สิงหาคม 2560

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
16
17
19
20
21
22
23
24
25
26
29
30
31
 
 
All Blog
ไปโตเกียว...เดี๋ยวก็กลับ - ตอนที่ 2 แวะเที่ยวคาเฟ่นกฮูก (+คาเฟ่แมว)




ไปโตเกียว...เดี๋ยวก็กลับ

ตอนที่ 2 แวะเที่ยวคาเฟ่นกฮูก (+คาเฟ่แมว)


จำได้ว่าก่อนหน้านี้ตอนกำลังเดินเลือกร้านอาหารสำหรับมื้อเย็น เราเดินผ่านคาเฟ่นกฮูก และเจอสาวใส่ชุดเมดมายืนอยู่หน้าทางขึ้นร้านพร้อมกับน้องฮูกตัวเล็กที่เราสองคนสงสัยว่าของจริงหรือต้องใส่ถ่าน พอกินข้าวกันเสร็จก็เลยเดินย้อนกลับไปทางเดิมเพื่ออ่านรายละเอียด แต่พอไปถึงก็ไม่เจออาเจ้ชุดเมดคนนั้นแล้ว เหลือแต่ป้ายตั้งโดดเดี่ยวอยู่หน้าทางขึ้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหมดเวลางานของสาวเมดคนนั้นหรือเป็นช่วงเวลาพักพอดี พอไม่มีใครมายืนเชียร์หรือให้คำแนะนำเลยทำให้เราลังเลว่าจะขึ้นไปดีมั้ย มันยังเปิดอยู่รึเปล่า แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจเข้าไปใช้บริการ




คาเฟ่แห่งนี้มีชื่อว่า Auru no Mori 「アウルの森」 (Owl Café - Forest of Owl) สาขา Asakusa จริงๆ เพิ่งมารู้ทีหลังว่ามีอีกสาขาอยู่ที่ย่าน Akihabara ด้วย ค่าเข้าราคา 890¥ สำหรับผู้ใหญ่ และราคา 540¥ สำหรับเด็ก รวม Vat แล้วเรียบร้อย ไม่จำกัดเวลา มีเครื่องดื่มให้ 1 แก้ว และสามารถลูบคลำน้องฮูกได้เต็มที่ เปิดตั้งแต่ 10​.00 - 20.00 น. ตั้งแต่วันจันทร์ - วันอาทิตย์ จะรอช้าทำไม จัดไปค่าาาา...




ร้าน Auru no Mori 「アウルの森」 เปิดบริการเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน 2015 พิกัดตั้งอยู่บนชั้น 2 ทางขึ้นเป็นบันไดเล็กๆ ความรู้สึกเหมือนกำลังมุดเข้าถ้ำ ระหว่างเดินขึ้นไปก็จะได้ยินเสียงแหกปากร้องของน้องฮูกเป็นระยะๆ และพอเปิดประตู้เข้าไปเท่านั้นแหละ ความรู้สึกเหมือน Into the wood อ่ะ เถาวัลย์ (ปลอม) ห้อยเต็มเพดาน แถมร้านก็ค่อนข้างมืด เดินไปก็ระแวงไปว่าจะมีงูเลื้อยออกมามั้ย ทันที่คุณ Staff เห็นเราเดินเข้าร้านมานางก็รีบมาต้อนรับพร้อมน้องฮูกตัวเล็กบนเค้าเตอร์ น่าจะเป็นตัวเดียวกับที่เราเห็นอยู่กับเมดสาวตอนเดินผ่านครั้งแรก และสรุปได้ว่าเป็นของจริง ไม่ได้ใส่ถ่านจ้า 






หลังจากทำการจ่ายเงินค่าบริการเรียบร้อย Staff ก็ให้ล้างมือด้วยเจล และแนะนำว่าสัตว์ต่างๆ ส่วนใหญ่จะสามารถจับและลูบคลำได้ตามใจชอบ โดยวิธีการจับคือต้องใช้หลังมือลูบหัว อย่าทำท่าทีคุกคาม เพราะฮูกไม่ชอบ จับได้ทุกตัวยกเว้นตัวที่ปักป้ายเตือนเอาไว้ เพราะนางดุ ถ้าจับไม่ดูตาม้าตาเรืออาจจะนิ้วด้วนได้






นกฮูกที่นี่มีหลายสายพันธุ์มาก ไม่ว่าจะเป็น Eurasian Eagle Owl, Western Screech Owl, Great Horned Owl และอีกเยอะแยะมากมาย นี่ไม่ได้มีความรู้มาก่อนนะ เพิ่งเสิร์ทจาก Google มาเมื่อกี้เหมือนกัน ฮาาาา แต่บางตัวก็เคยผ่านตาจาก อนิเมชั่นเรื่อง Legend of the Guardians: The Owls of Ga'Hoole อยู่นะ 







น้องฮูกบางตัวก็ใจดีให้ Selfie ด้วย แต่จริงๆ ในใจก็แอบหวั่นว่านางจะหันมาจกตามั้ย ส่วนด้านในสุดก็มีที่นั่ง จัดเป็นโซนให้ถ่ายรูปคู่กับน้องฮูกด้วย แต่นางหลับค่ะ ก็ถ่ายมันทั้งหลับๆ เนี่ยแหละ





นอกจากนี้ยังมีนกแก้วตัวใหญ่เบิ้ม ถ้าหากว่าพูดทักทายก็จะตอบคนนิจะวะกลับมาอีกด้วย น้องฮูกที่นี่มีชื่อทุกตัว แต่ป้ายชื่อนางเป็นภาษาญี่ปุ่นตัวคาตาคานะ อ่านไม่ออก...ผ่านค่ะ เรียกน้องฮูกเหมือนเดิมนี่แหละ




ระหว่างที่เดินทักทายบรรดาน้องฮูกและน้องแก้วไปตามทาง ก็ยังมีตัวนาก 3 ตัว อยู่ในคอก มีรูเอาไว้ให้นางได้ยืนมือมาทัชด้วย แต่ห้ามยื่นนิ้วเข้าไป เนื่องจากได้จะได้เลือดกลับออกมา ตอนแรกก็ดูน่ารักดี พวกนางพยายามจะแย่งกันนอนในตระกร้า แต่ดูไปดูมาเริ่มไม่ใช่ละ เพราะทั้ง 3 ตัวเนี่ยเริ่มนัวเนียกัน มีการกลับหัวกลับหางแล้วโลมเลียกันด้วย แถมยังส่งเสียงร้องอย่างสุขสมออกมาอีก นี่ไม่ได้มโนนะ ประเด็นคือมันเป็นตัวผู้ทั้ง 3 ตัวเลยจ้า นั่งดูมัน 3P กันจนต้องสถบออกมาว่า “นังสัตว์คาวโลกีย์”





ระหว่างที่นั่งดูนาก 3 ตัว กำลังสุขสมอารมณ์หมายอยู่นั้น น้องเมียร์แคชฝั่งตรงข้ามก็พยายามยืดตัวส่องสุดฤทธิ์ โถ..น่าสงสาร นางไม่มีคู่





จริงๆ ยังมีสัตว์อีกหลายอย่าง ทั้งเม่นแคระที่ Staff กำลังทำความสะอาดกรงให้ก็เลยย้ายเข้ากล่องไปก่อน ส่วนคุณเต่าก็ตัวบิ๊กเบิ้มนอนนิ่งอยู่เฉยๆ คาดว่าน่าจะหลับอยู่ กรงอีกัวน่ามีอยู่ 1 ตัวถ้วน แต่เรากลัวก็เลยเดินผ่านไป นอกจากนี้รู้สึกจะมี Fennex Fox ให้อุ้มเล่นด้วย แต่ตอนที่ไปอาจจะใกล้เวลาปิดร้านแล้ว เลยอาจจะไปพักผ่อนกัน ขนาดน้องฮูกยังหลับใส่เลย

อ่อ..ส่วนเครื่องดื่มที่บอกว่าฟรี 1 แก้ว ตอนแรกก็นึกว่าจะมีเมนูให้สั่งอะไรแบบนี้เหมือนคาเฟ่สัตว์ในบ้านเรา ตัดภาพไปที่...ค่ะ มีให้สั่งจริง แต่เป็นสั่งจาก vending machine อ่ะค่ะ กดเอง บริการตัวเอง ส่วนเราเพิ่งออกมาจากร้านอาหาร ไม่หิวน้ำแต่หิวข้าวจ้า บอกแล้วว่าซูชิมื้อนี้ไม่กระเทือนกระเพาะเลย



ไหนๆก็พูดถึงคาเฟ่สัตว์แล้ว จริงๆ ทริปนี้เราก็ไปคาเฟ่แมวที่ย่าน Ikebukuro มาด้วยเหมือนกัน ชื่อว่าร้าน Nekobukuro 「ねこぶくろ」 พิกัดอยู่ที่ชั้น 8 ตึก Tokyu Hands ด้านหน้าจะเป็นร้านขายของสำหรับสัตว์เลี้ยง ส่วนทางเข้าคาเฟ่จะเป็นรูปหน้าแมว เราต้องจ่ายเงินที่เค้าเตอร์ด้านหน้าก่อน ค่าเข้าราคา 700¥ สำหรับผู้ใหญ่ 500¥ สำหรับเด็กนักเรียน และ 300¥ สำหรับเด็กอายุ 2ขวบ ไม่จำกัดเวลา แต่มีกฎว่าห้ามอุ้มน้องแมว ห้ามให้อาหาร และห้ามให้แมวเลียมือ ไม่มี Free drink ใดๆ ทั้งสิ้น เดินดูได้อย่างเดียว 




พอเข้าไปแล้วต้องร้องว๊าวอ่ะ แมวเยอะมาก หลากหลายพันธุ์ นับไม่ไหวเพราะมันไม่ยอมอยู่นิ่งๆ ให้นับเลย แต่กะคร่าวๆ น่าจะมากกว่า 20 ตัวได้ แมวที่นี่เฟรนด์ลี่มาก....เฉพาะกับคนดูแลเท่านั้น ส่วนคนแปลกหน้าจะหวงตัวสุดๆ จับไม่ได้เลยจ้า แอ่นตัวหนีจนพุงติดพื้น ชิส์~ เริ่มไม่แน่ใจว่ามาดูแมวหรือมาให้แมวดู เพราะทุกครั้งที่มีลูกค้าเข้าร้าน บรรดาคุณแมวทั้งหลายจะเดินมามองหน้า เหมือนเจ้าของร้านมาดูแลกิจการ แต่ก็นั่นแหละ ไม่ยอมให้จับ ถ้าพูดได้มันก็คงจะพูดประมาณว่า “เอามือของแกร ออกไปนังมะนุด” ขอโทษคุณเหมียวทั้งหลายไว้ ณ ตรงนี้แล้วกันค่ะ


อาจจะเป็นเพราะร้านตั้งอยู่ในห้างและมีคนพลุกพล่าน รวมถึงคาเฟ่สัตว์เป็นสถานที่ยอดฮิต ที่นี่เลยคนเยอะมาก แค่ช่วงระยะที่เราอยู่ในร้านชั่วโมงครึ่งได้ ลูกค้าเข้า-ออกร้านเป็น 20 คนได้ โดยเฉพาะเด็กๆ ที่มีคุณพ่อ-คุณแม่พามาจะเยอะเป็นพิเศษ ต้องบอกว่าในคาเฟ่มีเก้าอี้และที่นั่งเยอะ แม้ว่าร้านจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่ทุกที่แทบจะกลายเป็นเก้าอี้ดนตรี ลุกคือเสียม้า แล้วนี่กับพี่ฝนเดินมาทั้งวันแล้วอ่ะ เมื่อยขาแบบอยากจะถอดเก็บใส่กระเป๋า เพราะฉะนั้นเราจะไม่ลุกจากเก้าอี้ไปไหนทั้งนั้น นั่งเฉยๆ ให้แมวมาดูเราเองค่ะ 


อีกอย่างนึงที่ตลกมากคือ คนญี่ปุ่นที่มาเที่ยวคาเฟ่แมวส่วนใหญ่เหมือนวางแพลนตั้งใจมาคาเฟ่แมวโดยเฉพาะ แต่ละคนคือเตรียมอุปกรณ์มาพร้อมมาก ใช่ค่ะ...อุปกรณ์สำหรับเล่นกับแมวอ่ะค่ะ มีทั้งไม้ตกแมว ลูกบอล มีคนเอาตระกร้ามาล่อแมวด้วย แอบคิดไม่ได้ว่าถ้าคอนโดแมวมันพับเก็บได้สะดวกพี่เค้าก็คงจะยกมากางเล่นกับแมวเหมือนกัน ยอมใจจริงๆ


ด้วยวิสัยของแมวเวลาเราอยากเล่นด้วยอ่ะมันไม่สนใจหรอก แต่พอเราเมิน มันก็จะปีนป่ายมาเรียกร้องความสนใจซะอย่างนั้น ช่วงที่พี่ฝนทิ้งกระเป๋าเอาไว้แล้วเดินไปดูแมวในตู้กระจก คุณพี่เจ้าถิ่นก็เดินมาสำรวจข้าวของ ปิดท้ายด้วยการมองหน้าหนึ่งทีแล้วเดินหลบไปดูแลกิจการที่อื่นต่อ โดยไม่ยอมให้จับตัว... ขอบพระคุณในความกรุณาค่ะ *กราบแรง*





หลายคนอาจจะคิดว่าต้นกำเนิดของคาเฟ่แมวคือประเทศญี่ปุ่น แต่ความจริงคาเฟ่แมวแห่งแรกของโลกเปิดให้บริการที่ประเทศไต้หวัน เมื่อปี 1998 โดยมีแนวคิดเป็นร้านกาแฟเพื่อบำบัดและสร้างความผ่อนคลายให้กับผู้ใช้บริการ แต่มาเริ่มได้รับความนิยมแบบสุดๆ ที่ประเทศญี่ปุ่นนี่เอง จากข้อมูลใน Wikipedia แค่ในโตเกียวก็มีคาเฟ่แมวอยู่เกือบ 60 ร้านแล้วอ่ะ 

ระยะหลังเราจะเห็นคาเฟ่แมวเปิดในประเทศไทยเยอะมาก และก็ได้รับความนิยมมากๆ เช่นกัน เท่าที่เคยสัมผัสเราว่าน้องแมวในไทย Friendly กว่าที่ญี่ปุ่นเยอะเลย นอกจากนี้คาเฟ่สัตว์ต่างๆ ก็เริ่มเป็นที่นิยมในหลายๆประเทศ รวมถึงแถบยุโรปในหลายๆ ประเทศ



จะว่าไปสาเหตุที่คาเฟ่สารพัดสัตว์ ไม่ว่าจะเป็น Cat Cafe หรือ Dog Cafe ได้รับความนิยมมากที่ญี่ปุ่นอาจจะเป็นเพราะว่าการเลี้ยงสัตว์อะไรสักอย่างเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เริ่มตั้งแต่ราคาสัตว์ต่างๆ ค่อนข้างแพง ตอนเดินผ่านร้านขายสัตว์เลี้ยง พวกสุนัข หรือแมวก็ต้องมี 80,000¥ เป็นอย่างต่ำ นี่คือถูกสุดเท่าที่ดูมาเลยนะ แถมยังต้องนำไปขึ้นทะเบียน ฉีดวัคซีนทีนึงก็หลายหมื่นเยน นอกจากนี้ยังต้องทำประกันค่ารักษาพยาบาลหากสัตว์เลี้ยงป่วยอีกด้วย ไม่ใช่ว่าคิดอยากจะเลี้ยงก็ไปเอามาไว้ที่บ้านได้ตามใจชอบเหมือนบ้านเรา แต่พวกสัตว์เลี้ยงที่อายุเยอะ หรือเริ่มโตราคาก็จะถูกลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะสุนัข หากอายุเกิน 6 เดือนแล้วยังขายไม่ออกก็อาจจะต้องเข้าสู่กระบวนการลดประชากรสุนัขด้วยการรมยา ฟังดูใจร้ายไปหน่อยแต่ประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างเข้มงวดกับสัตว์เลี้ยงพอสมควรเลย


สำหรับคนที่อยากมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเอง แต่การซื้อจากร้านขายสัตว์เลี้ยงไม่ตอบโจทย์เพราะราคาสูงจนเกินไป ก็อาจจะไปรับมาจากเพจหาบ้านให้สัตว์เลี้ยงก็ได้ มีเป็นเว็บไซด์ให้เลือกสะดวกสบาย บางครั้งก็จะมีการเอาสัตว์เลี้ยงไปเปิดบูธเพื่อหาบ้านตามสวนสาธารณะด้วย ในกรณีที่น้องหมาพลัดหลงกับเจ้าของแล้วถูกจับได้ก็จะนำไปพักไว้ที่สถานสงเคราะห์สัตว์เพื่อรอเจ้าของมารับกลับ ภายใน 1 อาทิตย์ รวมถึงสุนัขที่เจ้าของเลี้ยงต่อไปไม่ไหวก็จะถูกส่งมาไว้ที่เดียวกันเพื่อหาเจ้าของใหม่เหมือนกัน แม้ว่าจะไม่ต้องเสียงเงินเพื่อซื้อเหมือนร้านขายสัตว์เลี้ยง แต่ขั้นตอนการรับไปเลี้ยงก็ยุ่งยากและวุ่นวาย เพราะเจ้าของใหม่จะต้องเข้าอบรมการเลี้ยงสัตว์กับหน่วยงาน เพื่อดูว่าว่าที่เจ้าของใหม่จะมีความพร้อมในการเลี้ยงสัตว์มากน้อยแค่ไหน สุดท้ายแล้วหากน้องหมา น้องแมวไม่มีคนรับไปเลี้ยงจริงๆ ก็จะต้องนำเข้าสู่กระบวนการรมควันเพื่อลดจำนวนประชากรสัตว์ต่อไป ด้วยสาเหตุเหล่านี้เองที่ทำให้หลายคนไม่พร้อมในการเลี้ยงสัตว์ ก็หันมาใช้บริการผ่อนคลายรายชั่วโมงในคาเฟ่สัตว์แทน


ถึงแม้ว่าจะมีการลดประชากรสัตว์จรจัดเพื่อตัดปัญหาเรื่องเชื้อโรคที่มาจากสัตว์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าประเทศญี่ปุ่นจะไม่มีสัตว์จรจัดเลย สัตว์จรจัดในญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเป็นแมว ซึ่งมีอยู่เยอะมากกกกกก และไม่ค่อยจะ Friendly เท่าแมวไทย เรียกไปเถอะ ร้องจนคอแห้งนางก็ไม่สน ต่างจากแมวไทย เรียกแป๊บเดียวเดินตามมายื่นคอให้เกาเลย นี่แหละความแตกต่างของแมวไทยและแมวญี่ปุ่น




Create Date : 18 สิงหาคม 2560
Last Update : 18 สิงหาคม 2560 0:31:08 น.
Counter : 1398 Pageviews.

2 comments
  
คาเฟ่นกฮูกเพิ่งรู้ว่ามีสาขา2 เคยหาเจอข้อมูลของสาขาแรกเค้าว่าคิวยาวมากกก คาเฟ่แมวในไทยไม่ได้ไปเที่ยวนานแล้วค่ะ รู้สึกมาตรฐานไม่ค่อยดี เหม็นแบะแมวไม่สะอาด เหมือนแมวเยอะขึ้นแล้วเจ้าของดูแลไม่ทั่ว
โดย: Kisshoneyz วันที่: 18 สิงหาคม 2560 เวลา:0:50:49 น.
  
สวัสดีค่ะ ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ
มีคาเฟ่แบบนี้ด้วย
แปลกดีจังเลยค่ะ
ยังไม่เคยเห็นนกฮูกตัวเป็นๆ ใกล้ๆ เลยค่ะ

โดย: ann_shinchang วันที่: 18 สิงหาคม 2560 เวลา:5:52:33 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หมีน้อยพุงพลุ้ย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]