|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ตามหาหอพักสตรีให้ลูกสาว - ชีวิตก่อนเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย
หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์ของลูกสาวและเพื่อนๆว่าหอพักหญิงในมหาวิทยาลัย และหอพักหญิงบริเวณด้านหน้าเต็มหมดแล้ว ผมรีบบึ่งรถไปทันที ด้วยเป็นห่วงกลัวว่าลูกสาวจะไม่มีที่ซุกหัวนอนกันในวันเปิดเทอมวันแรก
ผมมาถึงหน้ามหาวิทยาลัยในช่วงเที่ยงของวันนั้นเอง หลังจากสอบถามฝ่ายทะเบียนห้องพักนักศึกษาของมหาวิทยาลัย จนแน่ใจแล้วว่าไม่มีห้องว่างแน่แล้ว ผมจึงรีบพาลูกๆเดินหาหอพัก ที่อยู่รอบนอกทันที
ที่ด้านหน้ามหาวิทยาลัยจะเป็นหอพักรวมเสียส่วนใหญ่ ส่วนหอพักสตรีนั้นเต็มหมดแล้วราคาค่าเช่าก็สูงไม่ใช่น้อย มีราคาตั้งแต่ 4,000 บาทขึ้นไป รวมเงินประกัน เงินล่วงหน้าด้วย ก็คงจ่ายกันเป็นหมื่น
แต่ราคาค่าเช่าห้องมันไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากนัก ปัญหาของผมตอนนี้ก็คือ ทำอย่างไร จึงจะหาหอพักสตรีให้ลูกได้เท่านั้น ...
ผมเดินจนเมื่อย ปากก็ถามคนนั้นที คนนี้ทีว่า แถวนี้ยังมีหอพักหญิงเหลืออยู่อีกใหม ? คำตอบคือ ไม่มีแล้ว แต่ถ้าต้องการก็คงต้องเดินกันเหนื่อยหน่อย รอบนอกอาจมี
ผมกับลูกเหนื่อยล้าเต็มที เลยหยุดพักนั่งกินก๋วยเตี๋ยวกันแถวๆนั้น และบังเอิญว่าช่วงนั้นแม่ค้าเจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยวว่างพอดี ผมก็เลยชวนเธอคุย พอเป็นความรู้ไว้บ้าง
ผมถามแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเธอไปว่า ทำไมแถวนี้หอพักหญิงมีน้อยจัง เธอตอบว่า ก็มีพอควร แต่น่าจะเต็มหมดแล้วทุกที่ ต้องจองกันตั้งแต่ยังไม่ปิดเทอมโน่น มาตอนนี้ไม่มีเหลือหรอก จะมีก็แต่หอพักรวมนั่นแหละที่ยังเหลืออยู่บ้าง พวกนักศึกษาเค้าชอบกัน เค้าชอบอยู่กันเป็นคู่ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกรุ่นพี่ พอมีแฟนก็แยกตัวออกมาจากเพื่อน มาช่วยกันแชร์ค่าห้องกับแฟน อยู่กันแบบผัวเมีย ใช้ชีวิตแบบผัวเมีย เป็นอย่างนี้มานานแล้ว
ผมก็เชื่อว่าจริงนะ เพราะจากที่เห็นก่อนหน้านี้ ผมรู้สึกว่าได้เห็นอะไรบางอย่างที่คิดว่าน่าจะใช่เลยแหละ พวกนักศึกษาที่นี่ เค้าใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแบบนั้นจริงๆ แต่เห็นเป็นพวกรุ่นพี่เสียส่วนใหญ่ คำถามมันก็เลยเกิดขึ้นมากมาย
เคยมีคนคุยในกระทู้คำถามที่ผมเคยถาม เกี่ยวกับทัศนะคติของเด็กหอพักรวมชาย-หญิงที่จับคู่กันแชร์ค่าห้อง "เรื่อง ผัวเมียนักศึกษา" อยู่หลายคน เค้าถามไปว่า ความรู้สึกของนักศึกษาหญิง ได้อะไร มีข้อดีอะไร กับการได้อยู่ร่วมกับแฟนตนเอง
เธอตอบว่า รู้สึกอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัย รู้สึกว่ามีคนคอยดูแลห่วงใยใกล้ชิดตลอดเวลา
ถามนักศึกษาชายต่อว่า รู้สึกอย่างไร ที่ได้มาอยู่ร่วมห้องกับน้องผู้หญิง เค้าตอบว่า รู้สึกดีใจ ที่มีคนซักผ้าให้ รีดผ้าให้ ทำความสะอาดห้องให้ และเมื่อมาถึงตรงนี้ผมจะยังไม่พูดอะไรต่อ
ชั่วโมงนี้ ผมต้องรีบเดินหาหอพักหญิงให้กับลูกสาวโดยเร็ว เรื่องอย่างนี้ผมคิดว่า ถึงอย่างไรก็ตาม เด็กสาวปี 1 ก็ยังคงเป็นเด็กปี 1 อยู่วันยังค่ำ เธอยังต้องเรียนรู้ถึงการใช้ชีวิตของพวกรุ่นพี่ ที่เป็นผัวเมียนักศึกษา อยู่ภายในหอพักสตรีอย่างน้อยอีก 1 หรือ 2 ปี และผมคิดว่า เธอคงจะได้เห็นอะไรอีกมากมายตรงนี้ในชีวิตของการเป็นนักศึกษาของเธอ ...
สู่จุดหมายของลูกกับตาแก่ปากไวในบ้าน(ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย)
ผมต้องเอามือกุมขมับทุกทีเมื่อลูกสาวบอกว่า พ่อจ๋า ... วันใหนพ่อไปธนาคารพ่อช่วยเอาเงินไปจ่ายที่เคาท์เตอร์ เพื่อเป็นค่าสมัครสอบเข้ามหาลัยให้หนูที่นะ
เธอยื่นกระดาษมาให้ผมหนึ่งแผ่นซึ่งเป็นใบสมัครของมหาวิทยาลัยอีกเช่นเคย
ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ผมจำได้ว่าเคยไปจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าสมัคร เพื่อสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของประเทศหลายครั้งหลายหน ให้กับลูกสาว เพียงเพราะผมไม่รู้ ... ไม่เข้าใจ กับกระดาษแผ่นเดียว ที่กรอกเพียงชื่อ-นามสกุล ที่อยู่และสถานศึกษายื่นให้ที่หน้าเคาท์เตอร์ ของธนาคารแต่ละแผ่นนั้น ราคาไม่เคยต่ำกว่า 100 บาท (ใบสมัครของมหาวิทยาลัยบางแห่งมีราคาสูงถึง 200-300 บาทก็มี)
นั้นเป็นเพียงแค่ราคาของกระดาษแผ่นเดียว อย่างนั้นหรือ ?.... (บ่น บ่น บ่น ปากมีก็บ่นกันไป ก็คนมันไม่รู้นี่)
ผมกังขาเพราะไม่รู้ว่า มันเป็นค่าอะไรบ้างที่รวมอยู่ในเงินนั้น ลูกสาวและเพื่อนๆลูกสาวก็ไม่รู้ ถามใครก็ไม่มีใครรู้ นั่นแหละมันจึงเป็นสาเหตุของผมผู้เป็นพ่อที่ต้องเอามือกุมขมับทุกทีไป เมื่อต้องจ่ายเงินให้กับใบสมัครแต่ละแผ่นนั้น หาใช่ต้องกังขาในเรื่องเงินไม่
เมื่อวันก่อนมาอีกใบ เป็นของมหาวิทยาลัยที่มีชื่ออีกแห่งในกรุงเทพ คราวนี้ต้องจ่ายอีก 300 บาท เพื่อเป็นค่าสมัคร ระบุด้วยว่าถ้าสละสิทธิ์ไม่สมัคร ก็ต้องจ่ายเงินเป็นค่าปรับอีก 50 บาท ผมถามลูกว่า จะเอายังไง ? เธอตอบมาว่า ก็แล้วแต่พ่อ แต่มหาลัยนี้หนูใช้เป็นตัวเลือกที่ 3 ผมก็ต้องบอกว่า ตามใจลูกสิ พ่อไม่รู้เรื่องด้วยหรอกพ่อมีหน้าที่คอยหาเงินแค่นั้น
พูดก็พูดเถอะ คนเกิดนานเรียนน้อยอย่างเราๆนี่ เก่งนักหนาในเรื่องหาเงินก็จริง แต่อ่อนหัดนักในเรื่องของเทคโนและวิทยาการสมัยใหม่ของการศึกษาปัจจุบัน ผมยอมรับมานานแล้วว่าตามกันไม่ทัน พวกลูกๆ เค้าวิ่ง เรายังเดินยักแย่ ยักยัน ก็ได้แต่แอบยิ้มในบางมุมบางเวลาที่ได้เห็นพวกเค้ามีความสุขอยู่กับเพื่อนๆ และเทคโนโลยี่ใหม่ๆ ลูกสนุกเรา ก็สุขด้วย
แต่ก็บ่นไปเยอะเหมือนกัน บางทีก็จำไม่ได้หรอกว่า บ่นอะไรออกไปบ้าง เห้อ !!! ...
วันนี้ ปากเราสามารถขยับได้ไวกว่าเมื่อก่อนเยอะนัก พ่อยังแอบปลื้มเล็กๆอยู่เสมอเลยว่า วันนี้ พ่อยังสามารถขยับปากได้ไวกว่าความคิดของใครเสียอีกนะ ...
ผมชอบคุยกับลูกสาวถึงจุดหมายที่เธอกับเพื่อนจะไปเรียนต่อกันอยู่บ่อยๆ เห็นความสับสนของเค้าแล้วเราเองก็เครียดตาม มันเหมือนเป็นทางหลายแยกที่อยู่ตรงหน้าซึ่งไม่รู้ว่าจะไปแยกใหนดี เด็กสับสน เรากลับคิดไม่ออกยิ่งกว่า "เรียนใกล้บ้านก็ได้นะลูก" ผมใช้ประโยคนี้บ่อยๆกับเธอและเพื่อน แต่มันฟังดูเหมือนเข้าข้างตัวเองยังไงไม่รู้
"ไม่รู้สิ !!! ถึงอย่างไร หนูก็ต้องพยายามทำคะแนนให้ได้" เธอตอบด้วยความมั่นใจแกมหมั่นไส้พ่อเต็มที
"ม.เชียงใหม่คือตัวเลือกที่ 1 ทางมหาลัยเค้ามีหอพักให้นะ พ่อไม่ต้องห่วง" ว่าไปนั่น เรื่องจริงพ่อรู้แล้ว
เธอต้องไปสอบ ที่ ม.เชียงใหม่นั่นกับเพื่อนๆ ตามโควต้าโครงการนักเรียนเกรดดี ก็ต้องให้ไป เพราะนั่นมันเป็นจุดหมาย อยากไปสอบที่ จ.นครปฐมผมก็พาไป สอบกรุงเทพอีก 2-3 ที่ ก็พาไปไม่ขัด สุดท้ายมันจะสู่จุดหมายใดก็แล้วแต่พวกเค้า ผมเองไม่อยากคาดคะเนเท่าไหร่นัก ค่านิยมของเด็กไทยเป็นอย่างนี้มาทุกยุคสมัย จะอย่างไรก็เถอะ ขอสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงไว้ก่อนไม่งั้น"เสียฟอร์ม" ไอ่จะให้เรียนใกล้บ้านนะหรือ พ่อกับแม่คงต้องฝันไปก่อน ความจริงอาจจะตามมาทีหลังสักวันเมื่อลูกหมดสามารถสุดท้าย
ค่านิยมนี้ไม่เคยหมดไปจากสังคมไทย เด็กคนใดสอบติดมหาวิทยาลัยดังที่มีชื่อ ทางโรงเรียนเก่าก็นำชื่อไปติดบอร์ด เพื่อประกาศถึงความดีเลิศของสถาบัน ให้เพื่อนๆได้รับรู้ ส่วนคุณพ่อคุณแม่เองก็เถอะลูกสอบติด ก็คุยได้เป็นวรรคเป็นเวร ดังกันให้ฟุ้งไปทั่วทั้งตำบล ส่วนเด็กคนใหนที่สอบไม่ติดเลยสักที่ ก็ต้องรีบขวนขวายกระจัดกระจายออกไปตามเรื่องตามราว กระจุกกันอยู่ในมหาวิทยาลัยเอกชนอีกหลายแห่งที่พอจะมีชื่อเสียงบ้าง เจตนาคือ ต้องอยู่ใกลบ้านไว้ก่อน เพราะอายเพื่อน
เป็นกันอย่างนี้ จริงๆ ทำไมถึงไม่อยากอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของพ่อแม่กันนะ ...
Create Date : 25 สิงหาคม 2550 |
Last Update : 20 กันยายน 2550 22:04:33 น. |
|
0 comments
|
Counter : 150 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
สุพรรณบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ลูกเล่า-พ่อเขียน ลูกเขียน-พ่อนั่งปลื้ม แมวไม่อยู่หนูอดโซ
เป็นคนที่ไม่มีอะไร ที่น่าสนใจเท่าไรนัก บางครั้งบางทีอาจดูต๊องส์ๆ เสียด้วยซ้ำ
คนเราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราแก้้ไขอนาคตได้
บางเวลา บางจังหวะของชีวิต ก็ใช่ว่าจะราบรื่น ตกหลุมตกบ่อมาก็มาก ระวังเสมอไม่ให้ตกเหว พ่อเองพยายามพยุงลูกๆให้ลุกเดิน ถึงฝั่งด้วยมั่นคง เจ้าลูกชายมาได้ครึ่งทาง ลูกสาวจะถึงปลายทางอยู่รอมร่อ
หวังอยู่มากเหมือนกัน ที่จะพยายามสร้างความมั่นคง ให้กับพวกเค้า พยายามสุดสามารถเช่นกัน ที่จะไม่ให้พวกเค้าต้องมาลำบาก เศรษฐกิจบ้านเรา มันไม่ได้ดีอย่างที่ใครๆ เค้าคิด พ่อสอนลูกเสมอว่า สิ่งที่ลูกได้เห็น ได้รู้ และได้สำผัส นั่นแหละมันคือของจริง เชื่อมั่นในสิ่งที่เห็น ศรัทธาความจริง อย่าเอาตัวเราเองไปวัดกับใครเค้า แล้วก็อย่าเอาเค้า มาเป็นบรรทัดฐานให้กับตัวเรา "ทำด้วยตัวเองให้ถึงที่สุด เมื่อต้องรู้ว่าไม่ไหว แล้วค่อยกวักมือเรียกใครเค้า" ศรัทธาไม่ละลาย ลมหายใจยังอุ่นๆ
|
|
|
|
|
|
|