Bloggang.com : plamocherid : คาเมนไรเดอร์ คิบะ ตอนที่ 5

คาเมนไรเดอร์ คิบะ ตอนที่ 5

คาเมนไรเดอร์ คิบะ ตอนที่ 5 : ผจญสโตล์กเกอร์ สาวงามถูกลักพาตัว!

ทุกๆตอนขึ้นต้นของคิบะ เราจะได้ยินเจ้าคิบัตบ่นๆประจำ แต่นั่นคือการเก็บเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของไวโอลินในประวัติศาสตร์มาให้เราฟังนะครับ

เริ่มต้นที่ปี 2008 วาตารุทำตัวลับๆล่อๆ จนทำให้พวกชาวบ้านสงสัยว่า ไอ้เด็กผีนี่มันมาทำอะไรแถวนี้ จริงๆวาตารุตั้งใจจะมาแจกใบเชิญไปฟังมินิคอนเสิร์ทไวโอลินของเขา แต่ว่าตัวเองดันไม่กล้า ชิสุกะเลยต้องมาช่วยในการแจกใบโปรโมทด้วย เป็นเพราะวาตารุต้องการปรับปรุงตัวเอง เลิกนิสัยฮิคิโคโมริของตัวเอง พยายามเข้ากับชาวบ้านให้ได้ โดยกะใช้เพลงเป็นสื่อกลาง

โปรดเลือกวาตารุด้วยครับ ผมไม่ได้อิงพรรคการเมืองไหนนะครับ

พอถึงคอนเสิร์ทจริงที่จัดที่บ้านวาตารุ กลุ่มชาวบ้านก็เข้ามาฟังจำนวนหนึ่ง ชิสุกะพยายามเป็นพิธีกรให้แนะนำ แต่ว่าวาตารุก็เจอชาวบ้านกดดันปละประหม่า จนตัวเองเล่นไม่ออก เลยบรรเลงเพลงเล่นเป็นเพลงมหาโหด ราวกับเสียงก๊อกน้ำแตก หรือเทียบได้กับบทเพลงมรณะของไจแอนท์ก็ว่าได้ คนฟังก็เลยหนีไปตามๆกัน

พลังเสียงชนิดไจแอนท์ยังต้องอาย

จบคอนเสิร์ทที่ล้มเหลวครั้งนี้ เจ้าวาตารุก็กลับมาเก๊กซิมเหมือนเดิม หมดกำลังใจที่จะพัฒนาตัวเองต่อไป แต่ว่ามันก็ดันนึกถึงคนหนึ่งที่น่าจะช่วยให้ตัวเองได้พัฒนาไปได้ นั่นคือ นาโก ...แต่ว่าฉากคิดมันชวนให้พวกพลังวายจิ้นยังไงก็ไม่รู้แฮะ

ทำไมต้องมีปิ๊งแว๊บแบบนี้ด้วยหว่า

ด้านเมกุมิก็ถูกไอ้หนุ่มสโตล์กเกอร์คนหนึ่งติดตาม และแถมเจ้าหมอนี่ยังเป็นแฟงไกอาซะด้วย แต่ว่าก่อนที่จะได้ลงมือ นาโก ก็เข้ามาขวางก่อน แต่นาโกไม่ทันเห็นว่าหมอนี่คือแฟงไกอา หมอนี่ก็หลบไปได้ นาโกไปพบเมกุมิ และก็ยังคงตามเดิม ปากที่บอกว่าชอบแต่กลับไม่ได้พูดดีใส่กัน ยังคงอวดเก๊กข่มอยู่ตลอด เลยกลายเป็นไม่ถูกกันต่อไปตามเดิม

จะตามก็ให้ดูคนซะหน่อย ให้รู้ซะมั่งว่าเด็กใคร

ตัดมาปี 1986 หน่อย ยูริที่กำลังจะโทรศัพท์ ป๋าโอโตยะก็ชิงมาหยอดเหรียญโทรก่อน และท่าทางจะเล่นมุขควายๆจีบยูริตามเดิม แต่ยูริก็เมินไม่เล่นด้วย และก็จากไป ช่วงนี้จะมีมุขเล็กๆแอบซ่อนนะครับ ตอนที่เมกุมิทะเลาะกับนาโก จะมีป้ายโฆษณาของวงเชคเกอร์บอกว่าแสดงคอนเสิร์ทปีที่ 22 แต่พอตัดไปเป็นปี 1986 จะกลายเป็นป้ายคอนเสิร์ทเดบิว (เปิดตัว) ของเชคเกอร์ครั้งแรก

คิดถึงเธอทีไรก็โทร .... (เพลงอินโนเซนท์ เก่าประมาณปี 1986 น่าจะเข้ากัน เหอๆ ใครรับมุขได้แปลว่าแก่)

กลับมาปี 2008 วาตารุได้นัดพบกับนาโกที่ร้านคาเฟ่ คราวนี้เขาก็ขอคำปรึกษาเพื่อจะได้พัฒนาตัวเอง ท่าทางวาตารุจะชื่นชมนาโกมากว่าเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมมาก

ขอร้องล่ะครับ ช่วยสอนความเป็นแมนให้ผมด้วย

กลับไปปี 1986 อีกที ที่ร้านคาเฟ่ตามเดิม ยูริกำลังทำงานที่ร้าน ป๋าโอโตยะก็ตรงเข้ามาหลีทันที เหมือนจะชวนออกไปเที่ยว แต่ว่าก็มีแขกในร้านคนหนึ่งที่ไม่พอใจพฤติกรรมการหลีของเจ้าป้าหน้าหม้อ จับเจ้าป๋าโยนออกจากร้าน เขาไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือการูลูนั่นเอง แต่ว่าเมื่อ 22 ปีก่อน การูลูนี่ยังเป็นคนธรรมดา หรือเป็นแฟงไกอาที่แปลงร่างเป็นคนอยู่ก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เจ้าป๋าโดนเหวี่ยงออกจากร้านและยูริก็ปิดประตูใส่หน้าแถมอีกที

จุดจบของไอ้ขี้หลี ตอนที่ 1

ทางด้านการูลูก็มาขอกินกาแฟจากมาสเตอร์ ซึ่งดูเหมือนหมอนี่จะหัวสูงเรื่องกาแฟ มาสเตอร์ก็ไม่ให้ลูกค้ามาลบเหลี่ยมได้ง่ายๆ ชงสูตรเจ๋งให้การูลูดื่ม พอหมอนี่ดื่มก็ถูกใจมาก เรียกว่ายอมจ่ายหมื่นเยนให้ทันทีโดยไม่ต้องทอน

เนื่องจากเป็นหมาเลยจมูกไว

กลับมาปี 2008 สิ่งที่นาโกแนะนำวาตารุกลับเป็นให้มาติดตามเมกุมิ คงเพราะมาป้องกันสโตล์กเกอร์ที่เจอในตอนแรก วาตารุก็มาเจอเจ้าหนุ่มถ้ำมองแฟงไกอานั่นพอดี เจ้านี่ยังเนียนแนะนำว่าได้รับคำขอจากนาโกเหมือนวาตารุ วาตารุเลยคิดว่าสิ่งที่ถูกคือเขาต้องศึกษาจากหมอนี่ (เออ.. เป็นถ้ำมองนี่นะ) หมอนี่ยังโชว์ความสามารถของสโตล์กเกอร์ที่ดีเยี่ยม เพราะแม่นข้อมูลต่างๆของเมกุมิอย่างมาก จนวาตารุทึ่ง.. ทึ่งว่ามันรู้มากไปรึเปล่าหว่า

การเป็นแมนที่แท้จริง ต้องเริ่มด้วยการเป็นถ้ำมอง

แต่คนสวยอย่างนี้มันก็น่าสโตล์กเกอร์อยู่นะ

วาตารุเลยร่วมกลุ่มสโตล์กเกอร์ไปโดยปริยาย ตามติดแม้กระทั่งตอนเมกุมิไปว่ายน้ำ เอากับมันสิ

สปิริทแห่งสโตล์กเกอร์ มันต้องแอบมองได้ทุกที่

ตอนนี้มีแฟนเซอร์วิสเยอะดีแฮะ

ตัดไปทางปี 1986 ยูริเองก็กำลังว่ายน้ำอยู่ ตอนนั้นเองก็รู้สึกถึงว่ามีบางคนแอบติดตามเธออยู่ เธอก็คงคิดว่าน่าจะเป็นฝีมือเจ้าป๋าขี้หลีแน่ๆ

คุณลูกเซอร์วิสแล้ว คุณแม่ก็มีมั่ง

กลับมาปี 2008 เมกุมิกำลังทำงานถ่ายแบบตามปกติ ตอนนั้นเจ้าหนุ่มถ้ำมองก็สอนเคล็ดวิชาขั้นสุดท้ายให้ นั่นก็คือต้องไปเอาของของผู้หญิงคนที่เฝ้ามองมาให้ได้ เจ้าวาตารุก็บ้องตื้นเชื่อทำตามซะด้วย แต่ว่าพอจะหยิบของของเมกุมิไป เมกุมิก็จับตัวได้พอดี (แต่ท่าทางไม่โกรธแฮะ) เลยทั้งหมดต้องไปเคลียร์กันสามคน เมกุมิ วาตารุ และ นาโก นาโกก็ยอมรับว่าให้วาตารุไปเฝ้าติดตามเมกุมิ แต่ว่าไม่ได้ให้คนอื่นไปอีก วาตารุก็เลยรู้ว่ามีสโตล์กเกอร์อีกตัวมาตามตัวเมกุมิจริงๆ แต่งานนี้เมกุมิก็ไม่พอใจ เพราะเธอไม่ต้องการคนมาคุ้มกันต้องการความเป็นส่วนตัว

ตอนนี้ฉากสวยๆงามๆเยอะดีแฮะ

ตัดไปปี 1986 ยูริกำลังออกจากร้านคาเฟ่ก็รู้สึกได้ว่ามีคนแอบมองเหมือนเมื่อคืน ตอนนั้นป๋าโอโตยะก็มาพอดี เธอเลยคิดว่าเป็นหมอนี่แหงๆที่มาเมื่อคืน แต่ป๋าโอโตยะวันนี้มาแปลกไม่ได้มาหลียูริ แต่มาทวงคืนที่โดนเจ้าการูลูลบเหลี่ยมเมื่อวาน พอพูดจบก็โดนกำปั้นการูลูซัดลงไปนอนกอง และก็วางมวยกันต่อ ยูริเห็นแล้วก็ปลงๆ แล้วก็เดินจากไปปล่อยให้สองคนนี่กัดกันต่อ

จุดจบของไอ้ขี้หลี ตอนที่ 2

ยูริที่เดินจากมาเดินมาถึงลานจอดรถที่หนึ่ง อยู่ๆเธอก็มาเหยียบใส่ใยแมงมุมประหลาดที่ขึงไว้กับพื้นทำให้เดินต่อไปไม่ได้ และเธอก็ถูกสัตว์ประหลาดลึกลับ (ที่ก็ดูออกว่าเป็นแมงมุม) พุ่งเข้าใส่

ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ หย่ากับแมรี่เจน แล้วเลยมาจับสาวเล่นแทนรึ

กลับมาปี 2008 วาตารุยังสะกดรอยเมกุมิอยู่ ก็เจอว่าเธอพบกับเจ้าหนุ่มถ้ำมองคนเดิม ซึ่งแค่อยากมาขอลายเซ็น แต่ว่าไม่จบเท่านั้น เพราะเจ้านี่แปลงร่างเป็น ชีพแฟงไกอา (แกะ) และต่อสู้กับเมกุมิด้วย วาตารุเลยต้องแปลงร่างเข้าปกป้องเมกุมิอีกครั้ง

ช่วยไม่ได้คนมันสวย แม้แต่แฟงไกอายังต้องตาม อิอิ

คิบะเข้าต่อสู้กับชีพแฟงไกอา แต่ว่าเจ้านี่กลับมีความเร็วสูงราวกับว่าคล็อกอัพได้ จนต้องใช้พลังของการูลูมาช่วย

แกจำอะไรผิดรึเปล่า แกเป็นแฟงไกอานะ ไม่ใช่เวิร์ม

พระเจ้าบันได ให้เจ้ายืมพลัง

แต่ว่าแม้จะเปลี่ยนเป็นพลังของการูลูฟอร์ม ก็ยังไล่ตามความเร็วของชีพแฟงไกอาไม่ได้ จนเกือบจะเสียท่า แต่ตอนนั้นเมกุมิก็ช่วยโจมตีใส่ชีพแฟงไกอาให้ก่อน

ที่สู้ไม่ได้ เพื่อให้ตอนหน้าฟอร์มใหม่ออก ไม่เชื่อดูต่อไปสิ

ใครว่านางเอกไม่มีประโยชน์ สู้ก็ได้อยู่นะ

ในตอนนั้นเองชีพแฟงไกอาก็หลบไป คิบะกำลังจะไล่ตามแต่ว่านาโกก็มาขวางไว้ คราวนี้เขาตั้งใจมากำจัดคิบะ และกำลังจะล้วงอะไรในกระเป๋าเสื้อและพูดว่า "เฮนชิน" แต่ว่าเมกุมิกำลังถูกเจ้าชีพแฟงไกอาจับตัวไปพอดี เลยไม่ทันได้เห็นนาโกแปลงร่าง

และในปี 1986 นั้นเอง ยูริก็ถูกแฟงไกอาแมงมุมหื่นจับตัวไปเช่นกัน ตอนนี้ชะตากรรมของสองแม่ลูกกำลังถูกแฟงไกอาหื่นจับตัวไป เหตุการณ์จะเป็นยังไงตอนหน้าพลาดไม่ได้ซะแล้ว