กันยายน 2555

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
21
22
23
25
26
28
29
 
 
24 กันยายน 2555
All Blog
เรือนไม้รายล้อม
“เรือนไม้ล้อม” คฤหาสน์โอ่อ่าโอ่งโถงสีขาวบริสุทธิ์ สถาปัตยกรรมยุโรปหลังใหญ่ไม่สมกับชื่อที่ตั้งไว้ว่าเป็นแค่”เรือน”ของตระกูล “มุขธาตรีกุล” ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางหมู่แมกไม้ใหญ่น้อยนานาพรรณที่พอจะเข้ากับชื่ออยู่บ้าง ด้วยความที่พื้นที่คฤหาสน์ตั้งอยู่แถบชานเมืองบวกกับตัวบ้านที่อยู่ห่างจากประตูรั้วเข้าไปหลายร้อยเมตร อีกทั้งยังปลูกต้นไม้ครึ้มรอบๆอีก บรรยากาศภายในบริเวณบ้านจึงเงียบสงบตัดขาดจากความอึกทึกวุ่นวายของโลกภายนอก
แต่หากใครรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคฤหาสน์งามหลังนี้และผู้คนที่อยู่อาศัยดี คงจะบอกได้ว่าใช้คำว่าเงียบสงบกับที่นี่ไม่ได้หรอก บรรยากาศอาจจะเงียบแต่มันไม่เคยสงบ หนำซ้ำวันดีคืนดีอาจจะไม่เงียบด้วย ถึงคฤหาสน์หลังนี้จะสร้างอยู่เหมือนต้องการซ่อนเร้นตัวตนจากภายนอก หากแต่ความรวยล้นฟ้า ไฮโซหรูหราผู้อยู่อาศัยและเรื่องราววุ่นวายชุลมุนภายในบ้านนั้น กลับเรียกร้องความสนใจให้แก่บุคคลภายนอกที่ย่อมอยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมดา ส่วนจะนำไปบอกกล่าวเล่าความหรือขยายเติมแต่งกันในวงสนทนาอย่างไรก็อีกเรื่องหนึ่ง
ซึ่งไอ้เรื่องตอกไข่ใส่สีที่ทำให้บรรดาผู้คนที่ป้องปากกระซิบกระซาบกันเวลาที่เธอเดินผ่านนี่แหละ ที่ทำให้มนตราแทบไมเกรนจะกินมาหลายรอบแล้ว
หญิงสาวร่างสูงเพรียววัยยี่สิบต้นๆ ย้อมผมสีแดงเพลิงดัดเป็นลอนยาวเกือบถึงบั้นเอว สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว กางเกงผ้าสีน้ำตาลเข้มนั่งมุ่ยหน้าคิ้วขมวดอยู่กับเอกสารสี่ห้าแผ่นมาพักใหญ่แล้ว สาเหตุไม่ใช่เพราะเอกสารไม่กี่แผ่นในมือหรอก แต่มันอยู่ที่ต้องออกไปเผชิญกับผู้คนที่พยายามสืบเรื่องครอบครัวเธอมากกว่าที่เธอจะได้เก็บข้อมูลในฐานะนักสืบสาวมือใหม่ต่างหากที่ทำให้เซ็งจัด เซ็งติดมาจนถึงตอนที่นั่งดูงานอยู่ที่ศาลาพักผ่อนใต้ต้นหูกวางหลังบ้าน
อันที่จริงมันก็ไม่แปลกหรอกถ้าจะมีคนสนใจเรื่องในบ้านของเธอ ในเมื่อพ่อเธอของเธอนั้น ได้ชื่อว่าเป็นผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเพียบพร้อมไปทุกอย่างทั้งรูปร่างหน้าตาและบุคลิกที่ยังคงตรึงตราผู้พบเห็นแม้จะอยู่ในวัยกลางคนแล้วก็ตาม ทรัพย์สินเงินทองและหน้าที่การงานที่เป็นถึงประธานบริษัทสินค้าสำเร็จรูปหลายอย่าง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักที่คนพูดถึงกัน คนหลายคนไม่เล่าสู่กันฟังเรื่องดีๆของคนอื่นหรอก ที่เล่ากันบ่อยๆคงหนีไม่พ้นที่พ่อของเธอมีภรรยาถึงสามคนในฐานะเท่าเทียมกันด้วย มันไม่ใช่เรื่องที่พบเห็นกันได้ง่ายๆ และถึงแม้ภรรยาคนหนึ่งจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่อีกสองคนก็ยังเชิดหน้าตีคู่กันชนิดไม่มีใครยอมใคร
............เนตรามารดาของเธอเป็นภรรยาคนที่สามของนายติวารักษ์ มุขธาตรีกุล

นายติวารักษ์บิดาของเธอเป็นบุตรคนเดียวของคุณปู่คุณย่าทีสืบเชื้อสายมาจากขุนนางและคหบดีเก่า จึงมีผู้คนนับหน้าถือตาและทรัพย์สินที่ดินอยู่มาก โดยเฉพาะคฤหาสน์หลังงามนามเรือนไม้ล้อมหลังนี้ ภรรยาคนแรกของเขาชื่อคุณราณีเป็นลูกสาวเศรษฐีร่ำรวยที่บิดาของมนตรายอมแต่งงานด้วยเพื่อพยุงฐานะที่เคยร่อแร่ ก่อนจะเสียชีวิตอย่างปริศนาในอุบัติเหตุหลังจากที่แต่งงานกันได้แค่สามปี โดนที่ไม่มีทายาทร่วมกัน คนต่อมาคือนิลประกายซึ่งเป็นคนรักเก่าของนายติวารักษ์ หากแต่ไปแต่งงานกับคนอื่นในตอนที่พ่อของเธอกำลังย่ำแย่ ก่อนจะกลับคืนดีกันอีกครั้งหลังแต่งงานกับภรรยาคนแรกได้สองปีและมีลูกสาวด้วยกันคนหนึ่งชื่อมายาหรือมายด์ และลูกสาวติดสามีเก่าซึ่งแยกรั้วอยู่กับบริเวณบ้านของเธอชื่อเกลียวชลหรือลูกคลื่น คนสุดท้ายก็มารดาของเธอนั่นแหละ บิดามารดาของเธอแต่งงานกันเพื่อยกระดับหน้าตาตระกูลที่นิลประกายไม่อาจมีให้ได้ แต่ถึงจะไม่ได้แต่งเพราะความรักก็เถอะ แต่มารดาของเธอก็มีลูกถึงสามคน ได้แก่ตัวเธอเองและมินตราพี่สาวฝาแฝด รวมทั้งทิวากรน้องชายในวัยสิบเจ็ดปี ......นี่แหละโดยประวัติของครอบครัวเธอ(อย่างย่อนะ)
มนตราถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย พยายามขับไล่เรื่องรกสมองออกไป ด้วยไม่อยากจะสนใจพวกปากหอยปากปูนักยกเว้นบางครั้งทีมันอดทนไม่ได้จริงๆ แต่ก็นั่นแหละทำสมาธิกับงานได้ไม่ถึงสิบนาทีความวุ่นวายก็ตามมาอีกจนได้
เสียงบีบแตรรถยาวเหยียดดังสนั่นลั่นบ้านสร้างความกระวนกระวายให้บรรดาคนงานได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะตาผันที่ปกติต้องจะมาเปิดประตูรั้วและเอารถไปเก็บแต่ดันลืมจึงลุกลี้ลุกลนแถมพอจะวิ่งดันก้าวขาไม่ออกอีก มนตราจึงต้องออกไปจัดการกับต้นเสียงที่ทำเธอรำคาญเหมือนกัน
“พอแล้ว หนวกหู” ว่าไม่ว่าเปล่ามนตราเอามือวางพาดบนพวงมาลัยรถเพื่อกันไม่ให้พี่สาวฝาแฝดกดแตรได้ด้วย มินตรามองหน้าน้องสาวอย่างหงุดหงิด ขณะที่เด็กน้อยฝาแฝดชายหญิงวัยสี่ขวบที่เมื่อสักครู่เอามืออุดหูเอามือออก ก่อนมองหน้ากันเหมือนจะปรึกษาว่าควรยกมือไหว้น้ามนต์หรือไม่ในเวลาที่แม่มิ้นต์กำลังอารมณ์ไม่ดีแบบนี้
มนตรายิ้มบางๆให้หลานทั้งสองขณะที่แฝดพี่สาวจ้องเธออย่างเอาเรื่อง
“ยุ่งอะไรด้วย!! ชั้นจะให้ตาผันเอารถไปเก็บ ดูซิประตงประตูก็ไม่รู้จักมาเปิด”
“รีโมทก็มีเปิดเองได้ไม่ใช่เหรอ รถก็เอาไปเก็บเองก็ได้”
“แล้วจะจ้างตาผันไว้ทำไม ถ้าทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง” น้ำเสียงไม่ทุกข์ไม่ร้อนของมนตราทำให้มินตรากระแทกเสียงกลับอย่างหงุดหงิดขึ้นไปอีก แต่เสียงที่ตอบกลับยังเป็นเสียงนิ่งตามเดิม
“คุณปู่จ้างตาผันมาทำสวน”
“แต่แก่ขนาดนี้ทำสวนไม่ไหวแล้ว คุณปู่ก็เลยให้หยุดมาทำงานเบาๆแทนก็ยังทำไม่ได้”มินตราสวนกลับทันควัน
“ความจริงคุณปู่บอกว่าไม่ต้องทำงานก็ได้ จะให้อยู่บ้านนี้ต่อเรื่อยๆเพราะทำงานกันมานาน ญาติที่ไหนแกก็ไม่มี แต่ตาผันแกขอทำเองเพราะไม่อยากอยู่เฉยๆ แต่แกแก่แล้วก็เลยหลงๆลืมๆไปบ้าง” มนตราแก้ให้
“งั้นก็ไม่รู้จะขอทำอีกทำไม เค้าให้อยู่เฉยๆก็อยู่เฉยๆไปสิ” มินตรายังคงบ่นต่อแต่น้ำเสียงอ่อนลง ด้วยนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ควรจะมาเถียงกันด้วยเรื่องคนสวนคนเปิดประตูแบบนี้ ทั้งที่ปกติคนบ้านนี้ก็มีเรื่องขัดเคืองใจให้ต้องงัดข้อโต้เถียงกันอยู่บ่อยครั้ง บวกกับตาผันที่ตอนนี้เดินมาที่รถแล้ว มินตราจึงยอมยุติเปิดประตูลงจากรถ ลูกฝาแฝดของเธอก็เปิดประตูด้านหลังลงมาคนละข้าง ก่อนจะยกมือไหว้มนตราที่รับไหว้และยิ้มให้อย่างเอ็นดู
“แซม ซินดี้ เข้าบ้านลูก” เด็กน้อยทั้งสองเข้าไปฉวยข้อมือมินตราคนละข้าง กึ่งวิ่งกึ่งจูงมารดาเข้าไปในตัวบ้าน มินตรามองตามหลังพี่สาว ผมซอยสั้นเฉี่ยวสีดำเงาวับตามแบบฉบับนักออกแบบเสื้อผ้าสาวมั่นผู้นำเทรนทอประกายล้อกับแสงแดด แม้ปกติจะอารมณ์ขึ้นๆลงๆแต่มินตราก็เก็บอารมณ์ได้ดีกับลูกของเธอเสมอ



Create Date : 24 กันยายน 2555
Last Update : 27 กันยายน 2555 2:23:40 น.
Counter : 1054 Pageviews.

2 comments
  
มนตรา มินตรา กับคฤหาสน์ต้องมนต์ ^^ รออ่านตอนต่อไปนะคะ
โดย: aunty_reedsi วันที่: 25 กันยายน 2555 เวลา:21:22:44 น.
  
มาขออ่านด้วยคน คับ
โดย: ctanta วันที่: 26 กันยายน 2555 เวลา:1:36:17 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ซากดาว
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ด้านบนของblog นี้จะเขียนอะไรที่อยากเขียนค่ะ
ถ้าอยากดูที่มีสาระเลื่อนลงมาดูข้างล่างได้
จะคั่นไว้ให้นะค่ะ

บางส่วนที่เขียนอาจยาวไปหรืออกทะเลบ้างซึ่งไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องนั้น ส่วนหนึ่งเพื่อใช้เป็นบันทึกความทรงจำของตัวเองค่ะ