Bloggang.com : plamocherid : คาเมนไรเดอร์ คิบะ ตอนที่ 2

คาเมนไรเดอร์ คิบะ ตอนที่ 2

คาเมนไรเดอร์ คิบะ ตอนที่ 2 : แฟงไกอา นักไวโอลินสาว

จากตอนที่แล้ว หลังจากที่คิบะปรากฎตัวมาปราบฮอร์สแฟงไกอา เมกุมิ นางแบบฮันเตอร์สาวสวย เธอก็รู้จักคิบะ และกลับลงมือโจมตีคิบะทันที แต่ว่าคิบะก็ป้องกันกระสุนปืนธนูของเธอได้ และเดินจากไปอย่างเท่ห์ๆ เมกุมิไม่ทิ้งโอกาสนั้น รีบเอากล้องมาถ่ายภาพคิบะไว้ คงกะเพื่อไปรายงานหัวหน้าหน่วยอีกที

ขอโชว์เทพอวดสาวหน่อยเถอะ

เมกุมินำภาพที่ได้มารายงานหัวหน้าหน่วยฮันเตอร์ของเธอ นั่นคือ ชิมะ (ตอนที่แล้วออกมาในบทปี 1986 โปรดสังเกตว่าผมจะคนละทรง) ชิมะยังคงยืนยันในคำสั่งว่า ถ้าเจอคิบะเมื่อไหร่ก็ให้เช็คบิลได้ทันที

มีคำสั่งจากฮ่องกงให้เช็คบิลคิบะได้ทันที

ด้านทางเจ้าพระเอกขี้โรคของเรา วาตารุที่ไปสะสมหาก้างปลาทั่วราชอานาจักร ก็เพื่อมาทำสีของไวโอลิน เขาอยากจะได้สีไวโอลินแบบไวโอลินอันที่พ่อเขาเคยทำ แต่วาตารุก็ยังทำไม่ได้ซักที ไม่รู้ว่าไวโอลินเทพที่ป๋าขี้หลีเขาทำใช้การลงสีแบบไหน และก็ได้คุยอะไรกับเรื่องพ่อของเขากับชิสุกะ (รอดูรายละเอียดจาก sub อีกทีครับ เหมือนจะนินทาไปว่าป๋าไปทำสัญญากับปีศาจอะไรเทือกนี้) ตอนนั้นชิสุกะก็เอาไวโอลินมาให้วาตารุซ่อม ซึ่งอาการหนักพอดูเพราะโดนเจาะเป็นรู

ขนาดตู้เย็นยังเป็นรู แล้วไวโอลินจะเหลืออะไร ใช่มั้ยครับท่านประธานที่เคารพ

ตัดมาปี 1986 ที่ร้านกาแฟ ชิมะได้มาส่งงานให้ยูริที่ร้าน ชิมะกับมาสเตอร์ของร้านที่สนิทกัน เพราะแข่งกันลดน้ำหนัก เหมือนจะข่มทับกันว่าใครลด % ไขมันในร่างกายได้มากกว่ากัน ซึ่งชิมะจะชนะทุกที (ตั้งแต่ตอนที่แล้วล่ะ) แล้วชิมะก็มาส่งงานให้ยูริ โดยให้ติดตามผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นนักไวโอลินที่ชื่อว่า ฮิโตมิ และคาดว่าจะเกี่ยวกับแฟงไกอา

เขาว่าเรื่องนี้เอาใจพวกพลังวาย จะมีใครจิ้นคู่เรามั้ยอ่ะ

จำได้มั้ยครับ ว่าเธอเคยแสดงหนังฮีโร่เรื่องอะไรมาก่อน

ยูริได้ติดตามไปหาฮิโตมิถึงที่ซ้อม และที่นั่นเธอก็พบกับคนที่ไม่อยากเจอ นั่นคือป๋าขี้หลีโอโตยะนั่นเอง แต่ว่าฮิโตมิกลับแนะนำว่าเจ้าป๋าขี้หลีนี่เป็นนักไวโอลินระดับ lnw เลยทีเดียว เจ้าป๋าก็ไม่อยู่เฉยรีบโชว์ฝีมือให้ยูริได้ฟัง เล่นเอายูริตะลึงไปเลย

อึ้งล่ะสิ นึกว่าป๋ามีดีแต่หม้อรึไง

กลับมาที่ปี 2008 วาตารุต้องการซ่อมไวโอลินที่ชิสุกะขอให้หา ก็เที่ยวออกตามหาไม้ในที่ต่างๆ (ช่วงนี้ไม่เห็นมันใส่ชุดคลุมกันโรคภูมิแพ้เลยแฮะ สงสัยผู้กำกับจะขี้เกียจ เดี๋ยวไม่ได้โชว์หน้าพอดี) หลังจากไปหามาหลายที่ ทีแรกจะไปอาป้ายร้านใครก็ไม่รู้ ก็โดนไล่มา สุดท้ายมาถูกใจโต๊ะหน้าร้านกาแฟ Cafe Maid Amour (ร้านประจำนั่นล่ะ) เจ้าวาตารุก็กะจะเลื่อยโต๊ะไปหน้าด้านๆ แต่ตอนนั้นก็มาเจอเมกุมิพอดี เมกุมิเลยลากเข้าไปเคลียร์ในร้าน และท่าทางจะว้ากใส่ทั้งเจ้าวาตารุกับชิสุกะจนหงอ แต่สุดท้ายเจ้าวาตารุก็อยากได้โต๊ะตัวนั้นมาก จนยอมก้มหัวให้มาสเตอร์เพื่อขอโต๊ะไปทำไวโอลิน

เพื่อเก้าอี้รัฐมนตรี เอ้ย โต๊ะ ผมยอมก้มหัวให้ครับ

กลับมาที่ปี 1986 ในเวลากลางคืน ฮิโตมิได้ออกมาสีไวโอลินกลางสวนสาธารณะ ได้ล่อชาบคนหนึ่งที่ออกมาวิ่งออกกำลังไป ยูริที่ตามมาคิดว่าชายคนนั้นคึอแฟงไกอา แต่ผิดคาด คนที่เป็นแฟงไกอาก็คือฮิโตมิ เจ้านักวิ่งสุดซวยนั่นก็โดนดูดพลังชีวิตไปตามระเบียบ (แสดงว่าแฟงไกอา ไม่ได้ดูดพลังแต่ผู้หญิง)

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ใครหน้าตาดี สงสัยว่าเป็นแฟงไกอาไว้ก่อน

ยูริจึงเข้าต่อสู้ พอทำไวโอลินของฮิโตมิหล่น ฮิโตมิจึงแปลงร่างเป็น ออคโตปัสแฟงไกอา ทั้งคุ่ต่อสู้อย่างดุเดือด ยูริก็ทำท่าเสียเปรียบอีกตามเคย แต่ในตอนนั้นเธอก็ได้โจมตีเจ้าปลาหมึก ซึ่งถือไวโอลินอยู่ จนไวโอลินพังเป็นรู แบบเดียวกับอันที่ในปี 2008 ชิสุกะเอามาให้วาตารุซ่อม แล้วออคโตปัสแฟงไกอาก็หนีไป แต่ในตอนนั้นเจ้าป๋าโอโตยะก็แอบมาดูการต่อสู้ด้วย และเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ยังไม่วายมาหลียูริต่อหลังจากแฟงไกอาหนีไป แต่การหลีของเจ้าป๋าไม่ธรรมดา เพราะแอบจิ๊กเอาอาวุธฮันเตอร์ของยูริมาได้ชิ้นหนึ่งด้วย

สาเหตุที่ไวโอลินพังก็ฝีมือเจ๊ยูรินี่เอง

เจ้าป๋าขี้หลีตามฮิโตมิไปได้ และก็รู้ว่าเธอคือแฟงไกอา ฮิโตมิจึงคืนร่างเข้าโจมตี และเจ้าป๋าก็ทำในสิ่งที่ช็อคคนดูคือ เห็นขี้หลีอย่างนี้ กลับใช้อาวุธฮันเตอร์ที่จิ๊กมาได้อย่างคล่องแคล่ว แม้จะว่าจะสู้ไปเสียทีบาง แต่ก็ฟลุคเตะโดนกระบาลแฟงไกอาไปหนึ่งที ก่อนที่จะโดนยิงบอมบ์ใส่ ซึ่งตามมาตรฐานของพวกขี้หลีคือ ตายยาก เจ้าป๋าก็หลบได้ และออคโตปัสแฟงไกอาก็หนีไป (เอ กลัวไอ้ป๋านี่มากรึไง ทำไมไม่ฆ่าทิ้งซะล่ะ)

คนดูอึ้งไปตามๆกัน ป๋าขี้หลีเราบู๊เป็นด้วยเฮ้ย

กลับมาที่ปี 2008 ผู้ที่ขอให้วาตารุซ่ออมไวโอลิน ก็คือฮิโตมินั่นเอง เหมือนแฟงไกอาในตอนที่แล้วคือ แม้เวลาผ่านไป 22 ปี เธอก็ไม่แก่ มีรอยตีนกาซักนิด และเธอก็รับของไป ก่อนที่จะไปยังดูภาพนิตยสารถ่ายแบบ เธอเหมือนจะรู้จักกับเมกุมิ และเล็งเป้าหมายที่เมกุมิ หลังจากเธอไปแล้ว คิวัตก็มาเตือนวาตารุว่าผู้หญิงคนนี้ไม่น่าใช่คนธรรมดา แต่เจ้าพระเอกขี้โรคของเราก็ท่าทางไม่สนใจ

อยากสาวนานหลายสิบปี มาสมัครเป็นแฟงไกอากับเราสิคะ

เมกุมิที่กำลังถ่ายแบบอยู่ เธอก็ได้ยินเสียงไวโอลิน แล้วเธอก็ถูกสะกดให้ไปยังที่สนามกีฬาแห่งหนึ่ง (ที่เคยถ่ายหนังไรเดอร์หลายเรื่อง เหอๆ) เมกุมิกำลังจะเป็นเหยื่อให้ถูกดูดพลัง แต่ตอนนั้นวาตารุกลับรู้สึกโดยสัญชาติญาณ เขาได้หยิบไวโอลินมาเล่น และก็เกิดพลังเสียงที่ไปแทรกสอดกับเพลงของฮิโตมิ ทำให้พลังการสะกดคลายไป

ที่หลุดสะกดเพราะเจ้าวาตารุมันเล่นผิดคีย์มากวนรึเปล่านะ

พอยูริรู้ตัวก็รีบเข้าต่อสู้ทันที ฮิโตมิก่อนจะคืนร่างเหมือนจะพูดถึงแม่ของเมกุมิ ซึ่งก็คือยูริด้วย แสดงว่าแค้นข้ามรุ่นมาถึง 22 ปี

แม่ลูกฮันเตอร์นี่ไม่เคยชนะแฟงไกอาเลยซะที

วาตารุพอเล่นไวโอลินก็สัมผัสเสียงประหลาดจากไวโอลินได้ เขาจึงตามไปและเห็นว่าฮิโตมิคือแฟงไกอา เลยโดนเจ้าคิวัตเหน็บใส่หน่อยว่าอ่อนหัด วาตารุจึงแปลงร่างเป็นคิบะเข้าต่อสู้ทันที

เฮนชิน !!

พระเอกมาแล้วครับ

ไฮไลท์ของการต่อสู้ในตอนนี้ก็คือ คิบะเอามอเตอร์ไซค์สีแดงออกมาใช้ และมีฉากบู๊กันบนท้องถนน เจ้าออคโตปัสแฟงไกอาสามารถเสกล้อสเก๊ตออกมาจากเท้าได้ด้วย

ทำให้ดูเป็นไรเดอร์มากขึ้น เพราะมีฉากบู๊กันบนมอเตอร์ไซค์

จากนั้นก็พอได้จังหวะก็ใช้ท่าไม้ตาย ดาร์คเนสมูน เบรค แน่นอนเปลี่ยนฉากเป็นกลางคืน เรียกพระจันทร์ได้เหมือนเดิม แต่ว่าฉากตั้งแต่ยกขา โซ่หลุด และกระโดดถีบ มันคือของเดิมทั้งนั้น (ถึงว่าทำอลังการณ์ก็จริง แต่ช่วงกลางๆใช้ของเดิมได้นี่เอง เหอๆ) รวมถึงตอนเจ้ามังกรแคสเซิลดรานออกมาด้วย

ทำถนนเขาเป็นรอยอีกละ จะโดนตามไปเก็บค่าซ่อมมั้ยเนี่ย

หลังจากเจ้าแคสเซิลดรานกินวิญญาณของแฟงไกอาไปแล้ว ฉากกลับซูมเข้าไปในท้องของมัน ในนั้นพบว่าเป็นห้องดุจคฤหาสน์โบราณแห่งหนึ่ง ในนั้นมีชายสามคนอยู่ข้างใน กำลังเล่นหมากรุกกัน ซึ่งจากข้อมูลเราก็รู้แล้วว่าคือ กาลรู , บาจเชอร์ และ ด๊อกก้า ซึ่งกาลรู (แสดงโดยป๋าซันกิ) ก็ลงหมากรุกแล้วพูดว่า Check Mate (รุกฆาต)

หวังว่าเรื่องนี้ป๋าจะได้บทดีๆมั่งน่ะ แบบยูโตะก็ได้บทดีกว่าตอนเป็นคิริยะในฮิบิกิตั้งเยอะ

แน่นอนว่าตอนต่อไป เจ้าสามตัวนี้ต้องมาเกี่ยวข้องกับคิบะแน่ๆ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องมาช่วยเปลี่ยนฟอร์ม แต่ว่าความสัมพันธ์นั้นเป็นยังไง และความเกี่ยวโยงของปี 1986 กับปี 2008 ยังมีอะไรอีก ต้องคอยติดตามในตอนหน้าครับ

ตอนหน้าจะมีบทของหมอนี่ ท่าทางจะเป็นพวกฮันเตอร์ และมีก็คงน่าเดาว่าจะได้เป็นไรเดอร์คนที่สอง รึเปล่า ??

ท้ายตอนของคิบะ จะมีคำพูดประจำเหมือนกับ คาบุโตะ หรือ อากิโตะ ด้วยนะครับ โดยของคิบะจะเป็นคำว่า
Wake Up !! ปลดปล่อยโซ่ตรวนแห่งชะตากรรม
(ภาษาญี่ปุ่นไม่รู้ครับ อันนี้คือแปลมาจาก sub)

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2551

Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2551 23:49:29 น.

8 comments

Counter : 1942 Pageviews.

ส่วนตัวแล้วผมว่านะ ป๋าแกน่าจะเป็นคิบะก่อนหน้าพระเอกขี้โรคของเราเสียอีก แต่เรื่องที่ปล่อยแฟงไกอาให้อยู่ต่อไปถึง22ปีนี่ผมว่าแกคงไม่อยากทำให้ธุรกิจของครอบครัวไรเดอร์เสียกิจการ ก็ถ้าจัดการเองเดี๋ยวลูกชายว่างงานเปลืองค่าตัว