Group Blog
 
 
กันยายน 2548
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
1 กันยายน 2548
 
All Blogs
 

Frankfurt

นี่น่ะหรือ ต่างประเทศ ฉันอดตั้งคำถามนี้กับตัวเองไม่ได้ ทุกครั้งที่เท้าเหยียบลง ณ ดินแดนที่กำหนดกันอย่างเป็นสากลว่า ไม่ใช่ประเทศไทย แม้แต่เมื่ออยู่บนเครื่องบินที่บินอยู่เหนือน่านฟ้าของเขตประเทศอื่น ฉันก็ต้องพยายามชะโงกดูพื้นที่นั้นๆ เพื่อซึมซับความรู้สึกว่า นี่เรากำลังอยู่เหนือสาธารณรัฐเชคหรือนี่ ... อ้อนี่น่ะหรือภาพเบื้องบนของทะเลทราย...
ฉันไม่เคยรู้สึกถึงความแตกต่างภายใน เมื่อมายืน เดิน นั่ง นอนอยู่ในต่างประเทศ เพียงสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ภาษาที่ไม่เข้าใจ แต่ตัวฉันก็ยังคงเป็นตัวฉันอยู่เหมือนเดิม สนามบินแฟรงค์เฟิร์ต ไม่ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจต่างกับการข้ามแดนไปเวียงจันท์ ฉันต้องพยายามบอกกับตัวเองว่า นี่ เรากำลังอยู่ในยุโรปนะ เวลาต่างกับเมืองไทยตั้ง 5 ชั่วโมง อุณหภูมิต่ำกว่าตั้งเป็นสิบองศา ช่วยตื่นเต้นหน่อยเถอะ เอาล่ะ ก็ได้ ดูซิ หันไปมองรอบข้าง มีภาษาที่อ่านออกตรงไหนบ้าง ก็ตัวอักษรโรมันนั่นแหละแต่มีวิธีจัดเรียงแล้วเราไม่สามารถเข้าใจได้ก็แล้วกัน ฉันหันรีหันขวางพยายามอ่านป้ายทุกอย่างที่ผ่านตา เหมือนที่ทำอยู่เป็นประจำ แต่ก็เข้าใจได้เพียงภาษาภาพ ให้นึกขอบคุณกราฟฟิคดีไซน์ที่ช่วยทำให้เรารู้เรื่องได้ แม้สะกดข้อความข้างเคียงไม่ออกก็ตาม คุณพ่อมารับเราที่หน้าเครื่อง ก่อนที่จะพาคุณแม่ไปสวัสดีเพื่อนร่วมงานที่กำลังจะขึ้นเครื่องบินกลับเมืองไทย ออกจะงงๆ อยู่ว่าสนามบินที่นี่เค้าไม่แยกเที่ยวบินขาเข้า ขาออกจากกันเหมือนที่ดอนเมืองนะ คนเค้าคงจะบินกันเป็นเรื่องธรรมดาโดยไม่ต้องหลงงงกัน “3 คน 89 กิโล ขนอะไรกันมาเนี่ย” คุณพ่อทักคุณแม่ ซึ่งหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกถึงสัมภาระที่ช่วยกันแพคลงกล่องหลายใบก่อนขึ้นเครื่อง ผ่านไปไม่กี่นาทีฉันก็เริ่มตระหนักถึงการอยู่ต่างบ้านต่างเมืองขึ้นมาเรื่องๆ เมื่อคุณพ่อส่งภาษาท้องถิ่นบอกทางไปบ้านกับคนขับแท็กซี่ ซึ่งไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ พวงมาลัยซ้าย ป้ายบอกทาง ถนนหนทางที่ดูเรียบร้อยสะอาดตา ต้นไม่กลางกรุงที่ขึ้นอยู่อย่างเป็นธรรมชาติ รถพาเราเข้าสู่ Schinkel Strasse ละแวกที่คล้ายเป็นหมู่บ้าน ดูสงบและน่าอยู่มาก ค่าแท็กซี่จาก Flughafen (Airport) มาถึงบ้านก็ 25 ยูโร คุณพ่อให้ทิปอีก 5 ยูโร เป็นอันว่ามาถึงก็จ่ายค่าแท็กซี่ไป 1,500 บาท บ้านในแฟรงค์เฟิร์ตโดยมาก มักจะดุเรียบเป็นทรงแท่งๆตรงๆ ไม่มีลูกเล่นมากภายนอก ดูไม่ค่อยใหญ่โต แต่พอเข้าไปข้างในจะพบว่ามีการแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็นห้องต่างๆอย่างคุ้มค่า มากกว่าที่เห็นภายนอก บ้านที่คุณพ่ออยู่มี 3 ชั้น รวมชั้นใต้ดิน ซึ่งเป็นห้องเก็บของและห้องซักรีดที่ไม่เล็ก ที่ชั้นหนึ่งพอเข้าประตูบ้านมามีห้องครัวอยู่ขวามือ ซ้ายมือเป็นห้องอเนกประสงค์ซึ่งคุณพ่อเก็บรองเท้าและเสื้อโค้ด ตู้รองเท้าทำเป็นที่นั่งใส่รองเท้าไปด้วยในตัว มีกระจกให้สำรวจความเรียบร้อยก่อนออกจากบ้านด้วย ห้องนี้เราลากกระเป๋าใบใหญ่มาเก็บไว้ ถัดเข้าไปเป็นห้องน้ำเล็ก เดินผ่านบันไดวนก็จะถึงห้องรับแขก+ห้องทานอาหาร ที่คุณพ่อบนว่าเอเยนต์ที่ให้เช่าบ้านจัดพื้นที่ไม่ได้เรื่อง แต่ไม่รู้จะย้ายยังไง เพราะเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นก็ใหญ่เอาการ เลยต้องปล่อยไว้อย่างนั้น ปกติคุณพ่ออยู่คนเดียวและมันก็ไม่ใช่บ้านถาวร คุณพ่อเลยไม่ซีเรียสมาก ที่ห้องนี้มีประตูเปิดไปสู่สวนหลังบ้าน ประตู หน้าต่าง รวมถึงช่องแสงที่เป็นกระจกบานใหญ่ของที่นี่ มีกันสาดทำด้วยวัสดุดูคล้ายพลาสติกแต่แข็งแรงทนทานกว่ามาก เป็นบังตากันแสงอยู่ด้านนอกอีกที สามารถดึงขึ้นลงได้ด้วยสายดึงกึ่งผ้ากึ่งอะไรสักอย่างที่เรามั่นใจว่าทนทาน (อีกแล้ว)เป็นกลไกที่ฝังอยู่ในกำแพง เราชอบวิธีการเปิดของประตูและหน้าต่างของที่นี่มาก เค้าจะควบคุมทิศทางการเปิดด้วยมือจับ บิดมือจับให้อยู่ในแนวนอนขนานกับพื้น ก็ดึงประตูหน้าต่างเปิดออกหมดเลย แต่ถ้าต้องการเปิดออกเฉพาะด้านบนเพื่อรับลม ก็บิดมือจับชี้ขึ้นด้านบน และถ้าจะปิดล็อคก็หมุนมือจับให้ชี้ลงข้างล่าง ที่เยอรมนีนี่เค้าคิดอะไรที่มันเต็มไปด้วยประโยชน์ใช้สอยจริงๆนะ
พอขึ้นบันไดวน (คาดว่าเป็นการประหยัดพื้นที่) ไปสู่ชั้นสอง แบ่งเป็นห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำในตัวพร้อมอ่างอาบน้ำอยู่ขวามือ 1 ห้อง ห้องนอนเล็กซ้ายมืออีก 2 ห้อง ตรงกลางเป็นห้องน้ำมีฝักบัวอยู่ในตู้อาบน้ำ คุณพ่อยกหน้องนอนใหญ่ให้คุณแม่และฉัน คุณขันนอนห้องนอนเล็ก ที่มีเครื่องนอนพร้อม อีกห้องนึงปล่อยว่างไว้เก็บของไม่มาก ส่วนคุณพ่อยืนยันว่าจะนอนบนโซฟาหน้าทีวีข้างล่าง บอกว่าสบายที่สุดแล้ว คืนแรกผ่านพ้นไปโดยไม่มีอาการ Jet Lack สามารถปรับเวลาให้เข้ากับผู้คนที่นี่ได้ทันที เมื่อตื่นมาอีกวัน

วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน 2548
เช้านี้คุณพ่อพาพวกเราฝ่าฝนขึ้นรถไฟไปชอปปิ้งที่ตลาดนัด ตรงสถานี Konstabler Wache นี่สิที่ทำให้ฉันตื่นตาตื่นใจ ตลาดที่เต็มไปด้วยร้านรวง คนขายเป็นฝรั่งตัวใหญ่หัวทอง ข้าวของ และบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย แม้จะเกลียดฝนแฉะๆ แต่ฉันก็สนุกจัง มองโน่น มองนี่ไม่เบื่อเลย คุณพ่อบอกว่าตลาดนี้จะมีเฉพาะวันเสาร์ เค้าจะขายกันทั้งอาหารสด อาหารพร้อมทาน มีร้านขนมปังก้อนโตๆรูปร่างดูเป็นตะวันตกมากกลมใหญ่เหมือนหมอนบ้าง เป็นท่อนยาวๆเหมือนขนมปังฝรั่งเศสบ้าง ไม่มีขนมกระจุ๋มกระจิ๋มหรอกนะ มีร้านขายดอกไม้เป็นกระถางๆ แต่ว่าออกจะแพงไปหน่อย ร้านขายผักที่เจ้าของร้านใจดี คุยด้วยใหญ่เลย ร้านขายเนื้อ ไส้กรอก ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ ร้านอาหารง่ายๆ แต่มีไวน์เสิร์ฟด้วย คุณพ่อเลือกร้านไส้กรอกย่างให้เรานั่งทานกัน เป็นอาหารท้องถิ่นมื้อแรกของเราไส้กรอกสีขาวยาวที่ถูกย่างจนเกรียมพอดี คนขายเค้าจับหักออกเป็น 2 ท่อนวางคู่มากับขนมปัง ซึ่งมีให้เลือก แต่วันนั้นทั้งฝนตก คนเยอะเราก็ไม่ทันเลือกอะไรมาก ขนมปังอะไรก็ได้หมด พอกินเข้าไปไส้กรอกเลยกลายเป็นพระเอกนำโด่ง เพราะอร่อยมาก ส่วนขนมปังสีน้ำตาลเข้มแข็งๆ หยุ่นๆ ไม่ฟูให้ความรู้สึกคล้ายขนมปังของอังกฤษชนิดหนึ่งที่เราไม่ค่อยชอบนัก แต่เราก็กินได้ กินหมดด้วย คุณพ่อคุณแม่ซื้อผักและเนื้อมาหลายอย่าง




 

Create Date : 01 กันยายน 2548
3 comments
Last Update : 1 กันยายน 2548 20:18:00 น.
Counter : 548 Pageviews.

 



happy new year ka

 

โดย: vodca 31 ธันวาคม 2548 15:16:54 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้มีความสุขกาย สบายใจ ขอให้มีความสมหวังทุกประการนะคะ


 

โดย: ปูขาเก เซมารู 1 มกราคม 2549 8:55:56 น.  

 

มาร่วมตื่นเต้นค่ะ เพราะอยากไปยุโรป
น่าไปเนอะ ชอบไส้กรอก..

 

โดย: anchesa 5 มีนาคม 2552 9:13:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ปอปลาตากลม
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ปอปลาตากลม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.