ตามล่าหา "ลูกชก"หรือ "ลูกฉก" แล้วหยิบยก "น้ำตาลชก" มาทำ "ขนมโค" หรือกินกับ แมงลัก-เฉาก๊วย-จิ้มข้าวหลาม อร่อย
บล็อกที่ 265
ร้อนไหมครับ..ช่วงนี้ร้อนมากๆ วันหนึ่งอาบน้ำนับครั้งไม่ถูก
สิ่งที่จะตามมาหลังจากร้อนนี้ คือ ค่าไฟเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เพราะผมต้องเปิดแอร์ทั้งกลางวันและกลางคืน
ไม่งั้นกลางวันทำงานไม่ผาสุกแน่ กลางคืนก็คงจะนอนไม่หลับ กับความร้อนที่ไม่ลดหย่อนลงไปสักที
ฝนก็ทิ้งช่วงมานานหลายเดือน
ร้อนนี้..ต้องหาอะไรเย็นๆมาดับร้อน หยิบเรื่อง "ลูกฉก" หรือ "ลูกชก" มาทำบล็อกดีกว่า
พร้อมกับบอกว่า หลังจากบล็อกนี้ออกไป ผมขออนุญาต "พักบล็อก พักร้อน พักผ่อน กายา " สักเดือนนะครับ แล้วค่อยกลับมาอีกครั้ง ราวเดือนหน้า
ปาล์มฉกต้นนี้ ถ่ายรูปมาจากสวนพฤกษศาสตร์ทุ่งค่าย จ.ตรัง ครับ
ก่อนที่จะมารู้เรื่องราวว่า "ลูกชก" หรือ "ลูกฉก น้ำตาลฉก" อร่อยอย่างไรนั้น
เรามารู้ข้อมูลคร่าวๆของ "ฉก" หรือ "ชก" จากกูเกิ้ลกันดีกว่าครับ
ชื่อพื้นเมือง : ฉก ( ภูเก็ต , พังงา ), โยก หรือตาว ( สตูล ), เนา ( ตรัง ), กาชก ( ชุมพร ) ชิด ( ภาคกลาง ), ตาว ( ภาคเหนือ )
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Arengasaccharifera Labill หรือ Arenga Pinnata Merr.
ชื่อวงศ์ : PALMAE
ลักษณะลำต้น : เป็นไม้จำพวกปาล์ม มีลำต้นตรง ขนาดใหญ่กว่าต้นตาล
สูงประมาณ 20 25 เมตร ต้นชกมีอายุประมาณ 30 ปี
(ในภาพ เป็นต้นชกที่น้ำตกวัดเขา โคกกลอย พังงา)
ใบ : มีลักษณะคล้ายใบมะพร้าว แต่ใหญ่กว่าและแข็งแรงกว่า ก้านใบ
และทางใบเหยียดตรงกว่าใบมะพร้าว มีรกสีดำตามกาบใบหนาแน่น
มีความยาวประมาณ 3 เมตร
ดอก : ดอกหรืองวงของต้นชก จะออกดอกจากส่วนบนใกล้ยอดของลำต้น
มีนิ้วหรือก้านดอกห้อยเป็นพวง ยาวประมาณ 3 5 เมตร ต้นชกจะออกดอกหรืองวงประมาณเดือนกันยายน ตุลาคม
ผล : มีลักษณะการออกผลเป็นทะลาย เนื้อคล้ายผลหลุมพี ภายในผลมี 3 เมล็ด
ภายในเมล็ดมีเยื่อหุ้มอยู่ด้วย ผลแก่ราวเดือนมกราคม ถึง กุมภาพันธ์ ต้นชกตัวผู้เมื่อออกดอกแล้วจะไม่มีผล
การกระจายพันธุ์ : มักเจริญเติบโตในบริเวณเชิงเขาหรือเนินเขาเตี้ย ๆ ในป่าเขตร้อนชื้นหรือใกล้ลำธาร โดยเฉพาะในภาคใต้และภาคเหนือของไทย
(ในภาพ เป็นต้นชกที่เชิงเขาถ้ำพุงช้าง พังงา)
การขยายพันธุ์ : ใช้เมล็ด
ประโยชน์ : 1. ใช้ทำอาหาร จากส่วนต่าง ๆ คือ
* เนื้อเมล็ด ใช้รับประทานเป็นของหวาน ก่อนรับประทาน ต้องนำไปเผาไฟก่อน แล้วจึงผ่าเพื่อแคะเอาเนื้อออกมา เพราะมีเยื่อหุ้มอยู่จะทำให้เกิดอาการคันได้
* ยอดอ่อน ใช้ทำอาหารได้ทั้งคาวและหวาน
* งวงหรือดอก ใช้ทำน้ำตาลชก คล้ายน้ำตาลโตนด
2. ใช้ทำแปรง จากเส้นใยของต้นชกหรือรกชก
3. ใช้ทำเสื้อกันฝนของคนจีนโบราณ จากเส้นใยของลำต้น หรือรกชก เรียกว่า จังซุ้ย
(มีแสดงที่พิพิธภัณฑ์วัดพระทอง และศูนย์อนุรักษ์มรดกท้องถิ่นกะทู้ โรงเรียนบ้านกะทู้ )
4. ใช้ทำไม้กวาด จากก้านใบ 5. ใช้มุงหลังคา จากใบของต้นชก
6. ใช้โคนต้นเป็นที่นั่งพักร้อนของบล็อกเกอร์ผู้เขียนเรื่องนี้ 555
ข้อ 6.นี้ผมเติมเอาเองนะครับ อย่าได้หลงเชื่อ
(ชกต้นนี้อยู่ที่หน้าถ้ำฤาษี จ.พังงา ครับ)
เอาละเข้าเรื่องกันซะที..ที่ภูเก็ต ค่อนข้างจะหาลูกชกกินยากมากครับ เพราะเป็นเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยทะเล ชกคงไม่ชอบขึ้น แต่ถ้าเข้าไปที่จังหวัดพังงาในช่วงฤดูกาลของมัน อาจจะโชคดีได้กินลูกชกเชื่อมแบบสดๆ ซึ่งอร่อยมาก อร่อยกว่าลูกจากเป็นไหนๆ
และถ้าเขาขายแพงก็อย่าไปว่าเขานะ เพราะกรรมวิธีการปีนขึ้นไปเก็บ แล้วเอาลงมาเผามาต้ม กว่าเราจะได้กินอย่างเอร็ดอร่อยนะ ไม่ใช่ง่ายๆเลย อยากเขียนวิิธีทำไว้ด้วย แต่จนใจที่ไม่ได้เห็นกับตา ข้อมูลไม่เพียงพอ
ชกโดยธรรมชาติชอบขึ้นตามเชิงเขา เวลาเรานั่งรถไปพังงา ตรงช่วงบ้านเขาเฒ่า ทางผ่านไปอ.ทับปุด จะเห็นต้นชกขึ้นอยู่มากมาย ผมเคยไปเที่ยวถึงเตาที่เขาเคี่ยวน้ำตาลชก แต่เสียดายวันนั้นไปเขาเคี่ยวเสร็จแล้ว
เลยได้เก็บภาพแต่เตาเคี่ยว
และกระทะเคี่ยวน้ำตาลชก
ใบห่อน้ำตาลชก ซึ่งน่าจะเป็นใบตาลโตนด
และน้ำตาลชกสดใหม่ที่เขาห่อเสร็จแล้ว ขายห่อละ 50 บาทครับ มีเหลืออยู่อีก 10 กว่าแว่นในกะละมัง เขาบอกหยิบกินได้เลย หอมหวานมากครับ
แต่ถ้าจะซื้อน้ำตาลชกแท้ๆติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนทางบ้านทำขนมโคกินกัน แนะนำให้ซื้อตามข้างทางแถวบ้านบ่อแสน มีขายเกือบทุกเจ้าเลยครับ
เห็นแล้วทำให้นึกไปถึงหนมโค ซึ่งใช้น้ำตาลชกนี่แหละเป็นไส้ โดยใช้กรรไกรหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
อ้อ..น้ำตาลชก ถ้าเป็นคนบ้านๆ จะเรียกว่าน้ำตาลแว่นครับ เนื่องจากลักษณะมันเป็นแว่นๆนั่นเอง
เอามากินเปล่าๆ อมเล่นๆ ก็อร่อยครับ แต่ต้องเป็นของแท้นะ แบบผสมน้ำตาลทรายแข็งๆ จะกินไม่อร่อย และไม่หอม
น้ำตาลชก นอกจากจะทำเป็นแว่นๆแล้ว ยังทำเป็นผงด้วย (คล้ายน้ำตาลทรายแดง แต่จะมีความหยาบกว่า)
ถ้าเจอแบบสดใหม่แล้วผมมักจะซื้อมาทีละหลายกิโล เก็บในตู้เย็นไว้กินข้ามปี จิ้มกับข้าวหลามนี้อร่อยเป็นที่หนึ่งเลย
แบบนี้ไงครับ
นอกจากนั้นยังใส่ในแมงลัก เฉาก๊วย อ่า..หรอยอย่างแรงเลยครับ
ปัจจุบันราคาอยู่ที่โลละ 100 ไม่ใช่ถูกเลยนะครับ มีให้กินกันปีหนึ่งก็ไม่กี่เดือน ฉะนั้นเห็นละก็ต้องซื้อตุนไว้เลย เพราะมันหอมหวนกว่าน้ำตาลทรายแดงจริงๆ
ต้มถั่วเขียวใส่น้ำตาลชกนี้ไม่ต้องพูดถึงเลย น้ำหอมหวานซะ กินเพลิน
มากินลูกชกเชื่อมกันบ้าง ผมซื้อทีหนึ่ง 300-400 บาท โดยไม่เคยนึกเสียดายตังค์ ฝากใคร ใครก็ชอบกินกันทั้งนั้น (ถุงละ 50 ไม่ไปพังงา ก็อดกิน เพราะที่ภูเก็ต ไม่มีขายแน่ๆ)
เม็ดกลมๆ นุ่ม ลื่นคอหอยอย่างแรง
ใครที่เคยกินลูกจากเม็ดรีๆ ใ่ส่ในไอติมมั่ง ในน้ำแข็งใสมั่ง รวมมิตรมั่ง
มาเจอลูกชกช้อนนี้ของผม..
ยิ่งใส่น้ำแดงด้วย อุ๊ย..ไม่คว้าหมับ ให้มันรู้ไป
ได้สักถ้วย หน้าร้อนอย่างนี้ หายร้อนไปหลายชั่วโมงเลยแหละ
มาดูหน้าตาของน้ำตาลชกแบบผง ที่โรยใส่ในน้ำแมงลักบ้าง
เวลากินถูกเม็ดน้ำตาลแล้วอื้อ...อร่อยไม่ต้องบอกใครเลย
อีกนิดครับ คลายร้อน กินเฉาก๊วยใส่น้ำตาลชก ลองดูไหมล่า
ดับร้อนเป็นบ้าเป็นหลังในขณะนี้ หวานหอมชื่นใจอย่าบอกใครเชียว
อย่าลืมนะครับ หลังบล็อกนี้ออกไป ก็ขอพักผ่อนร่วมเดือนละกัน เที่ยวๆๆ ซึ่งยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่า..จะไปเที่ยวไหนกันดี
อ้อ..ทำบล็อกนี้ไว้เมื่อ 3-4 วันก่อน อยากบอกว่าตอนนี้..ที่ภูเก็ต ฝนแรกของเดือนเมษาโปรยปรายมาบ้างแล้วครับ ติดต่อกัน 2 คืนแล้ว รู้สึกความร้อนค่อนผ่อนคลายลงไปบ้าง อยากให้เป็นเช่นนี้ติดต่อกันไปจนถึงวันสงกรานต์เลยคงจะดีนะ
Create Date : 05 เมษายน 2556 |
|
59 comments |
Last Update : 5 เมษายน 2556 11:03:30 น. |
Counter : 18112 Pageviews. |
|
|
|
หน้าร้อนแบบนี้ ได้ดับร้อนด้วยขนมอร่อยๆ
เย็นๆ ชื่นใจสักถ้วยก็ไม่เลวนะคะ