กรกฏาคม 2560

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
::บันทึกการเดินทาง:: Hello Osaka! It’s a rainy day


::บันทึกการเดินทาง:: Hello Osaka! It’s a rainy day



อาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยสะสมตั้งแต่วันแรกที่เดินทางมาถึง Osaka วันต่อๆ มาก็ต้องเดิน เดิน เดิน และเดิน แถมยังใช้พลังงานทั้งหมดไปกับ Universal Studio Japan แล้ว จากเดิมที่ตั้งใจจะตื่น 7 โมงเพื่อไปปราสาทโอซาก้า ปรากฎว่าก็ตื่นขึ้นมาตามที่ตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้นั่นแหละ...แต่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าฝนตก ทั้งสี่คนก็เลยทิ้งตัวลงนอนกันต่อ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกทีตอน 10 โมงตรง โถ...ชีวิต นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าแม้หัวใจจะยังเด็กแค่ไหนก็ไม่สามารถจะรั้งสังขารได้จริงๆ


กว่าจะอาบน้ำ แต่งตัว ทำอาหาร กินข้าวเช้ากันเสร็จก็บ่ายโมงกว่าๆ จริงๆตอนนั้นฝนก็ยังไม่หยุดหรอก แต่ดูพยากรณ์อาการแล้วคิดว่าถ้านั่งรอให้ฝนหยุดวันนี้ก็อาจจะไม่ได้ไปไหนกันเลย โชคดีที่ที่พักมีร่มไว้ให้ก็เลยไม่ลำบากกันมากนัก แต่โชคร้ายเพราะฝนตกเนี่ยแหละ ผมที่อุตส่าห์เสียเวลานั่งม้วนมาก็พากันทิ้งตัวเหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เปลืองไฟจริงๆ...



เพิ่งจะสังเกตว่าหน้าที่พักมีต้นไม้อยู่ไม่กี่ต้นที่เปลี่ยนสี เหลืองๆ ส้มๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นแดง ไหนๆ ก็ตั้งใจมาช่วงใบไม้ร่วง ก็เลยแชะภาพเก็บไว้เป็นบันทึกการเดินทางว่า 'เฮ้ย! ที่เรามาน่ะ มันช่วงใบไม้ร่วงจริงๆ นะแกรรร'



จากสถานี Shin-Osaka ไปเปลี่ยนขบวนที่สถานี Hommachi ไม่นานก็ถึงสถานี Mirinomiya และออกมาโผล่ที่สวนที่ติดกับปราสาทเลย ฝนก็หยุดตกพอดีในเวลาบ่ายสองนิดๆ เราต้องเดินผ่านสวนไปค่อนข้างไกลอยู่เหมือนกัน แต่นี่ก็เดินไป ถ่ายรูปไป จนลืมว่าเราต้องเดินไปปราสาทโอซาก้ากันนะ! 




แม้ว่าจะยังไม่ถึงช่วงที่ใบไม้สีแดงแบบพีค แต่ก็เห็นต้นไม้แต่ละต้นเริ่มเปลี่ยนสีกันแล้ว ถ้าได้มาช่วงที่พีคมันคงจะสวยมากๆ แต่เดินไปก็เริ่มเหนื่อย ขาเริ่มล้า พอเห็นยอดปราสาทอยู่ลิบๆ แล้วก็ตื่นเต้น ไม่รู้ตื่นเต้นอะไรเหมือนกัน งงตัวเอง 


เดินไปจนถึงทางขึ้นปราสาทแวะถ่ายรูปกันไปตลอดทาง แต่พี่รถเมล์กับแสตมป์ก็ยอมแพ้ ขอรออยู่ด้านล่าง เหลือแค่นุ้ยกับพี่บัวที่จับมือกันตะกายขึ้นไป ถ่ายรูปข้างบน



เราถือคติถ้ามาถึงโอซาก้าแล้วไม่ได้ถ่ายรูปกับปราสาทโอซาก้าก็ถือว่ายังมาไม่ถึง น่าเสียดายที่ไม่ได้เข้าไปด้านในเพราะใกล้ถึงเวลาปิดเต็มที ก็เลยถ่ายรูปอยู่แค่ด้านนอก 



ปราสาทโอซาก้า หรือ Osaka-Jo มีทั้งหมด 8 ชั้น สามารถซื้อบัตรด้านหน้าเพื่อขึ้นลิฟท์ไปชมวิวเมืองโอซาก้าบนยอดปราสาทได้ ค่าเข้าคนละ 600¥ ซึ่งเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. 

ส่วนรอบปราสาทก็มีร้านค้าขายของที่ระลึก และอาหาร แน่นอนว่าเราก็ไม่พลาดกิน Takoyaki กันอีกแล้ว รวมถึง Warabimochi ด้วย ตั้งแต่มาญี่ปุ่นก็เพิ่งจะได้กินนี่แหละ แต่ความจริงแล้วมันก็มีขายอยู่ใน Family Mart แต่ตาถั่วหาไม่เจอเองแหละ




ออกจาก Osaka-Jo ตอน 5 โมงกว่าๆ ฟ้าก็เริ่มมืดลงอีกครั้ง พอได้มาเที่ยวช่วงอากาศเย็นๆ ฟ้าก็มืดเร็วมาก รู้สึกว่ายังใช้เวลาไม่คุ้ม ซึ่งเรื่องนี้ควรโทษตัวเองที่แต่ละวันกว่าจะแซะกันออกมาจากที่นอนได้ก็สายโด่ง


จาก Osaka-Jo เราก็มุ่งหน้ากันไปหาอะไรกินกันก่อนที่ตลาด Kuromon Ichiba ที่สถานี Nippombashi ซึ่งตลาดแห่งนี้ถูกขนานนามว่าเป็นครัวแห่งโอซาก้า มีของสดขายเยอะมาก รวมถึงพวกผลไม้ต่างๆ ราคาก็ค่อนข้างถูกด้วย ยิ่งตอนตลาดใกล้ปิดของก็ยิ่งถูกลงไปอีก ในใจปักธงว่าอยากกินซูชิหรือซาซิมิอะไรแบบนี้ ซึ่งแต่ละร้านที่ผ่านมาก่อนๆ หน้านี้ดูลักษณะแล้วถ้าเข้าไปฝากท้องไว้คาดว่าคงต้องล้มละลายกันกลับมาแน่นอน แต่ในร้านที่ตลาด Kuromon Ichiba เราสามารถยืนจิ้มเลือกปลา หรือวัตถุดิบมาแล้วคุณเจ้าของร้านก็จะเอาไปทำให้กินแบบสดๆ ได้เลย รอบนี้นุ้ย พี่รถเมล์ และพี่แสตมป์ก็เลยฝากท้องไว้กับแซลมอนดงจ้า ส่วนแสตมป์แยกตัวไปหาเนื้อวากิวมากระแทกปากแทน 




นอกจากจะมีโซนขายของสดแล้ว ที่ตลาด Kuromon Ichiba ก็ยังมีร้านขายของทั่วไป ทั้งขนมแปลกๆ ที่น่าซื้อไปเป็นของฝาก และร้านขายของมือสอง ซึ่งพี่รถเมล์ก็ได้เสื้อโค้ทมือสองมาในราคาแค่ 1,500¥ เท่านั้นเอง



อิ่มท้องแล้วก็พร้อมที่จะไปเดิน Den-Den Town ซึ่งเป็นแหล่งขายของฟิกเกอร์จากอนิเมะเรื่องต่างๆ ถ้าเปรียบเทียบกันก็คงจะคล้ายๆย่าน Akihabara ของ Tokyo ก็ได้แหละมั้ง สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาเพราะฝนเทลงมาอีกครั้ง แล้วรอบนี้ก็หนักด้วย รองเท้าถึงขั้นเปียกชุ่ม พี่บัวเลยแวะซื้อรองเท้าใหม่แล้วค่อยไปต่อ ตอนแรกก็คิดว่า Den-Den Town คงจะเป็นตึกล่ะมั้ง เพราะเปิด Google map แล้วก็ดูงงๆ ที่ไหนได้ Den-Den Town คือย่านที่เราเดินกันมานั่นแหละ ทั้งเวิ้งเลย โอ้โห...ละลานตา เดินจนปวดหลัง เข้าร้านโน้น ทะลุออกร้านนี้ ตู้กาชาปองคือเยอะมาก ตั้งเป็นกำแพงเลยจ้า แต่เท่าที่ดูก็ไม่มีอันไหนน่าสนใจเลย ดีค่ะ ชีวิตจะได้ไม่พัง





สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกันออกมาสักคน คราวนี้ก็ได้เวลาช็อปปิ้งซื้อของให้ตัวเองแล้ว เนื่องจากคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่อยู่ Osaka เรา 4 คนจะบินกลับในวันรุ่งขึ้น ไฟล์ทบิน 16.50 น. ครึ่งวันเช้ายังพอมีเวลาซื้อของรอบเก็บตก เพราะฉะนั้นคืนนี้จะต้องจัดการซื้อของและจัดกระเป๋าให้เสร็จ ซึ่งของฝากทุกสิ่งทุกอย่างเราจะไปสอยกันที่ร้าน Don Quijote สาขา Dontoburi และหากช็อปเกิน 5,000¥ เราสามารถทำ Tax Free ได้ 8% จ้า


2 ชั่วโมงผ่านไป กว่าจะรู้ตัวทุกคนก็ถือของกันเต็มสองมือ ตอนซื้อของก็ไม่เมื่อยหรอก แต่พอออกมาจากร้านนี่เหมือนปิดสวิตช์เลยจ้า อยากจะทิ้งตัวลงเตียงให้เร็วที่สุด ช็อปกันเพลินจนลืมดูเวลา มองนาฬิกาอีกที อีก 3 นาทีเที่ยงคืน โอ้โห...เหมือนฟ้าถล่ม ทุกคนยึดของในมือให้มั่นแล้ววิ่งลงรถไฟ โชคดีที่ทันรถไฟเที่ยวสุดท้าย และไม่ต้องไปเปลี่ยนสถานี ไม่อย่างนั้นเราคงต้องโกยเงินที่เหลือทั้งหมดมาจ่ายค่าแท็กซี่ก็ได้


ด้วยความที่เป็นคืนสุดท้ายในโอซาก้า และตอนนี้แต่ละคนมีเหรียญเหลือเยอะมาก เราเลยรวมเงินเพื่อซื้อของกินสำหรับปาร์ตี้คืนนี้ในระหว่างที่แพ็คของลงกระเป๋า เพราะคาดว่ามันต้องยาวไกลแน่นอน เรายังคงฝากท้องไว้กับ Family Mart และ Lawson 100 เช่นเดิม เพิ่มเติมคือเฟรนฟรายส์จากมาคุโดนัลรุโดะ...ก็แมคโดนัลด์แหละค่ะ แล้วก็คว้าเบียร์คนละกระป๋อง กว่าจะจัดของ ยัดทุกอย่างลงกระเป๋าเสร็จก็ปาเข้าไปตี 5.... คัมปายยยยยย



จากแพลนเดิมที่ว่าจะไปฝากกระเป๋าที่สนามบินคันไซตอน 9 โมง แล้วนั่งรถบัสไปช็อปปิ้งที่ Outlet ต่อเป็นอันต้องยกเลิก เพราะดูแล้วแต่ละคนตื่นไม่ไหวแน่นอน ก็เลยตกลงกันใหม่ว่าไหนๆ ก็ไป Outlet ไม่ไหวแน่นอนแล้ว เพราะฉะนั้นหลังจากเช็คเอ้าท์ตอน 10 โมง เราจะเอากระเป๋าไปฝากที่ตู้อัตโนมัติในสถานี Shin-Osaka แล้วนั่งรถไฟไปช็อปปิ้ง เก็บตกทุกอย่างที่เหลือกันที่ Dotonburi แล้วกลับมาเอากระเป๋าเพื่อขึ้นรถไฟไปสนามบินไม่เกินบ่ายสอง เพราะต้องเช็คอินก่อน 4 โมงเย็น แต่ทุกอย่างมันก็ไม่มีอะไรแน่นอน.....




Create Date : 23 กรกฎาคม 2560
Last Update : 23 กรกฎาคม 2560 22:42:53 น.
Counter : 628 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมีน้อยพุงพลุ้ย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]