง เพลงประกอบ เปนหนังที่ลงตัวอีกเรื่องหนึ่งที่เคยได้ดู
ทำให้หนังเรื่องนี้ ติดท็อป 10 หนังโปรด ของจขบ.เลยทีเดียวละ ::




" Sometimes you have to go halfway around the world to come full circle "

" บางเวลา ... มิตรภาพอาจก่อเกิดได้ง่ายกว่าที่คิด "



scene กระซิบปริศนา ?







Create Date : 23 เมษายน 2551
Last Update : 29 มิถุนายน 2551 19:46:35 น. 6 comments
Counter : 1523 Pageviews.

 
เป็นหนังที่ชอบมากๆเรื่องนึง

เหมือนกันจ้า ซื้อเก็บเลย

ชอบวิธีนำเสนอของ ผกก.หญิง

ทุกอย่าง less is more

ดูแล้วแอบหดหู่เล็กน้อย




โดย: เกิดมามีกรรม....แต่ก็ok วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:4:07:16 น.  

 
นู๋ยังไม่เคยดูเลย เด๋วจะไปหามาดู แต่ฟังเพลงประกอบแล้วหลอนดีนะพี่


โดย: น้องparis วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:11:21:17 น.  

 
แวะมาทักทายครับ


โดย: boatboat วันที่: 4 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:48:21 น.  

 
เปนหนังที่ชอบมากอีกเรื่องเหมือนกันครับ


โดย: นายแมมมอส วันที่: 5 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:34:31 น.  

 
ก็เหมือน ๆ ใคร ๆ เค้านั่นแหละครับ............................................................... ชอบ


โดย: เจ้าชายไร้เงา วันที่: 5 กรกฎาคม 2551 เวลา:23:39:41 น.  

 
นนเหงาสองคนมาเจอ กัน


อืม เจอแบบนั้นบ้างก็ดี เนอะ


โดย: MiNiMaRu IP: 124.120.183.148 วันที่: 18 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:05:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เพลินพิศ คิดถึงคุณ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ก็แค่คนธรรมดาหนึ่งคนบนโลกใบนี้







ดูหนัง
YouTube.com
Cpicpost.com
SiamTV.org
ดูทีวีย้อนหลัง


ฟังเพลงDseason.com
Popcornfor2.com
imeem.com
ijigg.com
RADIO.in.th


Pic PostPhotobucket.com
MyBabeGuide.com
Gallery


Entertain k@pook.com
teenee.com
Dek-D.com
YehYeh.com


แต่งบล็อค Blog ป้ามด
zaLim-code.com
BlingyBlob.com
Zangygraphics



กระซิบซิคะ






Friends' blogs
[Add เพลินพิศ คิดถึงคุณ's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.