นามปากกา...ปลายสี

enterstep
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Group Blog
 
<<
เมษายน 2556
 
25 เมษายน 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add enterstep's blog to your web]
Links
 

 
ดาวปาฏิหาริย์ : บทที่ 27



หลังเสร็จพิธีอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้ที่ล่วงลับ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ท่านประธานใหญ่แห่งมหาคำดีรัก กรุ๊ปปฏิบัติสม่ำเสมอทุกอาทิตย์ ชายวัยกลางคนในเชิ้ตสีครีมยังคงนั่งอยู่บนพื้นพรมสีแดงภายในพระอุโบสถ ต่อหน้าหลวงปู่เจ้าอาวาสผู้คุ้นเคย

“โยมมีเรื่องไม่สบายใจ?” น้ำเสียงเนิบช้าแต่ทว่าให้ความรู้สึกสงบเหมือนน้ำนิ่งดังขึ้นอย่างเมตตา สาธิตประนมมือกลางอก ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ครับ เรื่องเดิมๆ”

“รู้ว่าเป็นเรื่องเดิม แล้วทำไมไม่แก้เสียเล่า”

“ผมไม่รู้จะเริ่มยังไง”

“โดยทั่วไปแล้วปัญหาจะเกิดจากสองสาเหตุ... ไร้ศีล กับไร้สติ แต่คนส่วนใหญ่มักมองไม่เห็น ไปโทษว่าทุกข์อยู่ที่อื่น ทุกข์เพราะคนอื่น การยึดว่าตัวเองเป็นพระเอกอยู่นั่น คนรอบข้างเป็นตัวร้ายเสียหมด นั่นคือไม่มีสติเหมือนกัน”

“แต่ทุกสิ่งที่ผมทำ ผมทำเพื่อครอบครัว”

“แล้วตอนนี้ ครอบครัวโยม ได้รับประโยชน์อะไรจากสิ่งที่โยมทำหรือเปล่า”

คำถามที่หลวงปู่โยนมา กระแทกใส่หัวใจของสาธิตจนไร้ซึ่งคำตอบ เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นกับสิตะทั้งเมื่อวานและเมื่อคืน ตอกย้ำให้รู้ว่าครอบครัวของเขาต้องรับผลอย่างไร ชายวัยกลางคนผมสีดอกเลาผ่อนลมหายใจหนักๆ อีกครั้ง

“ผมผิด ผมรู้”

“รู้แล้วแก้ หรือรู้แล้วหนีล่ะโยม... เป็นนักวิ่งนี่มันเหนื่อยนะ แต่มันช่วยเรื่องสุขภาพ แต่ที่โยมวิ่งหนีอยู่ตอนนี้ ทั้งเหนื่อย ทั้งเสียสุขภาพ โยมหยุดได้ ถ้าตั้งใจหยุด”

ใช่ เขาหยุดได้ แต่ว่า....

“ลูกชายของโยมจะได้หมดห่วง”

หลวงปู่เอ่ยราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดเถียงในใจ สาธิตเงยหน้ามองด้วยความสงสัย แต่พระผู้ใหญ่ก็เพียงยิ้มละไมด้วยความเมตตา

ชายวัยกลางคนจึงไม่รู้เลยว่า ‘ลูกชาย’ ที่ท่านหมายถึงไม่ใช่สิตะ หากเป็นอีกคนที่คอยมาวนเวียนรับส่วนบุญส่วนกุศลอยู่ในขณะนี้



ขณะเดียวกัน ลูกชายคนที่สาธิตคิดถึง กำลังนั่งเครียดอยู่กลางวงประชุมที่จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ภายในห้องนอนใหญ่ที่เพิ่งเกิดเรื่องเมื่อคืน โดยมีอนณและจิลลารวมกลุ่มสนทนาอยู่ด้วย

“ฉันเห็นจริงๆ นะพี่เสือ คุณช่อชมพูเขาทำท่าทางแปลกๆ... พอเห็นฉัน เธอก็รีบวางสาย ไม่สะดุ้ง แต่ดูออกว่าตกใจ ตรงหัวคิ้วคือขมวดกันนิดหนึ่ง ประมาณแบบหนึ่งเซนได้ แล้วก็กัดริมฝีปากล่างเล็กน้อยแต่ไม่เห็นฟัน เหมือนคนคิดหนักแต่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าคิด แล้วที่สำคัญนะพี่ เปลือกตาดูแดงกว่าปกติ จมูกด้วย ไม่ใช่เพราะหนาว เพราะมีคราบน้ำที่เปื้อนมาสคาร่าเปรอะอยู่ตรงขอบตา ฟันธงเลยว่าต้องร้องไห้แน่ๆ”

สาวผิวเข้มที่นั่งบนโซฟาบรรยายออกมาอย่างละเอียด จนชายหนุ่มร่างสูงโย่งที่ยืนอยู่มุมห้องอดถามไม่ได้

“คุณแน่ใจหรือครับว่าทั้งหมดนี่ คือคุณเห็น ตอนที่เธอแค่เดินผ่าน”

“อ้าว ก็พี่อ้นบอกฉันเอง ว่าให้คิดว่าคุณช่อชมพูเป็นไอดอลของฉัน เวลาฉันดูไอดอล จะคอนเสิร์ตหรือว่ารูปถ่าย ฉันก็สังเกตแบบนี้แหละ”

จิลลาว่าอย่างเห็นเป็นเรื่องธรรมดา ขณะที่อนณแอบพยักหน้าอย่างทึ่งๆ

“เธอคิดว่าพู่เป็นคนทำร้ายฉันเหรอ”

“ฉันไม่ได้คิด ไม่เคยคิดด้วยว่าใครจะทำร้ายกันได้ แต่พี่เสือสงสัย แล้วพี่อ้นก็ไหว้วานฉันให้ช่วยเป็นหูเป็นตา ฉันก็แค่บอกตามสิ่งที่เห็น พวกพี่จะทำยังไงต่อกับข้อมูลก็เป็นเรื่องของพวกพี่ ฉันว่าฉันจะกลับไปจัดกระเป๋าบ้างแล้วล่ะ เดี๋ยวปลาดาวจะรอ”

หนึ่งในทีมสืบสวนตัดบท ก่อนลุกขึ้นตรงไปยังทางออก ไม่มีใครรั้งไว้ เพราะยังไม่ทันก้าวไปไกล บานประตูที่เธอกำลังตรงไปก็มีเสียงเคาะดังขึ้น จิลลาสะดุ้งโหยง แล้วหันไปมองเจ้าของห้องและผู้ชายอีกคนโดยอัตโนมัติ

อนณปรึกษากับสิตะทางสายตา ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายเดินมา แล้วกระซิบบอกเธอให้หลบไปก่อน แม้ไม่รู้ว่าทำไมต้องซ่อน แต่เพราะภารกิจลับที่ได้รับมอบหมาย ทำให้นักสืบจำเป็นกระโดดไปแอบอยู่หลังตู้เสื้อผ้า และเมื่อบอดี้การ์ดหนุ่มเห็นว่าปลอดภัย จึงได้ฤกษ์เปิดประตู “คุณพลัช!?!”

“อ้าว คุณอนณ อยู่นี่เอง ผมก็คิดว่าหายไปไหนกันหมด แล้วคุณสิตะล่ะครับ”

“อยู่ในห้องครับ เชิญ...” ชายหนุ่มร่างสูงโย่งขยับตัวเปิดทางให้บรรณาธิการแว่นหนาเดินเข้ามา ซึ่งฝ่ายนั้นก็ร้องทักคนตัวใหญ่ที่ยืนอยู่กลางห้องทันที

“คุณสิตะ ในที่สุดเราก็ได้คุยกันสักทีนะครับเนี่ย”

“คุณมีอะไรคุณพลัช”

“ไม่ใช่ว่าผมไม่เป็นห่วงนะครับ แต่คุณบอกทุกคนแล้วว่าคุณไม่เป็นอะไร ดังนั้นผมจะไม่ถามเรื่องแผลของคุณ ที่ผมมาก็มีเรื่องเดียว... ผมไม่หวังงานหนังสือแล้วเพราะคงไม่ทันแน่ แต่อย่างไรก็ตาม บทที่ 20 ของผมอยู่ไหนล่ะครับ คุณแสะ....”

เอ่ยได้แค่นั้นก็ถูกคนตัวใหญ่กระโจนเข้ามาปิดปาก พลัชที่ไม่ทันตั้งตัวเบิ่งตากว้าง (แต่ก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าเดิมสักเท่าไร) ด้วยความตกใจ “อุนอำอะไออั้บเอี้ย”

“คุณมีแค่เรื่องนี้ใช่ไหมที่จะคุยกับผม”

“อ่าวอั้บ อังอีอีกเอื่อง”

“คุณว่ายังไงนะ”

“คุณสิตะครับ” อนณเรียกเจ้านายพร้อมชี้ไปยังมือที่ปิดปาก สิตะคงมัวแต่ห่วงว่าคนที่แอบอยู่จะได้ยินอะไรที่ไม่ควรได้ยินเข้าไป จึงทำตัวราวกับเล่นซิกคอม

“ขอโทษที เมื่อกี้ผมคิดว่าคุณจะเรอ” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ได้รับคำเตือนรีบผละออก พร้อมข้ออ้างที่ทำให้พลัชประหลาดใจ แต่สิตะก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ถาม เขารีบตัดบทด้วยการเปลี่ยนเรื่อง “นอกจากเรื่องงาน คุณมีอะไรอีกไหม”

“อ๋อ คือ...” จากท่าทีสงสัยอยากซักไซ้เมื่อครู่เปลี่ยนเป็นสลด ก่อนที่หนุ่มแว่นหนาจะเอ่ยเสียงอ่อย “คือ... ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าพ่อคุณยังไม่รู้เรื่องที่คุณจะกลับเมืองไทยแล้วก็เรื่องเมื่อคืน คิดว่าคุณเทียนรายงานไปหมดแล้ว เมื่อกี้ที่ผมได้คุยกับท่าน ผมเลยเผลอพูดออกไปหมดเลย ผม... ขอโทษครับ”

พลัชทำท่าสำนึกผิด ขณะที่สิตะขมวดคิ้ว

“ทำไมเทียนแก้วไม่รายงาน” ชายหนุ่มตั้งข้อสงสัย ก่อนหันไปมองคนสนิท อนณเองก็คงคิดแบบเดียวกัน ใบหน้าใต้หนวดเคราจึงเครียดขึ้น

ทั้งเรื่องที่ช่อชมพูร้องไห้ และเรื่องที่เทียนแก้วปิดบังสาธิต... ล้วนแต่เป็นพิรุธให้สงสัย แล้วจะทำเช่นไร ถึงจะรู้ว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เมื่อคืน

“เห็นทีเรื่องนี้คงต้องสืบกันหน่อย....จูน เธอออกมาได้แล้ว”

เสียงเรียกของเขาทำให้จิลลาค่อยๆ ปรากฏตัวออกมาจากที่ซ่อน เป็นอีกครั้งที่พลัชเบิ่งตาตี่ๆ ของเขากว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ แต่อย่างไรก็เทียบไม่ได้เลย กับตอนที่ได้ยินสิตะขอร้องเชิงสั่ง

“จูน คุณพลัช... นายด้วยอนณ ฉันมีเรื่องให้ช่วย จะจับคนร้ายทั้งที งานนี้เราคงต้องร่วมมือกันแล้วล่ะ”



หญิงสาวร่างบางที่นั่งอยู่บนโซฟาภายในล็อบบี หมั่นชะเง้อคอมองไปทางบันไดด้วยความว้าวุ่นใจ ทำไมป่านนี้ยังไม่มีใครลงมาสักที ทั้งจิลลา อนณ และสิตะ ทั้งหมดทำอะไรกันอยู่ ถึงได้ปล่อยให้เธอเผชิญสงครามเย็นอยู่กับหมื่นอาสาเพียงลำพังเช่นนี้

“พี่อิ่มเบื่อไหม เดี๋ยวดาวไปตามคนอื่นๆ มาให้นะ” เธอว่าเพื่อหาทางเลี่ยงความอึดอัดจากพี่ชายที่เธอรัก แต่ว่าเขาที่มีสีหน้าเคร่งเครียดก็ปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

“ไม่ต้องหรอกดาว เดี๋ยวพวกเขาก็ลงมา”

ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าบอกให้รู้ว่าหมื่นอาสาไม่เหมือนคนเก่า พี่ชายที่น่ารักคนเดิมของเธอหายไปไหนเสียเล่า

“พี่อิ่มมีอะไรหรือเปล่า เอาจริงๆ... พี่อิ่มโกรธดาวเหรอ”

“ใช่”

“โอย... พี่อิ่มอย่าโกรธดาวเลยนะ ดาวขอโทษ ดาวรู้ว่าดาวทำผิดที่มาเกาหลีโดยไม่บอกใคร แต่ว่าดาวก็มาเพื่อความฝันของดาวนะ โถ่... พี่อิ่มน่ะ ดาวขอโทษจริงๆ ดาวผิด ดาวรู้ตัว แต่พี่อิ่มอย่าทำหน้าบึ้งใส่ดาวเลย ดาวไม่ชอบพี่อิ่มลุคนี้ เราดีกันเถอะนะคะ นะ พี่อิ่มอยากให้ดาวทำอะไรดาวทำให้หมดเลย ดีกันนะ”

ดาวประกายพยายามง้องอนด้วยลูกอ้อน ซึ่งพี่ชายก็ไม่ได้ใจอ่อนง่ายๆ เขาหันมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“มีเรื่องเดียวที่พี่อยากให้ดาวทำ”

“เรื่องอะไรคะ? ดาวทำได้ดาวทำเลย แล้วพี่อิ่มหายโกรธดาวนะ” หญิงสาวว่าอย่างกระตือรือร้น ซึ่งชายหนุ่มตัวใหญ่ผิวคร้ามแดดก็ผ่อนลมหายใจอย่างเคร่งเครียดก่อนตอบ

“เลิกยุ่งเกี่ยวกับคุณสิตะได้ไหม”

“หา!?!” น้องสาวอุทาน อ้าปากค้างอย่างไม่คาดคิดว่าคนอย่างหมื่นอาสาจะพูดประโยคแบบนี้ “พี่อิ่ม... พี่อิ่มหมายความว่ายังไง”

“จนกว่าคุณสิตะจะจัดการเรื่องของเขาได้ ดาวอย่าเพิ่งติดต่อกับเขาได้ไหม”

“แต่ว่า...”

“ดาวใช้ความฝันเป็นเหตุผลของดาว พี่ก็ขอใช้ความห่วงใยเป็นสาเหตุของพี่เหมือนกัน... ขนาดพี่ยังห่วงดาวมากเท่านี้ แล้วถ้าน้าเดือนรู้เรื่อง จะเป็นห่วงขนาดไหน... ดาวคิดถึงใจแม่บ้างนะ”

น้ำเสียงนุ่มนวลของพี่ชายไม่ต่างจากหมัดหนักที่ซัดหน้าดาวประกาย เธอจุกจนพูดไม่ออก เมื่อตระหนักว่าตลอดมาเธอเอาแต่ห่วงความต้องการของตัวเอง จนลืมแม่ไปเสียสนิท

“ดาวขอออกไปรอข้างนอกได้ไหม” หญิงสาวว่าพร้อมลุกขึ้น เสียงเครือจนสังเกตได้

“ดาว...”

“ดาวขออยู่คนเดียวนะพี่อิ่ม แปปเดียว” เธอบอกเสียงสั่นก่อนก้มหน้าจากไป หมื่นอาสาได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง



แผนการของสิตะไม่มีอะไรซับซ้อนเลยสักนิด

แค่ให้พลัชไปค้นสัมภาระของเทียนแก้ว โดยมีอนณคอยเบี่ยงเบนความสนใจของนักสืบสาว ส่วนจิลลาก็ไปรื้อกระเป๋าของช่อชมพู โดยที่เขาจะประวิงเวลาให้เอง

เห็นไหมว่าง่ายแสนง่าย แค่ฟังก็เข้าใจ ทำไมจะทำไม่ได้

แต่นักวางแผนอาจลืมอะไรไปสักอย่าง สมาชิกที่ร่วมมือกับเขาไม่มีใครเป็นมืออาชีพเลยสักคน บรรณาธิการหนุ่มทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ ส่วนนักศึกษาสาวชาวไทยก็โวยวายว่าไม่มีทางทำได้แน่ๆ

“แค่ดูว่ามีของที่น่าสงสัยหรือเปล่า อย่างเสื้อฮู้ตสีดำ มีด หรือว่ายาสลบ คนร้ายน่าจะยังเก็บของพวกนั้นเอาไว้กับตัว คุณพลัช จูน ช่วยหน่อยนะ”

“แต่ว่า....” ทั้งหนุ่มแว่นหนาและสาวผิวเข้มต่างเอ่ยออกมาพร้อมกัน สิตะจึงต้องสั่งเสียงเข้มอีกครั้ง

“เรามีเวลาแค่ช่วงนี้เท่านั้น ถ้ากลับโซลเมื่อไร การทำลายหลักฐานก็ง่ายขึ้น... ตอนที่เช็คเฮ้าท์ กระเป๋าน่าจะถูกวางทิ้งไว้ จังหวะนั้นแหละลงมือได้เลย”

“แหม พูดง่ายจังเลยนะพี่เสือ คิดว่าฉันเป็นลีดาแฮหรือไง ที่จะเล่นบทสายลับได้แบบในเรื่องไอริส” ประโยคหลังจิลลาพูดชื่อนักแสดงหญิงของเกาหลีขึ้นมา ซึ่งถ้าไม่อยู่ในวาระตึงเครียด อนณคงขอให้เธออธิบายให้ฟังแล้วว่าแดๆ ฮาๆ นั่นคือใคร

“ผมก็ไม่ใช่เจมส์ บอนส์เหมือนกันนะครับคุณสิตะ ให้ผมไปชวนคุณเทียนคุย แล้วคุณอนณไปรื้อกระเป๋าไม่ดีกว่าเหรอครับ”

“ถ้าคุณไปคุยกับเทียนแก้ว เธอคงจับได้ก่อนที่คุณจะอ้าปากเสียอีกว่าเรามีแผนอะไร” สิตะเอ่ยอย่างรู้นิสัย ทั้งคนตรงหน้าและหญิงสาวที่ถูกกล่าวถึง ซึ่งพลัชก็เห็นด้วยจึงได้แต่พยักหน้าหงึกๆ

“ผมไม่มีทางเลือกอื่นใช่ไหมครับ”

“คุณจะไม่ช่วยก็ได้ แต่งานของคุณก็คงไม่ได้เหมือนกัน”

“ไม่บังคับ แต่ปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหมครับเนี่ย...” เอ่ยจบก็ถอนหายใจ ก่อนดันแว่นแล้วถามใหม่ “ผมไม่อยากจะเชื่อว่าหนึ่งในสองคนนั้นคือคนที่ทำร้ายคุณ อะไรคือแรงจูงใจ มันต้องมีแรงจูงใจนะครับถึงจะทำกันอย่างนั้นได้ แล้วถ้าเกิดว่า ใครสักคนมีของที่คุณว่าจริงๆ คุณจะทำยังไงเหรอครับ”

จิลลาและอนณต่างก็รอฟังคำตอบ สิตะนิ่งไปอึดใจ ก่อนเอ่ยเสียงเครียด

“ผมก็คงถามล่ะมั้ง ว่าแรงจูงใจในการฆ่าผมคืออะไร”



อากาศภายนอกแม้จะเย็นเฉียบสักเท่าไร ก็ไม่อาจเบาความร้อนรุ่มในใจลงได้

ทั้งที่นั่งนิ่งอยู่บนระเบียงไม้ แต่ในใจกลับกระวนกระวายสับสน ความกังวฉายบนสีหน้าและแววตา

ควรทำอย่างไร ควรจัดการอย่างไร เป็นสิ่งที่ยังตัดสินใจไม่ได้ นาน....จนกระทั่งใครคนหนึ่งก้าวออกมาจากอาคาร ความคิดบางอย่างก็ปรากฏขึ้นทันที

ลุกขึ้นจากเก้าอี้ตรงไปหา ยังไม่ทันเอ่ยคำใด ร่างบางก็หันมา... ดวงหน้ากลมเกลี้ยงปรากฏร่องรอยเคร่งเครียดเช่นกัน ดังนั้นจะเป็นไรไป ถ้าจะเครียดเพิ่มอีกเรื่อง

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

“อ๋อ เปล่าค่ะ...” ดาวประกายตอบเสียงเบา ก่อนเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อปาดน้ำตา เรื่องแม่ที่พี่ชายพูดมา กระแทกความรู้สึกจนเธอต้องแอบมาร้องไห้ แต่เธอก็ไม่อยากให้คนอื่นเห็นความอ่อนแอครั้งนี้ โดยเฉพาะ...

“ถ้าอย่างนั้นขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”

“มีเรื่องอะไรคะ”

รอยยิ้มเหยียดปรากฏขึ้น ก่อนจะเอ่ย

“เรื่องเมื่อ 8 ปีที่แล้ว... อุบัติเหตุรถชนน่ะ”








----------------------------------------------------

เอาจริงๆ ต่อไปคงมีแต่เรื่องเครียดแล้ว ><" ทั้งที่ตั้งใจจะให้เป็นนิยายรักกุ๊กกิ๊ก แต่ทำไมถึงจริงจังขนาดนี้ได้ก็ไม่รู้ 55555 ยังไงก็ฝากไว้ด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ


Create Date : 25 เมษายน 2556
Last Update : 25 เมษายน 2556 0:08:35 น. 2 comments
Counter : 654 Pageviews.

 
กำลังเข้าสู่บทไคลแมกซ์แล้ววววว


โดย: crystal IP: 183.89.148.115 วันที่: 25 เมษายน 2556 เวลา:11:51:00 น.  

 
^_________________^


โดย: Maru FC IP: 115.87.236.16 วันที่: 25 เมษายน 2556 เวลา:13:24:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.