ชีวิตมีความสุข จริงรึเปล่า?
วันนี้คิดขึ้นมาได้ขณะขับรถ ว่าช่วงนี้ช่างมีความสุขจริง พยายามนึกให้ออกว่าทำไมมีความสุข?
คงเป็นเพราะเดือนนี้มีตังเก็บแล้วล่ะมั้ง เป็นเดือนแรกของการมาอยู่ที่นี่ ที่ไม่ต้องใช้เงินเดือนชนเดือน.. ทำเท่าไหร่ก็เก็บเท่านั้นเลย
เพราะที่ผ่านมาฉันต้องส่งเงินกลับบ้านประมาณครึ่งนึงของรายได้ทุกเดือน บางเดือนก็ไม่สบายมั่ง ไปเที่ยวต่างเมืองมั่ง ทำให้ทำงานได้ไม่เต็มที่ ได้ตังเยอะแค่ไหน ก็ใช้เกือบหมด
เดือนนี้ฉันรู้สึก secure ที่สุดเท่าที่เคยเป็นมาในชีวิต ฮืม...ใครที่บ้านไม่เป็นหนี้แบบฉันอาจจะไม่เข้าใจ ว่าความเครียดที่เกิดจากการหาเงินมาหมุนให้ทันแสนบาทใน สองวันเป็นยังไง
ฉันไม่เคยมีเงินเก็บหลังจากเรียนจบ..เพราะฉันเริ่มกระโดดเข้าไปรับภาระของที่บ้านเกือบทันทีที่เรียนจบ
ฉันไม่เคยมีตังเหลือ ..อาจเป็นเพราะฉันใช้จ่ายไม่เป็นเองก็ได้ หรือว่า รายได้ที่เมืองไทยมันไม่พอที่ฉันจ่าย..ไม่แน่ใจเหมือนกัน
เหตุผลหลักที่ฉันมาที่นี่ ก็หาตังส่งกลับบ้าน.. เป้าหมายต่อไปคือเก็บเงินก้อนไว้ลงทุนเมื่อกลับเมืองไทย หนึ่งปีที่ผ่านมาฉันล้มลุกคลุกคลานกะการค้นหาวิถีทาง และงานที่จะทำให้มีรายได้เพียงพอต่อการส่งกลับบ้าน และเก็บเป็นทุน
เดือนนี้ฉันเริ่มทำได้ดีแล้ว และรู้สึกภูมิใจในตัวเองอย่างบอกไม่ถูก
ถามว่ามีความสุขจริงมั้ย...ฉันก็ตอบได้แน่นอนว่าเป็นความสุขจริง ที่มีความหวั่นกลัวอยุ่ในใจอยู่เสมอ ว่าฉันจะมีความสุขอย่างนี้ได้อีกนานเท่าไหร่กัน
ฉันทำงานเป็นเงินสด ทุกวันหอบตังกลับบ้านเป็นฟ่อน จนฉันเริ่มกลัวว่าทำไมฉันถึงมีตังเยอะขนาดนี้ล่ะ
ไม่ได้พูดเพื่ออวดเลยนะ แต่ฉันเล่าให้เธอฟังเพราะว่า ฉันตกใจในสิ่งที่เป็นไปอยู่นี่ ... ฉันหาเงินได้เยอะกว่าที่คาดคิด ฉันรู้สึกผิด ที่ฉันหาตังได้เยอะ ..ประหลาดไหม
พ่อฉันเคยพูดกับฉันว่า...บางทีที่พ่อจน เป็นเพราะพ่อกลัวที่จะเป็นคนรวย.. ฉันเคยปรามาสคำพูดของพ่อในใจว่า..มันคือคำแก้ตัวของคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจต่างหาก
แต่วันนี้..ที่ฉันมีตังกลับบ้านวันละเยอะๆ....เงินในบัญชีธนาคารพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ แม้มันจะไม่เยอะสำหรับเศรษฐีที่มีเงินเป็นล้านๆ แต่สำหรับฉัน มันทำให้ ฉันรู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้
อาจจะเป็นเพราะ ฉันฟังเทปธรรมมะของสันติอโศกมาแต่เด็ก ในสมองของฉันมีลอจิคเรื่องการสละและไม่สะสมเป็นพื้นฐาน...แต่มันต้องเปลี่ยนไป เพราะบ้านฉันมีมูลหนี้เยอะเกินกว่าที่ฉันจะทำตัวสมถะได้
มันทำให้ฉันต้องกระเสือกกระสนจากบ้านมาอยู่ที่นี่ หาตังที่นี่ กับอาชีพที่ถ้าฉันอยู่เมืองไทย ฉันก็คงไม่ทำ
ปัญหาคือ ฉันรู้สึกดี ชีวิตเรื่อยๆ แต่เวิ้งว้าง ว่างเปล่า ฉันคิดว่า ช่วงเวลาชีวิตที่ผ่านมา ฉันมัวแต่ยุ่งกะการหาเลี้ยงปากท้องและ ครอบครัว ...สมองทำงานหนักอยู่ตลอดเวลากะการหาเงินๆๆ
ตอนนี้.....ฉันอยู่ในเมืองที่อากาศดี 24-29 องศาตลอดปี ไม่ร้อน ไม่หนาว ไม่มียุง บ้านที่ฉันอยู่ไม่แพงมาก เล็กๆ การเรียนก็เรื่อยๆ สนุกสนาน มีรูมเมทดี มีเพื่อนดีๆ มีลูกค้าดีๆ
ฉันอยู่ที่นี่อย่างถูกกหมาย ทำงานไปเรื่อยๆ เก็บเงินๆ และใช้ชีวิต สบายๆ ฉันไม่ช๊อปปิ้งเสื้อผ้า ไม่ไปเที่ยวเธค มีแต่ขับรถไปถ่ายรูป กะ ไปบีช บ้างบางเวลาเท่านั้น
...............ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าฉันรู้สึกเวิ้งว้างเพราะอะไร................
ป้าฉันที่เป้นซิติเซ่นที่นี่ เคยบอกฉันเมื่อนานมาแล้วว่า ชีวิตในเมกา เป็นชีวิตที่ดี แต่ไม่มีวิญญาณ ตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกว่าที่ป้าพูดมา..ช่างตรงอะไรอย่างนี้
แต่ฉันไม่คิดถึงเมืองไทยเลย...พูดจริงๆ มาปีกว่า ยังไม่เคยโฮมซิกเลยซักครั้ง มีแค่รู้สึกเป็นห่วงพ่อแม่บ้าง คิดถึงเพื่อนๆนิดหน่อย แต่เราก็คุยกันทั้งในบล็อกในเอ็มเกือบทุกวันแล้วนิ่
ฉันไม่กังวลว่าต้องมีแฟน ฉันไม่ค่อยสนใจสังคม ใช้ชีวิตกะการทำงาน รูมเมท เพื่อนสองสามคนเท่านั้นเอง..
ฉันไม่ต้องการบ้านหลังใหญ่หรูหรา รถราคาแพง หรืออาชีพการงานที่มั่นคง มีรายเป็นล้าน ฉันต้องการแค่ขยับฐานะ จากต่ำกว่าศูนย์ขึ้นมาสูงกว่าศูนย์นิดหน่อย เท่านั้นเอง
แต่ทำไมในความรู้สึกสงบเป็นสุขของฉัน ฉันยังรุ้สึกโหยหาบางอย่างลึกๆ หรือฉันอาจจะต้องการแค่แมวซักตัวมาอยู่ด้วย..รึเปล่านะ??
ไปเที่ยวบีชมา วันนี้
Create Date : 06 กันยายน 2548 |
Last Update : 6 กันยายน 2548 19:18:59 น. |
|
17 comments
|
Counter : 522 Pageviews. |
|
|
|
... สวัสดีค่ะ นุชแวะเข้ามาทักทายค่ะ ...