เมษายน 2560

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
Dec 4-11, 2016: Tokyo first time...Ch2 นิกโก้ 1 วัน




สวัสดีค่ะ กลับมาแล้ววววววว ทำไมต้องห่างเดือนนึงด้วย 555

งานเข้าหนักมากค่ะ ทั้งงานหลักและงานอดิเรก แถมติดหนังจีนอีกต่างหาก

ไม่มีอะไรจะแก้ตัว จะทำให้เร็วที่สุดน้า


กติกามารยาทของบล็อก

หลายรูปส่งขายไปแล้ว ใครใคร่อยากใช้งาน กรุณาซื้อได้ที่เว็บเอเจนซี่ทั้งหลายเหล่านี้นะคะ

ส่วนรูปอื่นๆ นั้น กรุณามาขออนุญาตกับเราก่อนค่อยนำไปใช้ (ที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์) นะจ๊ะ

*For foreigners who happened to click into this blog and be impressive with my photos, please be informed that some of them are sold in these agencies (the links below) or else ask me before taken it out. Commercial use is not allowed even with credit in photos. Thank you.


=================================================

Dec 6, 2016 : Nikko UNESCO World Heritage

ตามแพลนที่เราวางไว้คร่าวๆ เราคิดว่าจะไปนิกโก้กัน

เรากะไม่ค้างคืน ไปเช้าเย็นกลับพอ พี่ๆ ทั้งสองจึงเป็นผู้เลือกสถานที่ดังที่อยากไป

ส่วนเราก็ตามเค้าไปเหมือนเดิมจ้ะ (บอกแค่ destination แล้วก็หาที่พักพอ)

ดังนั้น เราตื่นตีห้า ออกมาหกโมงกว่า เพื่อมาซื้อตั๋วรถไฟไปนิกโก้ ซึ่งมันคือ 1Day Tobu line

ซึ่งออฟฟิศของตั๋วรถไฟที่ว่านั้นก็อยู่ตรงอีกฝั่งของสะพานสุมิดะ หรือฝั่งตรงข้ามกับสถานีอาซากุสะที่เราลงครั้งแรกนั่นแหล่ะค่ะ

ที่สำคัญ มีพนักงานคนไทยคอยช่วยเหลือด้วย!!! ที่นี่พนักงานต้องพูดได้อย่างน้อย 3 ภาษาค่ะ งานหนักใช้ได้เลย (ถ้าคนไทยก็ต้องพูด ไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น) แล้วก็ยังมีพนักงานที่พูดจีน เกาหลี ได้อีกด้วยนะ

ว่าแล้วเราก็วิ่งเข้ารถไฟรอบแรก รอบประมาณ 7 โมงเศษๆ ซึ่งเป็นรถไฟที่ไม่ได้ระบุที่นั่ง แต่สภาพรถไฟคือดีมาก สะอาดสมเป็นญี่ปุ่น 

เราไปนิกโก้ ให้ขึ้นโบกี้ที่ 5-6 นะคะ และสิ่งที่ดีที่สุดในการโดยสารรถไฟคือ...

ข้าวกล่องรถไฟ!!!



นี่คือ Uchi suki yaki bento หรือ ข้าวกล่องสุกี้ยากี้เนื้อวัวนั่นเอง!!! (อ่านผิดขออภัย)

ราคาประมาณ 1200 เยนหรือไงเนี่ยค่ะ ซื้อที่ร้านค้าตรงสถานีรถไฟ หลังจากที่สอดบัตรเข้าชานชาลาแล้วนะ



แกะออกมาแล้วเป็นแบบนี้ค่ะ!! 

ข้างในกล่องจะมีผ้าเย็นเช็ดมือ ตะเกียบ ไม้จิ้มฟัน มาในเซตเลย 



ตัวอาหารจะไม่ได้อุ่นร้อนมานะคะ เป็นอาหารที่กลิ่นไม่แรง กินทั้งที่ไม่ร้อนแต่ก็ยังอร่อยค่ะ

ตัวเนื้อจะเป็นเนื้อสไลด์บางๆ ต้มกับหัวหอม น้ำซุปที่ใช้ต้มรสชาติดีมากๆ เนื้อไม่เหนียวเลยแถมเปื่อยกำลังดี วุ้นเส้นก็ไม่อืดเลยด้วยค่ะ มีไข่หวานแล้วก็โมจิงาดำที่กินแล้วเข้ากันดี เรียกว่าเป็นข้าวกล่องรถไฟที่รสชาติดี ราคาอร่อย คุ้มค่าและควรค่าแก่การลองชิม ราคา 1000 เยน 

หลังจากเดินทางราวๆ 2 ชม. เราก็ถึงสถานี Nikko ซึ่งอยู่สาย Tobu นั่นเอง..



ถึงแล้ววววว อากาศสดใสยิ่งนัก

เราเลือก pass สำหรับ 1 day เส้นทาง Nikko City Area Pass เน้นสถานที่สำคัญอย่างวัด สะพานแดง น้ำตก แนวๆ นั้นเพราะเวลาเราน้อย



รถบัสจะมาเรื่อยๆ ตามตารางเวลา ขึ้นให้ถูกคันนะคะ ป้ายมีบอกไว้ว่าเป็นสายไหนบ้าง



บนรถจะมีทั้งภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน รวมถึงตัวเลขของแต่ละป้ายด้วย ถือแผนที่ไว้ให้มั่น มาร์คจุดที่ตัวเองจะไปให้ดีๆ จะได้ไม่พลาดค่ะ

ตัว pass ที่ว่าไม่รวมค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ภายในนิกโก้นะ

ระหว่างทางก็....








นี่คือสะพานแดง หรือสะพานชินเกียว ค่ะ ยอดฮิตของนักท่องเที่ยวทั่วโลก




จุดถัดไปต้องนั่งรถขึ้นเขาไปไกลมากกกกกก

ระหว่างทางเราก็ยัง....



บนเขาลูกนี้ โปเกมอนเยอะเป็นพิเศษ จับไม่ถูกเลยค่ะ 55555 แต่ไม่ได้ลงนะ

เราจะไปลงที่...



เปล่าค่ะ เราไม่ได้เข้า Nikko National Science Museum

เราไปที่นี่ต่างหาก



เต้นท์ขายอาหารชั่วคราวนั่นเอง...

คืออย่างนี้ค่ะ ก่อนออกจากโฮสเทลนั้น เราไม่ได้เช็คพยากรณ์อากาศมาก่อนล่วงหน้า ไม่รู้ด้วยว่าต้องขึ้นเขา เราก็ว่าเอ๊ะ ทำไมพี่ๆ เค้าใส่เสื้อกันหนาจัง 

ก็นั่นแหล่ะค่ะ ไม่มีใครทักใคร ผลกรรมเลยมาตกอยู่ที่เราที่ไม่ยอมทำการบ้านมาเอง ไม่ได้เอาถุงมือหนาๆ มา ไม่ได้เอาเสื้อโค้ทมา มีแต่เสื้อกันหนาวบางๆ กับกางเกงที่มี heattech บางๆ (ซื้อแบบหนาเตรียมไว้แต่ไม่ได้ใช้)



โตเกียวราวๆ 15-25 องศา แล้วนี่อาไร๊!!!!

เสื้อเราใส่กันได้ราวๆ 15 องศาสูงสุด หนาวแทบจะแข็งตาย T_T แถมมีโอกาสที่หิมะจะตกด้วย ลมก็แรงมากๆ 

เต้นท์ขายอาหารช่วยกันลมได้บ้างแต่ก็ยังมีเล็ดลอดเข้ามาได้อยู่ดี ฮืออออออ

มาดูของที่ห้ามพลาดกันดีกว่า...



ปลาอายุย่างเกลือแบบญี่ปุ่น ตัวละ 600 เยน

ขอบอกว่า หน้าตาธรรมดาแบบนี้แต่อร่อยจนอยากเบิ้ลเลยจ้าาาาาาา เหมาะกับอากาศหนาวผีบ้าแบบนี้อย่างยิ่ง!!!

ร้านมีอาหารอย่างอื่นด้วยนะคะ แต่ไม่ได้ถ่ายมาลง แฮ่...

ณ จุดนี้ เราเจอชายหญิงคนไทยคู่นึง วิ่งมาหลบลมหนาวเหมือนเรา ได้ความว่าคืนนี้พวกเขาจะพักในนิกโก้นี่แหล่ะ และพยากรณ์ว่าหิมะจะตกด้วย 

ช่วงที่อยู่แถวนี้ เราเจอสองคนนี้บ่อยมากค่ะ เดินสวนกันไปมา 5555 หนาวสั่นกันไปหมด



ตรงหน้านี้คือ ลิฟต์เพื่อลงไปดูน้ำตก Keon (Keon falls) ค่ะ แต่เราไม่ได้ลงไปหรอกนะ



ด้านข้างของสถานีลิฟต์เมื่อกี้ มีทางเดินลงไปชมน้ำตกแบบไม่ต้องเสียเงินอยู่ด้วยค่ะ

แต่ความทรมานคือ...ลมแรงมากกกกกกกกกกกกกก หัวเหอไปหมด เค้าถึงกับทำลูกกรงปิดล้อม 3 ด้านเลยค่ะ ป้องกันการตกลงไปข้างล่าง 



มาหน้าหนาวก็จะได้วิวแบบนี้ไปเนอะ ใบไม้ร่วงหมดแล้ว แห้งๆ โล้นๆ แต่ก็สวยไปอีกแบบ

โชคดีที่ฟ้าใสสวย ถ่ายอะไรก็ดีไปหมด

เรายืนทรมาน ถ่ายรูปทั้งที่ถือสั่นเทาอยู่ราวๆ 15 นาทีก็รีบเดินกลับขึ้นมาเพื่อพบว่า...

หิมะตกจ้าาาาาาา T_T

เราก็ต้องพาร่างอันบอบบางและหนาวเหน็บกลับมาที่สถานีรอรถบัส โดนหิมะตีใส่หน้าเพี๊ยะๆๆๆๆๆ ช่างเจ็บปวดนัก



แต่งตัวเป็นเอสกิโม ไม่ไหวจะอยู่ต่อแล้วจ้าาาาาา

หลังจากยืนโง่อยู่ข้างตึกตั้งนาน เราถึงพบว่า มีห้องรอรถบัสอยู่พร้อมฮีตเตอร์อบอุ่นและเครื่องขายน้ำอัตโนมัติด้วย!!!! รอดตายแล้วววววว



ลางบอกเหตุ



ห้องน้ำ ส่วนทางซ้ายเป็นห้องรอรถบัส



สวรรค์มากกกกกกก สีแดง=ร้อน สีฟ้า=เย็น นะจ๊ะ



มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า ชานมนั้นอร่อยยิ่งนัก เราจึงต้องลอง!!! ก็อร่อยดีนะ ชาดำใส่นมแบบร้อน

หลังจากที่พักจนหายหนาวแล้ว การรอรถช่างน่าเบื่อ เราจึงซานซ่าออกไปข้างนอกต่อเพราะมีทะเลสาบอยู่ข้างหน้านี้เอง

เอาล่ะ ไหนๆ ก็ไหนๆ มาถึงที่นะ เราต้องไปค่ะ...



ทะเลสาบที่ดูจะมีกิจกรรมทางน้ำกัน แต่วันนี้คงไม่มีใครกล้าลงไปแน่ๆ ดูคลื่นนั่นสิเธอออออ



ยืนหลบหลังป้ายหินก็ไม่รอดห่ะ ลมแรงมาก แทบจะหอบเราปลิวไปตามลมด้วย



โทริอิยักษ์ที่หน้าทางเข้าเมือง ใกล้ๆ ป้ายหินที่เราหลบลมเมื่อกี้



กลับกันเถอะ T_T หิมะตกไม่หยุด และยังทำร้ายเราอย่างต่อเนื่อง (ลองดูตรงป้ายสีฟ้าค่ะ หิมะเป็นเส้นๆ)

มาถึงก็จัดอีกสักอย่างนึง



นี่คือ Pokka pokka lemon มันคือเลมอนผสมน้ำผึ้งแบบร้อน!!! 

หอม เปรี้ยวอมหวาน อุ่นๆ ได้วิตามินซีด้วย (เค้าว่างั้น) รสชาติดีค่ะ ดื่มได้ชิลๆ สำหรับคนที่ไม่ชอบชากาแฟ

แล้วเราก็มาที่สถานีถัดไปกันดีกว่า ลงมาด้านล่างแล้วค่อยอุ่นขึ้นมาหน่อย 

เราต้องลงมาที่สถานีหลักก่อนค่ะ เพราะทางมันคนละทางเลย ต้องหาอะไรกินด้วย 

มีเพื่อนแนะนำว่า ห้ามพลาดอาเกะยูบะมันจูที่อยู่ทางขวาของสถานีนิกโก้เด็ดขาด...จัดไปค่ะ





ร้านนี้นี่เอง...

คุณป้าเจ้าของร้านใจดีมากค่ะ ให้เราชิมมันจู หรือ ซาลาเปาทอดไส้ถั่วแดง แถมยังเอาชาเขียวร้อนมาเสิร์ฟอีกต่างหาก อร่อยมาก ชื่นใจมากกกกกก

เราเลยต้องอุดหนุนป้าสักนิด ชิ้นละ 200 เยน ถูกจะตาย



อร่อยเวอร์ กินตอนร้อนๆ ยิ่งฟิน ห้ามพลาดเด็ดขาด!!!

ส่วนพี่ๆ บอกให้มากินราเมนร้านนี้ค่ะ อยู่ไม่ห่างจากสถานีนิกโก้ เดินออกมาริมถนนแล้วเลี้ยวขวาไปราวๆ 500 เมตร อ่านชื่อร้านไม่ออก 

เอาจริงๆ นะ รสชาติเหมือนบะหมี่เกี๊ยวบ้านเรา เฉยมาก ไม่กินก็ไม่เสียดายค่ะ



แล้วก็ไปรอรถไปโซนวัดในนิกโก้กันดีกว่า...



วัดโทโชขุ นั่นเอง...

ช่วงที่เราไปก็ประมาณบ่ายสามโมง วัดวาเริ่มทยอยปิดกันแล้วค่ะ ก็ต้องทำเวลากันหน่อย





เจดีย์ห้าชั้น



ด้านใน ก่อนเข้าวัดต้องซื้อตั๋วด้วยนะคะ

ด้านในเป็นแบบนี้...







ของดีที่ต้องตามหาของที่นี่มี 3 อย่างค่ะ

อย่างแรก...ลิงสามตัว





โทริอิหิน



จุดล้างมือค่ะ



วัดด้านใน สามารถเข้าไปข้างในได้ด้วยนะคะ เดินไปทางขวาเพื่อถอดรองเท้าใส่ชั้นแล้วเดินเข้าไปได้เลย





ของอย่างที่ 2 แมวขาว ที่ซุ้มประตูทางขึ้นเขา



เนื่องจากเริ่มเย็นแล้วและเราก็ไม่อยากเดินขึ้นเขาเลยไม่ได้เดินไปต่อค่ะ กลับดีกว่า

เรายังมีตึกด้านข้างที่ต้องเข้าไปอีกซึ่งจุดนั้นมีสิ่งที่ต้องหาจุดที่ 3 คือ มังกรบนเพดานค่ะ

แต่เราถ่ายรูปไม่ได้ แถมบรรยายภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดอีก เหออออออ

คือเค้าพยายามจะบอกเราว่า เพดานที่มีรูปมังกรมันสั่นสะเทือนทุกครั้งที่เคาะระฆังไรงี้ค่ะ 

เราเองก็เด๋อๆ ด๋าๆ ไม่รู้เรื่อง ตอนเคาะระฆังก็ไม่ได้มอง แถมไม่เข้าใจว่ามังกรอยู่ตรงไหน มันสั่นยังไงอีกต่างหาก จบข่าว

เราเข้าไปรอบสุดท้ายพอดีแล้วก็โดนต้อนออกมาแบบงงๆ



ออกมาแล้วเดินไปทางขวา มีทางไปต่อ

จริงๆ เรามองหาป้ายรถบัสน่ะค่ะ ควรต้องกลับได้แล้ว



เดินมาเจอทางนี้อีก แต่ส่วนใหญ่ปิดหมดแล้ว (ปิดสี่โมงเย็น) เลยได้แต่ยืนมองข้างนอกเท่านั้น







ณ จุดรอรถบัสนั้น เราหันไปเห็นตู้กดน้ำหน้าตาแปลกๆ ดูล้ำยุคกว่าชาวบ้านประชาชี

มันคือตู้แบบใหม่ที่ใช้คู่กับแอปในสมาร์ทโฟนได้ค่ะ โดยเก็บแต้มไปเรื่อยๆ พอครบจำนวนจะได้น้ำฟรี 1 กระป๋อง โคดเจ๋งอ่ะ

ที่สำคัญ สามารถใช้บัตรพาสที่เป็นแบบเติมเงินเพื่อซื้อได้ด้วยนะ ใช้แตะที่ช่องขวาเหนือช่องหยอดเหรียญค่ะ แบบว่าพาสเยอะมากจริงๆ suica icoca อะไรก็ใช้ได้หมดเลย

ถึงไม่มีพาสก็ใช้เงินสดซื้อได้เหมือนกันค่ะ ส่วนตัวแล้วชอบเจ้าตู้นี้มากๆ เลย แล้วไม่ค่อยเจอที่ไหนด้วยแหล่ะ



ในที่สุดเราก็มาถึงสถานีนิกโก้แล้ว 



บ๊ายบายนะ ถ้ามีโอกาสจะกลับมาอีกแน่ๆ 

แล้วเราก็นั่งรถไฟกลับโตเกียวค่ะ สถานีอาซากุสะกัน...

อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้ เราคิดจะแวะโตเกียวสกายทรี จึงไปลงที่ Tokyo Skytree station ของสาย Tobu ซะเลย





ช่วงนี้ light up ทั่วเมือง สวยมากๆ ค่ะ



วันนี้เป็นวันที่หนาวเวอร์ค่ะ หนาวกว่าทุกวัน เรายืนสั่นกันตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อก็บางแต่ต้องไปพร้อมกัน ทรมานมาก



เจอคาเฟ่ชินจัง น่าจะเป็นร้านอาหารแนวครอบครัวนะ



เจอคาเฟ่อีเวนต์ของ Pikotaro PPAP เปิดถึงวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา แล้วก็จะเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นละ

เมนูก็จะเน้นสับปะรดกับแอปเปิ้ลล้วนๆ



ตื่นเต้นและดีใจมากกกกกกกกกกก แทบจะหยิบกลับบ้านทุกอย่าง แต่ไม่ซื้อเลยสักอย่าง orz



เสียดายมากที่ไม่เอามา ฮืออออออออ



เอาลง fb ทุกคนจะแบบ อยากได้ๆๆๆ ฝากซื้อๆๆๆๆ

คือกูแบกกลับให้พวกมึงไม่ไหวค่ะ อิหอย



ตอนแรกอยากขึ้น tokyo skytree มากกกก แต่พี่ๆ ไม่เอาด้วย เราเลยถอยค่ะ กลับก็ได้...

ไว้พาแฟนมาด้วยค่อยขึ้นละกัน น่าจะไม่เคว้งเหมือนตอนไปโอซาก้า 5555

คืนนี้เราฝากท้องไว้กับชั้นใต้ดินของห้างติดกับ Tokyo skytree ค่ะ

เป็นชั้นฟู้ดคอร์ด รวมไปถึงบู้ทอาหารเบนโตะทั้งหลายด้วย พอไปถึงหลังสองทุ่มก็เริ่มเอามา sale ราคาถูกๆ ละ

เราเลยไปจิ้มอันนี้มา... ข้าวหน้า(เศษ)ปลาไหลย่าง



รสชาติดีใช้ได้ ราคาไม่แพง 

แต่ไม่ใช่ทุกร้านจะดีนะคะ ต้องตาดีๆ เลือกกันเยอะๆ หน่อย เพราะมันก็คือของค้างจากตอนกลางวันนั่นแหล่ะ


ลาไปกับรูปนี้แล้วกันนะ...ผ้ากันเปื้อนและถุงเท้าเด็กที่ขายใน kiosk ของสถานีโทบุ อาซากุสะ



แล้วเจอกันใหม่ค่า ไปคาวากุจิโกะกัน




Create Date : 10 เมษายน 2560
Last Update : 16 เมษายน 2560 21:36:52 น.
Counter : 3043 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อัลปาก้าจัง
Location :
ราชบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]



สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่บล็อกของ Piyoko-chan !!


เจ้าของบล็อกชื่อ เป้ ค่ะ

แต่งหน้าก็พอไหว แต่งตัวไม่ได้เรื่อง(ในบางที)

ตอนนี้มีหมวดท่องเที่ยวแล้ว ความฝันอีกอย่างคือได้เที่ยวทั่วโลกค่ะ จะพยายามรีวิวให้ได้มากที่สุด รวมไปถึงทริคและเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างประเทศให้ได้ชมกันค่ะ


เอาเป็นว่า นั่งอ่านขำๆ ไปแล้วกันนะคะ ^^

ถูกใจบล็อก donate สมทบทุนค่าเดินทางในทริปต่อๆ ไปได้ที่นี่เลย..
https://www.paypal.me/yanisapae

ขอบคุณล่วงหน้าค่า