ผัดเผ็ดหมูกุ้งกับใบเปราะ และ ไข่เจียวใบเปราะ อร่อยเหาะแบบบ้านๆ
บล็อกที่ 255
มาแล้วครับ บล็อกที่ 2 หมวดอาหารดีเด่นแห่งปี 2 ปีซ้อน ต้องรีบหาเวลามาขัดกระทะล้างตะหลิวด่วนจี๋ ก่อนที่มันจะขึ้นสนิม รีบทำเลย วัตถุดิบก็ควานหาเอาตามรอบๆบ้านนี่แหละ 555
ผมเชื่อว่า..หลายคน ถ้าไม่บอก จะไม่รู้เลยว่านี่คือดอกอะไร?
สีของมันสวยคล้ายกล้วยไม้..แต่ค่อนข้างจะบอบบางนะครับ
ในวัยเด็ก แม่จะใช้ให้ผมไปเก็บใบไม้ชนิดนี้ที่ขึ้นอยู่ตามหลังบ้าน เลือกตัดแต่ใบอ่อนๆ ตอนนั้นไม่เคยสังเกตเลยว่าดอกของมันจะสวยเย็นตาอย่างนี้
มันคือดอกของต้นเปราะไงครับ รู้จักกันไหมเอ่ย "เปราะหอม" สมุนไพรไทยอีกชนิดที่มีคุณค่าทางอาหารและทางยาควบคู่กันไปด้วย
หลายปีแล้วที่ไม่ได้ชิมแกงพริกหมูใส่ใบเปราะ ซึ่งถ้าแกงสุกแล้วจะหอมมากๆ หลังบ้านที่ภูเก็ตก็เคยนำมาปลูกไว้ แต่ตายหมดตอนไหนก็ไม่รู้ สงสัยตอนน้ำท่วมแน่เลย เร็วๆนี้ไปเจอเปราะงามๆในกระถางของเพื่อนบ้าน
รีบขอขุดต้นเขามาทันที
ปลูกใบเปราะได้ไม่นาน ขยายเป็นกอใหญ่ๆ ตัดใบอ่อนๆมาทำกับข้าวได้
ตอนแรกว่าจะแกงพริกหมู แต่ตอนหลังเปลี่ยนใจ ลองทำหมู (มีกุ้งด้วย) ผัดเผ็ดใส่ใบเปราะดีกว่า
ไม่รอช้า ฉู่ๆฉี่ๆ เดี๋ยวเดียวก็ได้ผัดเผ็ดหมูกุ้งใส่ใบเปราะชามนี้มา โอย..มันแสนที่จะหอมใบเปราะอะไรเช่นนี้ เห็นแล้วนึกถึงข้าวร้อนๆขึ้นมาทันทีทันใด
กินข้าวกับกับข้าวบ้านๆอย่างนี้ อร่อยไม่มีเลี่ยนเลยนะครับ ให้ดี มีแกงเลียงอะไรก็ได้อีกถ้วย ปลาเค็มปิ้งสักตัว หูย..ไม่ต้องมาชวนไปนั่งร้านอาหารหรูๆเลยนะ
นึกสนุกอยากกินไข่เจียวใบเปราะอีก 1 เมนู ซึ่งไม่เคยทำกินเลย
ก็เก็บเอาใบเปราะอ่อนๆมาหั่นฝอยๆเข้า
ตอกไข่ใส่ลงไป ใส่เครื่องปรุง แล้วตีๆๆๆให้เข้ากัน
มิช้ามินานก็เทลงกระทะ
สุกแล้วนะจ้ะ สนใจไหม?
หลายๆครั้งที่เจ้าของบ้านนี้ทำไข่เจียวใส่โน่นนี่ ถ้าคนช่างสังเกต จะเห็นว่าไข่เจียวของผมไม่ฟูเลย "ไข่เหี่ยว" 555 ไม่เหมือนบ้านคุณโอเนินน้ำ ฟู กรอบ เด้ง น่ากิน ไม่รู้เป็นเพราะใส่น้ำมันเยอะหรือเปล่านะ หรือบีบมะนาวลงไปสักนิด แต่เพื่อสุขภาพ บ้านผมเวลาทำกับข้าวที่เป็นผัดหรือเจียวไข่นี่ จะไม่เคยใส่น้ำมันเยอะเลยนะครับ
ใครทำไข่เจียวได้เด้งกรอบอร่อย สอนหน่อยก็ดีนะ
เสร็จไปแระ บล็อกอาหารบ้านๆอีกบล็อกหนึ่ง เอ่อ..นี่บ้านตูยังมีอะไรแปลกๆใ้ห้ทำเป็นอาหารได้อีกกี่เดือนกันเนี่ย เก็กซิ้ม 555
เปราะหอม.....มหัศจรรย์สมุนไพรไทย เปราะหอม เป็นสมุนไพรที่หมอยาไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเข้าตำรับยาแก้โรคลม และปรุงเป็นยาหอมแทบทุกชนิด เป็นพืชที่มีคุณสมบัติเป็นทั้งยาสมุนไพร เครื่องหอม ว่านศักดิ์สิทธิ์ อาหาร ทั้งยังเป็นไม้ประดับเนื่องจากมีดอกที่สวยงาม
เปราะหอมมีชื่อเรียกที่หลากหลาย ซึ่งทางภาคกลางเรียก เปราะหอม ภาคเหนือและภาคอีสานเรียก ว่านหอม ภาคใต้เรียก เปราะ เรื่องราวของเปราะหอมมีตำนานเล่าขานกันมาเป็นเวลาช้านาน จากการที่เปราะหอมมีประโยชน์มากมายเป็นทั้งยา เครื่องสำอางและอาหาร คนโบราณจึงวางอุบายให้คนปลูกเปราะหอมกันให้มากๆ โดยบอกว่าเปราะหอมหรือว่านหอมนี้ มีพลังในการปัดเป่าภูตผีปิศาจ และขจัดมารออกไปได้ ชาวบ้านทางภาคอีสานจึงนิยมปลูกต้นเปราะหอมไว้หน้าบ้านเนื่องจากมีความเชื่อว่าเปราะหอมเป็นว่านศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง โดยในตำนานเล่าว่า เมื่อครั้งสมัยพระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ๆ ได้มีมารมาผจญ พระแม่ธรณีจึงได้บีบมวยผมเพื่อให้น้ำท่วมมาร พระพุทธเจ้าจึงได้ประทานเปราะหอมนี้ลงไปในน้ำเพื่อช่วยในการปราบมาร ดังนั้นในการขับไล่ผีของชาวอีสานในอดีตจึงใช้เปราะหอมแช่น้ำให้ผู้ป่วยรับประทาน เพื่อเป็นการขับไล่ภูตผีปิศาจออกไป
และยังมีความเชื่อว่าเปราะหอมเป็นไม้มงคลใช้ใส่ลงไปในน้ำสำหรับสรงน้ำพระหรือสรงน้ำขอพรจากผู้ใหญ่ และใช้ผสมในพระเครื่อง นอกจากนี้เปราะหอมยังถูกนำมาใช้เป็นว่านมหาเสน่ห์สำหรับชายหนุ่ม โดยนิยมนำว่านมาปลุกเสกด้วยคาถาแล้วนำมาเขียนคิ้ว หรือทาปากเพื่อให้ได้รับความเมตตา รักใคร่เอ็นดูจากญาติมิตร เพื่อนฝูง เจ้านายหรือเพศตรงข้าม และในงานแต่งงานของชาวอีสานใต้ เช่น ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ มักจะนำเปราะหอมแช่ไว้ในขันใส่น้ำไว้สำหรับดื่มเพื่อความเป็นสิริมงคล บำรุงหัวใจ ขับลม และทำให้มีเรี่ยวแรง
เปราะหอม มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Kaemferia galanga Linn. อยู่ในวงศ์ Zingiberazeae เป็นพืชคลุมดินชอบความชุ่มชื้น จัดเป็นพืชล้มลุก มี อายุปีเดียว มีลำต้นเป็นหัวอยู่ใต้ดิน เรียกว่า เหง้า เนื้อภายในสีเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวทั้งในส่วนของเหง้าและใบ ใบเป็นใบเดี่ยว แทงขึ้นจากเหง้าใต้ดิน 2-3 ใบ แผ่ราบไปตามพื้นดิน หรือวางตัวอยู่ในแนวราบเหนือพื้นดินเล็กน้อย ใบมีรูปร่างค่อนข้างกลม ปลายใบแหลม มีขนอ่อนบริเวณท้องใบ บางครั้งอาจพบขอบใบมีสีแดงคล้ำ เนื้อใบค่อนข้างหนา ตัวใบมีขนาดกว้าง 5-10 ซม. ยาว 7-15 ซม. ออกดอกตรงกลางระหว่างใบ ดอกมีสีขาว หรือสีขาวอมชมพูแต้มม่วง ใบและต้นจะเริ่มแห้งเมื่อมีดอก ใบอ่อนม้วนเป็นกระบอก ต้นหนึ่งๆ มักมี 1-2 ใบ หน้าใบเขียว ใบงอกงามในหน้าฝน และจะแห้งไปในหน้าแล้ง ชอบดินร่วนปนทราย มีความชุ่มชื้นเพียงพอ เจริญได้ดีในที่ร่ม ปลูกโดยการใช้เหง้า ช่วงปลูกใหม่ๆ ควรรดน้ำทุกวันจนกว่าจะออกใบอ่อนโผล่เหนือพื้นดิน
พบทั่วๆ ไปในป่าและมีการนำมาปลูกเป็นสมุนไพร และอาหารตามบ้านเรือน ใบและหัวของเปราะหอมสามารถที่จะนำมาปรุงเป็นอาหารได้ ใบรับประทานเป็นผักแกล้มมีกลิ่นหอม หัวนำมาตำใส่เครื่องแกง นำมาหั่นเหมือนกระชายใส่ผัดเผ็ดต่างๆ หรือเป็นส่วนผสมของน้ำราดข้าวมันไก่ ทางใต้นิยมนำหัวเปราะหอมใส่ในน้ำพริก หรือเป็นส่วนผสมในน้ำพริกเผาเพื่อให้มีกลิ่นหอม
เปราะหอม....กับฤทธิ์บรรเทาปวด ในสมัยก่อนถ้ามีอาการปวดบวม จะนำเหง้าเปราะหอมมาโขลกหรือทุบใส่น้ำพอชุ่ม นำผ้ามาชุบแล้วพันบริเวณที่ปวดบวม ซึ่งจากรายงานการวิจัยพบว่า เปราะหอมมีคุณสมบัติในการลดปวด จากการทดลองฤทธิ์ระงับปวดของเปราะหอมในหนูขาวใหญ่ 3 วิธี พบว่าสารสกัดเมธานอลจากต้นเปราะหอมขนาด 50, 100 และ 200 มิลลิกรัม/กิโลกรัม มีฤทธิ์ลดปวด 42.75%, 59.57% และ 70.60% ตามลำดับ จากการกระตุ้นให้หนูปวดท้องด้วย 0.6% กรดอะซิติก โดยสามารถลดจำนวนครั้งในการบิดปวดท้องเมื่อเทียบกับหนูกลุ่ม ควบคุม และเมื่อกระตุ้นให้หนูปวดอุ้งเท้าด้วย 2.5% ฟอร์มาลิน พบว่าหนูที่ได้รับสารสกัดเปราะหอม พบอัตราการเลียอุ้งเท้าน้อยกว่าหนูกลุ่มควบคุม แสดงว่าเปราะหอมสามารถบรรเทาอาการปวดลงได้ และเมื่อนำหนูกลุ่มที่ได้รับสารสกัดเปราะหอมมายืนบนแผ่นความร้อนพบว่าหนูสามารถยืนบนแผ่นความร้อนได้นานขึ้นเมื่อเทียบกับหนูกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้รับสารสกัด แต่ทนร้อนได้น้อยกว่าหนูกลุ่มที่ได้รับมอร์ฟีน จากการทดลองทั้ง 3 การทดลองดังกล่าวเป็นการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ว่าเปราะหอมมีฤทธิ์ในการบรรเทาปวดได้จริง จึงมีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์บรรเทาปวด
เปราะหอม....ลดบวมและแก้อักเสบ จากภูมิปัญญาพื้นบ้านทั่วไปมีการนำเหง้าเปราะหอมมาตำพอกบริเวณที่เป็นฝี เพื่อบรรเทาอาการอักเสบและจากการวิจัยทำให้ทราบว่านอกจากเปราะหอมจะบรรเทาปวดได้แล้วยังสามารถแก้อักเสบได้เช่นกัน โดยจากการทดลองให้สารสกัดเปราะหอมแก่หนูทดลองที่ถูกกระตุ้นให้เท้าหนูบวม พบว่าการบวมของเท้าหนูลดลง 13.4-17.0% เมื่อได้รับสารสกัดขนาด 100 และ 200 มิลลิกรัม/กิโลกรัม โดยการบวมจะลดลงหลังจากได้รับสารสกัด 3-5 ชั่วโมง จากการทดสอบความเป็นพิษของสารสกัดเปราะหอมได้รับการยืนยันแล้วว่ามีความปลอดภัยสูงและจากรายงานการวิจัย เมื่อหนูทดลองได้รับสารสกัดเปราะหอมสูงสุดขนาด 5 กรัมต่อกิโลกรัม พบว่าไม่มีอาการแสดงความเป็นพิษในสัตว์ทดลอง และเมื่อตรวจทางพยาธิสภาพก็ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด และเมื่อคิดจากปริมาณเปราะหอมที่คนจะสามารถรับประทานเปราะหอมสดได้สูงสุด ก็ไม่เป็นพิษแต่อย่างใด ดังนั้นการทานเปราะหอมเพื่อบรรเทาอาการปวด และการอักเสบ จึงมีประสิทธิภาพในการรักษาอีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูงเมื่อเทียบกับยาแก้ปวดแก้อักเสบแผนปัจจุบันซึ่งมีผลข้างเคียงของยาค่อนข้างมาก คงจะเป็นการดีหากคนไทยหันมาใช้สมุนไพรไทย แทนการใช้ยาแผนปัจจุบันซึ่งจะช่วยในการประหยัดค่าใช้จ่าย สามารถปลูกได้ง่ายตามบ้านเรือนและนำมาใช้ได้ทันที ไม่ต้องออกไปหาซื้อตามร้านขายยา ซึ่งการใช้งานอาจทำได้ในหลายรูปแบบ ขั้นตอนการใช้ก็จัดเตรียมได้ง่ายเพียงแค่ ตำพอก ทานสดๆ หรือ อาจจะทำเป็นลูกบรรเทาปวดเมื่อย ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ อีกทั้งเปราะหอมยังมีกลิ่นที่หอมสามารถช่วยผ่อนคลายในการเป็น aroma therapy และยังมีรสชาติดี หอมอร่อยติดปากคนไทยอีกด้วย เมื่อทราบถึงสรรพคุณของเปราะหอมเช่นนี้แล้วหลายคนอาจจะเริ่มสนใจที่จะหาเปราะหอมมาปลูกกันบ้างแล้ว
เอกสารอ้างอิง Ridtitid, W., Sae-wong, C., Reanmongkol, W. and Wongnawa, M. 2009. Anti-inflammatory activity of the methanol extract of Kaempferia galanga Linn. in experimental animals. Planta Medica, 75(9): 935-936. Sae-wong, C., Ridtitid, W., Reanmongkol, W., Wongnawa, M. 2008. Antinociceptive activity of the methanolic extract of Kaempferia galanga and its possible mechanisms in experimental animals. Thai journal Pharmacology, 30(2), 26-35. Tewtrakul, S., Yuenyongsawad, S., Kumee, S., Atsawajaruwan, L. 2005. Chemical components and biological activities of volatile oil of Kaempferia galanga Linn. Songklanakarin Journal of Science and Technology, 27(2): 503-507.
ดร.จุฑา แซ่ว่อง สถานวิจัยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและอาหารเพื่อสุขภาพ, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
Create Date : 21 มกราคม 2556 |
|
65 comments |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2556 17:18:16 น. |
Counter : 20786 Pageviews. |
|
|
|
นำมาทำอาหารน่ากินทุกอย่างเลยค่า
รักษาสุขภาพนะค่า