นามปากกา...ปลายสี

enterstep
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Group Blog
 
 
มีนาคม 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
22 มีนาคม 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add enterstep's blog to your web]
Links
 

 
ดาวปาฏิหาริย์ : บทที่ 5

‘ฝีมือฉันเองแหละ’

ทั้งๆ ที่ลืมไปเสียสนิท แต่เมื่อได้ยินอีกครั้ง ขนแขนของดาวประกายก็ลุกชันขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ หญิงสาวที่นั่งอยู่บนพื้นนิ่งอึ้งไปอึดใจ ก่อนรีบกวักไม้กวักมือเรียกคนที่ยืนค้ำหัวด้วยท่าทางหวาดกลัวระคนตื่นเต้น

“คุณสิตะ คุณได้ยินไหม เสียงนี้ เสียงนี้ไง”

“เสียงอะไร”

“เสียงผีไง คุณ ไม่ได้ยินเหรอ” เธอว่าแล้วพยายามลุกขึ้น แต่เพียงแค่ขยับจะยันกาย ก็รู้จักเจ็บจี๊ดที่ข้อเท้าเหมือนโดนหยิก

“เป็นอะไรอีก” เขาถามเมื่อเห็นเธอนิ่วหน้า แต่ก็ยังไม่ยอมก้มมาช่วย
“เจ็บน่ะสิถามได้...”

‘นี่หล่อน พูดกับเขาดีๆ หน่อยสิยะ ยังไงเขาก็แก่กว่าหล่อนตั้ง 5 ปีไม่ใช่เหรอ เคารพยำเกรงบ้างนะ อย่าแก่นแก้วแสนซนนัก น่าหมั่นไส้’

เสียงผู้หญิงที่ต่อว่าทำให้ดาวประกายอ้าปากค้างด้วยความตกใจ แน่ใจได้แล้วว่าผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่ไม่ได้พูดแน่ๆ “คุณเป็นใคร ต้องการอะไร”

“นี่เธอพูดกับใคร”

“ก็พูดกับผีไง”

“ผีอีกแล้ว ผีที่ไหนจะมาหลอกกลางวันแสกๆ”

“ไม่ได้มาหลอก แต่มาสอน มาบอกให้ฉันพูดกับคุณดีๆ เพราะว่าคุณแก่กว่า…คุณไม่ได้ดัดเสียงแกล้งกันใช่ไหม”

“ดัดเสียง? ฉันจะทำอย่างนั้นทำไมยายบ๊อง ฉันว่าที่เธอได้ยิน คงเป็นจิตใต้สำนึกของเธอเองนั่นแหละ ลึกๆ แล้วเธอก็รู้ว่าควรพูดจากับฉันยังไง ไม่ใช่ห้วนๆ สั้นๆ ไร้หางเสียงแบบนี้ หรือถ้าเป็นผีจริงๆ ฉันว่านี่ก็เป็นผีที่ดีนะ อุตส่าห์มาเตือนสติเด็กไร้มารยาทอย่างเธอ... ขนาดผียังรับไม่ได้เลย”

‘เห็นไหม ใครๆ ก็เห็นด้วย’

“เอ๊ะ!!!” ดาวประกายร้องเพราะโดนรุม ก่อนจะถามอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นระบบคิดในใจ ‘คุณเป็นใคร ต้องการอะไร แล้วตัวคุณอยู่ไหน แล้วทำไมฉันคนเดียวที่ได้ยินเสียงคุณ’

‘ฉลาดขึ้นแล้วนี่ รู้แล้วว่าจะต้องติดต่อฉันยังไง’

‘ตกลงว่าคุณเป็นผีจริงๆ?’

‘ประมาณนั้น แต่ไม่ต้องถามเลยนะว่าฉันเป็นใคร มาจากไหน ฉันบอกหล่อนไม่ได้ รู้ไว้แค่ว่าฉันมาช่วยหล่อน และหล่อนก็ต้องช่วยฉันเหมือนกัน’

‘ช่วยอะไร ช่วยยังไง จะให้ฉันช่วยผีเนี่ยนะ… จะบ้าเหรอ ฉันจะทำได้ยังไง อ๋อ หรือว่า เหมือนในหนังในละครใช่ไหม แบบพวกสื่อรักต่างภพอะไรอย่างนี้ ให้ตายสิ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอยู่ๆ ฉันจะคุยกับผีได้ แถมไม่มีหน้าเละมาหลอกด้วย เจ๋งจริงๆ แล้วนี่คุณอยากให้ฉันช่วยอะไร ถ้าไม่ยากเกินไปฉันก็ยินดีจะช่วย แต่ประเภทขุดป่าช้าตามล่าหาโครงกระดูกอะไรแบบนี้ ฉันไม่ไหวหรอกนะ ขอตามคนอื่นมาช่วยแทนละกัน’

‘ฉันรู้ย่ะว่าหล่อนเป็นพวกเก่งแต่ปาก ฉันไม่ขอให้หล่อนทำอะไรแบบนั้นหรอก หยุด ไม่ต้องถาม ถึงเวลา หล่อนก็จะรู้เอง’

‘เวลา? เมื่อไร?...’ ดาวประกายร้องถามสงสัย ก่อนจะสะดุ้ง เมื่อเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างกาย

“เป็นอะไร ทำไมเงียบไป” เจ้าของเสียงที่ยืนปักหลั่นอยู่เมื่อครู่ ไม่รู้ทรุดตัวลงมาอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไร แถมเขายังชะโงกหน้ามามองหน้าเธอเสียใกล้ คงอยากพิจารณาว่าทำไมเธอถึงเงียบไป แต่ไม่คิดบ้างเหรอว่ามัน... ใกล้เกินไป ดาวประกายที่ตั้งสติได้รีบขยับถอยจากปลายจมูกโด่งที่ห่างไม่ถึงคืบอย่างรวดเร็ว

“ปะ...เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”

“ไม่โวยวายว่าได้ยินเสียงผีแล้วเหรอ”

“ไม่...” เธอตอบสั้นๆ แต่เสียงไม่ห้วนสั้นเหมือนเดิม พยายามจะลุกขึ้นอีกครั้ง แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ต้องร้องโอย “นี่คุณมาหยิกฉันทำไม”

“ฉันเนี่ยนะ?” สิตะชี้หน้าตัวเองด้วยความแปลกใจ ก่อนสักพักเขาจะพยักหน้า เหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง ซึ่งดาวประกายหันไปเห็นพอดี จึงร้องถามอย่างไม่ไว้ใจ

“นี่คุณกำลังคิดอะไร”

“เจ็บเท้ามากไหม” น้ำเสียงแปลกๆ ของเขาทำให้เธอขมวดคิ้ว ถ้าเธอเดาไม่ผิด นี่เขากำลังคิดว่า....

“นี่คุณหาว่าฉันแกล้งเหรอ”

“หรือไม่ใช่ แกล้งโวยวายเรื่องผีเพื่อเรียกร้องความสนใจ ไอ้ที่เจ็บเท้านี่ก็เหมือนกัน”

“คุณสิตะ ฉันไม่ได้แกล้งนะ... โอ๊ย คุณก็เลิกหยิกฉันซะทีสิ ฉันจะลุก โอ๊ย... เจ็บนะ... คุณอนณ คุณอนณก็ได้ค่ะ มาช่วยฉันหน่อย” ประโยคหลังเธอหันไปหาผู้ชายตัวสูงอีกคนที่ยืนเงียบมาตลอด ก่อนชูแขนสองข้างออกเหมือนเด็กน้อยรอแม่อุ้ม

บอดี้การ์ดหนุ่มเหลือบจึงเหลือบมองเจ้านาย คนขี้ระแวงอย่างสิตะคงไม่มีวันเชื่อเธอง่ายๆ… ซึ่งท่าทางที่เธอพยายามหลบหลีกบางอย่างเป็นพัลวัน กับคำพูดเพ้อเจ้อเหล่านั้น เป็นเขาก็คงไม่เชื่อ แต่ถ้าเธอเจ็บจริงๆ ขึ้นมาล่ะ

“มาครับ” อนณว่า แล้วเดินไปยกจักรยานที่ล้มอยู่ขึ้น ก่อน ‘ทำท่า’ จะช้อนร่างบางด้วยวงแขนกำยำไม่แพ้ผู้ชายอีกคนที่มองอยู่ แต่ยังไม่ทันที่ปลายนิ้วจะสัมผัสกับขนสังเคราะห์ของเสื้อกันหนาวที่หญิงสาวสวมใส่ มือใหญ่ของใครอีกคนก็ยื่นมาตัดหน้าเขาไปเพียงเสี้ยววินาที

“ว้าย!!!” ดาวประกายหวีดร้อง ขณะที่สิตะหันไปสั่งคนสนิท

“นายช่วยไปหาซื้ออะไรอุ่นๆ มาที”

อนณไม่ได้พูดอะไร แต่ใบหน้าใต้เคราหนวดประดับไปด้วยรอยยิ้ม ซึ่งสิตะก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร เขาจึงถลึงตาใส่ ซึ่งบอดี้การ์ดหนุ่มก็ทำเป็นก้มหน้าจากไป แต่ไม่วายพกรอยยิ้มที่น่าหงุดหงิดนั้นไปด้วย

สิตะส่ายหน้าด้วยความขัดใจ เพราะยายบ๊องนี่คนเดียวทำให้เขากลายเป็นตัวตลกต่อหน้าคนสนิท แต่ยังไม่ทันคิดว่าจะลงโทษเธออย่างไร แรงกดของมือน้อยๆ ที่พาดมาบนไหล่ก็ทำให้เขาต้องหันกลับมามองเธอ

“เป็นอะไรไปอีกล่ะ”

หญิงสาวที่เม้มปากแน่นไม่ตอบแถมไม่ยอมสบตา สิตะหมั่นไส้ขึ้นมาเลยแกล้งทำท่าจะปล่อย เธอร้องว้ายเสียงดังก่อนโอบคอเขาไว้แน่น

“กลัวตกหรือไง”

“ไม่กลัว... ปล่อยฉันสิ” เธอว่าเสียงแข็ง แต่ก็ไม่ดีดดิ้น ก็ในเมื่ออยู่เหนือพื้นดินเกือบเมตร ขืนสะบัดสะบิ้งมากไปแล้วเกิดหล่นตุ้บ... มันจะไม่คุ้มกัน

“ไม่ชอบให้ฉันอุ้มหรือไง”

“ไม่ชอบ”

“ไม่ชอบแล้วขอให้ฉันอุ้มทำไม”

“ฉันไม่ได้ขอให้อุ้ม แค่ให้ช่วยพยุง แล้วก็ไม่ได้ขอคุณด้วย... คุณสิตะ ปล่อยสิ!!!”

“ปล่อยทำไม ยิ่งเธอไม่ชอบ ฉันยิ่งสะใจ” ชายหนุ่มลอยหน้าลอยตาว่า ยามถือไพ่เหนือกว่าดวงตาจึงพราวระยับด้วยความสุข ขณะที่ดาวประกายได้แต่เข่นเขี้ยวด้วยความไม่พอใจ ถ้าไม่ติดว่าเธอกลัวความสูงจับใจ เธอคงดิ้นเร่าๆ ให้เขาปล่อยไปนานแล้ว

ในเมื่อสู้ไม่ได้ เถียงไม่ได้ ทำได้อย่างเดียวตอนนี้คือคิดแผนเอาคืน หญิงสาวที่ตัวเกร็งตัวไม่ต่างจากท่อนไม้พยายามคิด คิด และคิด แต่สมองกลับไม่ยอมคิด เพราะความใกล้ชิดทำให้เธอลืมเรื่องที่หงุดหงิด รวมถึงเรื่องผีนั่นด้วย

ใครไม่มาเป็นเธอไม่รู้หรอก เวลาที่แก้มด้านซ้ายของตัวเองเสียดสีกับอกกว้างผึงผายของผู้ชายสักคน แม้เขาจะใส่เสื้อหนาถึงสองชั้นก็เถอะ มันทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นแค่ไหน ต่อให้เธอห้ามเท่าไร แต่เมื่อได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาจากตัวเขา... คนใจร้ายทำไมตัวหอมนัก มันก็อดไม่ได้ที่จะเงยมองขึ้นมอง เสี้ยวหน้าจากมุมต่ำทำให้เห็นกรามนูนเป็นสัน ไล่ลงมาถึงช่วงคอที่ตั้งตรงแน่ว น่าแปลก ที่ขนาดลำคอขาวๆ ของเขา ก็ยังดูมีเสน่ห์ เย้ายวนอย่างเหลือเกิน...ดาวประกายกลืนน้ำลายลงคอโดยไม่รู้ตัว ก่อนชะงักด้วยความตกใจ

เอ๊ย!!! ดาวประกายเธอเป็นบ้าอะไรไปแล้ว ตั้งสติหน่อยสิ ตั้งแต่โดนเขาต่อว่าที่ร้านกาแฟ เธอก็บอกตัวเองว่าไม่มีวันชอบผู้ชายอย่างเขาเด็ดขาด แถมตอนรู้ว่าเขาเหยียบย่ำความฝันของเธอ เธอก็ยังประกาศลั่นในใจว่าจะไม่ญาติดีกับผู้ชายคนนี้ตลอดชาติ แล้วยังไง แค่ใกล้ก็หวั่นไหว จะกลับไปรู้สึกกับเขาเหมือนตอนแรกเห็นเสียแล้ว ไม่ไหวเลยนะ

หญิงสาวหลับตาแล้วส่ายหน้า แต่ก็ไม่อาจลดอัตราการเต้นของหัวใจให้เบาลงได้ เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สนใจ แต่ใครอีก ‘ตน’ ที่ได้ยิน...ตุ้บๆ ตุ้บๆ ตุ้บๆ... กลับยิ้มอย่างมีความสุข

ในที่สุดฉากงอนน่าเบื่อก็กลายเป็นฉากรักกุ๊กกิ๊กได้ ไม่เสียแรงจริงๆ ที่ออกโรงแสดงฝีมือ

-----------------------------------------------------------------

เช่นเดียวกับอนณที่ลอบมองอยู่หลังสนต้นใหญ่

หลังเห็นเจ้านายอุ้มดาวประกายไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวยาวริมตลิ่ง บอดี้การ์ดหนุ่มหน้านิ่งก็ไม่อาจซ่อนรอยยิ้มของตัวเองได้

ปกติสิตะไม่ชอบยุ่งกับใครและไม่ยอมให้ใครมายุ่งด้วย แต่ตั้งแต่ได้พบเธอ...ผู้หญิงตัวเล็กๆ ท่าทางไม่ยอมใคร หลายอย่างก็เปลี่ยนไป

เริ่มตั้งแต่ตอนที่เธอเข้าห้องผ่าตัดหลังอุบัติเหตุ สิตะนั่งเฝ้าอยู่ตลอดคืนทั้งที่ตัวเองก็โชกไปด้วยเลือด หลังจากนั้นพอรู้ว่าพ่อสั่งย้ายเธอไปโรงพยาบาลอื่น เขาก็ไม่รีรอเลยที่จะสืบหาว่าเธออยู่ไหน การสะกดรอยตามเทียนแก้วเป็นวิธีที่ชายหนุ่มเลือกใช้ และเมื่อรู้ที่ซ่อน คนตัวใหญ่ก็ถึงกับปลอมตัวเป็นหมอเพื่อไปเยี่ยมเธอ

ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อเธอกลับมาพักฟื้นที่บ้าน สิตะก็ตามไปหา แถมหลอกล่อด้วยสัญญาเพื่อให้เธอมาเกาหลีใต้ด้วยกัน ถึงปากจะพูดว่าเป็นเพราะความรับผิดชอบ เพื่อมนุษยธรรม แต่คนที่ทำงานด้วยกันมาเกือบ 10 ปีมีหรือจะไม่รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร

อยากปกป้อง ต้องการดูแล แค่นั้นยังไม่พอหรอก การหยอกล้อเหมือนคนขี้เล่นทั้งที่ไม่เป็นกับใครมาก่อนต่างหาก ที่บอกให้รู้ว่าบางอย่างได้เพิ่มขึ้นจากคำว่าสำนึกผิดมากมายนัก

หรือว่าคำสาปจะถูกทำลายแล้ว

“คุณอนณ!!!” เสียงเรียกที่ดังขึ้นข้างกายทำให้ชายหนุ่มร่างสูงโย่งสะดุ้งตื่นจากความคิด แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการประหลาดใจ ยามหันไปเห็นสาวผิวเข้มยืนอยู่ด้านหลัง

“คุณจูน” เขาเอ่ยชื่อเธอสั้นๆ ก่อนนึกได้ว่าควรถามอะไรสักหน่อย “มาได้ยังไงครับ”

“ก็นัดปลาดาวเอาไว้ พอดีวันนี้ฉันเลิกเรียนเร็วก็เลยตามมา เมื่อกี้โทรหามัน มันบอกว่าอยู่ท้ายเกาะ แต่เกาะก็ใหญ้ใหญ่ ไม่รู้ว่าท้ายตรงไหน ดีจังที่เจอคุณ แล้วคนอื่นล่ะคะ”

อนณขยับจะตอบ แต่ก็คิดได้เสียก่อนว่าหากเข้าไปตอนนี้คงเป็นการขัดจังหวะสองคนที่คุยกันอยู่ คนหน้าหนวดจึงตีหน้านิ่งยามเอ่ยกลับไป “คงเดินเล่นอยู่แถวนี้ล่ะครับ พอดีคุณสิตะสั่งให้ผมไปซื้อกาแฟ ผมก็ไม่รู้ว่าร้านอยู่ตรงไหน คุณจูนมาก็ดี ไปเป็นเพื่อนทีสิครับ”

“คุณสิตะสั่งคุณเลยเหรอ เป็นแฟนกันประสาอะไร ใช้ไม่ได้เลย”

“อะไรนะครับ”

จิลลาขยับจะตอบแต่ก็ยั้งปากตัวเองได้ทัน ไม่มีมนุษย์คนไหนอยากได้ยินคนอื่นนินทาแฟนตัวเองหรอก

“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร ไปซื้อกาแฟกันดีกว่า ตอนที่ฉันเดินมาเห็นมีร้านอยู่เต็มเลย” เธอเปลี่ยนเรื่องแล้วเดินนำไป ขณะที่อนณรู้สึกสังหรณ์ใจเกี่ยวกับสถานภาพของตัวเองชอบกล





-------------------------------------------------------------------
ต่อไปจะลงทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์นะคะ จะได้ง่ายต่อการตามอ่าน 5555 (พูดไว้เผื่อมีคนติดตาม)

ขอบคุณคุณนำ มากนะคะที่มาให้กำลังใจ ^^

ขอบคุณนักอ่านท่านอื่นที่่เข้ามาอ่านด้วยนะคะ ขอให้สนุกสนานกับนิยายเรื่องนี้ค่ะ









Create Date : 22 มีนาคม 2556
Last Update : 22 มีนาคม 2556 20:03:40 น. 2 comments
Counter : 677 Pageviews.

 
ตามอยู่ค่า :)))
วันจันทร์รออ่านแน่นอนค่ะ!


โดย: iamfay IP: 110.49.242.85 วันที่: 22 มีนาคม 2556 เวลา:22:32:30 น.  

 
ตามเรื่องนี้ตลอดนะคะ จะเปลี่ยนกี่รอบก็รู้สึกหลงรักสิตะกับดาวประกายค่ะ


โดย: Kae IP: 75.80.178.101 วันที่: 24 มีนาคม 2556 เวลา:10:46:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.