Image Hosted by ImageShack.us
........คิดให้ออก มองให้เห็น.......

.............หลักสูตรการเรียนการสอนของนักเรียนสมัยนี้ ไม่มีวิชาวรรณคดีไทย ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนเค้าจะบอกว่ามันไร้สาระก็มารู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนบอก

..........การที่จะเขียนเรื่องราวอะไรขึ้นมาสักเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นนวนิยาย โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน โดยเฉพาะการเขียน (หรือเค้าเรียกประพันธ์มั้งคะ) วรรณคดีสักเรื่องนี่ คนเขียนต้องคิดเยอะ และคิดนานทีเดียว และก็เป็นไปไม่ได้ที่จะคิดเรื่องไร้สาระ แล้วจะมาเขียนได้เป็นเรื่องเป็นราวขนาดนั้น

.........ทุกๆ เสาร์ อาทิตย์ ช่อง7 จะมีละครจักรๆ วงค์ ซึ่งก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว ก็ได้ดูบ้างไม่ได้ดูบ้าง เพราะเป็นช่วงเวลาที่ไม่ว่างที่จะนั่งดู มาเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ มานี้ รู้สึกขี้เกียจก็เลยได้นั่งดูละครจักรๆ วงค์ๆ อย่างที่ว่าเพราะคนข้างๆ เค้าดู ปรากฏว่าเป็นเรื่องสังข์ทอง ซึ่งเค้าก็นำเสนอมาในรูปของละครตลกขบขัน เจ้าเงาะก็หน้าตาอัปลักษณ์ อย่างสุดที่จะหาที่เปรียบ ยิ่งเมื่อเทียบกับรจนา แล้ว ห่างกันลิบ

.........เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ลูกชายสุดที่รักนั่งดูอยู่ด้วย ถามว่า คนอื่นๆ รู้เมื่อไรว่าเจ้าเงาะนั้นเป็นสังข์ทอง ก็ตอบไปว่า จำไม่ได้หลอกมันนานมากลืมไปแล้ว และก็ได้บอกกับลูกว่า จริงๆ แล้วจุดประสงค์หลักของคนที่เขียนเรื่องนี้ มันมี ตีม หรือประเด็นหลักอยู่นิดเดียวว่า “อย่าตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก”

.........การที่รจนา มองเห็นรูปทองของเจ้าเงาะหรือมองเห็นว่าจริงๆ แล้วเจ้าเงาะเป็นพระสังข์ทองนั้นเค้าหมายความว่า รจนาไม่ได้ตัดสินเจ้าเงาะที่รูปลักษณ์ภายนอก แต่มองเห็นรูปลักษณ์ภายในหรือจิตใจของเจ้าเงาะว่าเป็นคนดี

.........แต่บางที การนำเสนอ คนที่นำเสนอมุ่งหวังแต่จะให้ดูเป็นละครอภินิหาร สนุกสนานบานใจ โดยไม่เน้นให้เห็นถึงแก่นแท้ ที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อหรือต้องการจะนำเสนอ ซึ่งเรื่องสังข์ทองนี้ มีตีม หรือประเด็นหลักที่ต้องการนำเสนอถึง 2 จุดด้วยกัน (ตามความคิดของข้าพเจ้า)

.........ประเด็นแรก ก็เรื่องลูกของเราเกิดมาไม่ว่าจะรูปชั่วตัวดำ หรือพิกลพิการก็ต้องเลี้ยงดูต้องรักใคร่ไม่ใช่รังเกียจแล้วทอดทิ้งเหมือนในเรื่องตั้งแต่ตอนที่พระมเหสีคลอดลูกออกมาเป็นหอยสังข์ แล้วถูกรังเกียจเดียดฉันท์ (ซึ่งในเรื่องนั้นถูกใส่ใคร้จากพระสนมที่อิจฉาพระมเหสีเลยให้โหรทำนายใส่ร้าย) แต่จะให้มองตรงประเด็นที่ว่า เมื่อเกิดมาเป็นลูกเราแล้วจะรูปชั่วตัวดำหรืออัปลักษณ์ พิกลกิการ ก็ใช่ความผิดของเด็กที่เกิดมา เพราะเด็กไม่ได้มาเคาะประตูร้องขอที่จะมาเกิด เราต่างหากที่ทำให้เค้าเกิดมา เราก็ต้องฟูมฟักเลี้ยงดูไม่ว่าเกิดมาแล้วเค้าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เอาไปทิ้งเอาไปถ่วงน้ำ ซึ่งเร็วๆ นี้มีรายการทีวี ไม่แน่ใจ เป็นรายการคุณสรยุธ หรือเปล่าที่มีคนซึ่งเป็นพิธีกรรายการอาหาร มาเล่าเรื่องที่มีลูกไม่ปกติพิการมาตั้งแต่เกิดแต่ไม่เคยคิดทอดทิ้ง เค้าก็รักใคร่และเลี้ยงดูเป็นอย่างดี

.........ประเด็นที่สอง ก็เรื่องที่อย่าตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก อย่างที่บอกนั่นแหละ พอเห็นเจ้าเงาะรูปชั่วตัวดำก็รังเกียจไม่มองให้เห็นถึงอุปนิสัยใจคอที่แท้จริง

.........แล้วก็เลยคุยกับลูกต่อไปว่า จริงๆ แล้ว ตอนเด็กๆ ที่แม่เรียนเรื่องนี้ คุณครูก็ไม่ได้บอกอย่างนี้กับแม่ แต่แม่มาคิดได้เมื่อโตแล้วเหมือนกัน เมื่อก่อนก็อ่านหรือฟัง แต่ความสนุกสนานของเรื่องเท่านั้นไม่ได้ใส่ใจว่าเราจะได้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง ก็เลยบอกลูกว่า คนเขียนอาจมีจุดหมาย 2 แบบ
................แบบที่ 1 ถ้าใครอ่านแล้วคิดน้อยๆ ก็ได้ความสนุกสนานบันเทิง อิทธิฤทธิ์ ปาติหาริย์ไป
................แบบที่ 2 ถ้าใครอ่านแล้วคิดได้ ก็จะได้ข้อคิดที่เป็นประโยชน์ที่จะทำมาใช้ในการดำเนินชีวิต จากประเด็น 2 ประเด็นที่กล่าวมาข้างต้น

.........ก็แล้วแต่ว่าใครจะได้ตรงไหน แต่ถ้าเป็นแบบที่ 2 ก็จะได้ไปทั้งหมด ทั้งสนุกสนานบันเทิงใจ ทั้งข้อคิดคติสอนใจอย่างที่ว่า

.........เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นบทประพันธ์ วรรณคดี หรืองานเขียนใดๆ ก็ตาม ทุกเรื่องต่างก็มีสิ่งดีๆ ที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอแฝงอยู่ หากแต่ใครจะค้นพบหรือไม่เท่านั้น แม้แต่กลอนที่พวกเราชอบเขียนกัน เพียงแค่ 1 บทที่ปรากฏ ก็อาจมีเรื่องราวมากมายอยู่ในนั้น ....................



Create Date : 01 มิถุนายน 2551
Last Update : 1 มิถุนายน 2551 12:07:34 น. 19 comments
Counter : 675 Pageviews.

 
ทั้งสองแบบรวมกันน่ะ คนหลายหลายความคิด จิตใจ

การค้า เป้าหมายเดียวคงลำบาก

ถ้าพลาดผู้สร้างขาดทุนคนดูใช่จะช่วยอะไรได้


โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 1 มิถุนายน 2551 เวลา:16:52:40 น.  

 
สวัสดีครับพี่สุ
แวะมาบอกว่าวันนี้เขียนอะไรได้น่าอ่าน น่าคิดตามมากครับ
เรื่องสังข์ทองนี้ ไม่ได้เป็นการประพันธ์อย่างพื้นๆธรรมดาๆนะครับ
หากแต่ว่าเป็นถึงบทพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๒ เชียวนะครับ
เสียดายที่คนไทยเรา พออะไรที่เป็นงานของระดับบุคคลชั้นสูง
ก็มักจะไม่มีใครกล้าวิจารณ์ ไม่มีใครอยากสืบหาที่มาที่ไป
หรือเอาเรื่องแรงบันดาลใจมาบอกเล่าคนรุ่นหลัง
แต่ก็ยังดีที่มีผู้ใหญ่หลายรุ่นที่พยายามสืบทอดเรื่องนี้ให้คนรุ่นหลัง
ได้ยินมาว่าลิเกสมัยก่อนต้องมีเรื่องนี้ทุกคณะ
แต่ระดับผมแล้วต้องมีการคิดต่อยอดครับ (ต้องมีนิดหน่อยนะๆๆ)
ผมไม่ได้คิดล่วงละเมิดหรือลบหลู่พระองค์ท่านหรอกนะครับ
แต่มาเล่าว่าคิดอย่างไรเมื่อได้อ่าน blog ของพี่สุมากกว่า

หลายครั้งที่คิดว่า สังข์ทอง ก็คือเรื่อง เงาะป่า
ซึ่งเงาะป่านั้นเป็นงานพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๔)
นี่ขนาดอายุผมทะลุเบญจเพสมาหลายขวบปีแล้วนะครับ
ยังไม่ค่อยประสีประสากับเรื่องของไทยเลย
แถมหมู่นี้หัวใจฝักใฝ่ "เกอิชากับสาเก" เสียเหลือเกิน

ผมเห็นด้วยกับที่พี่สุสอนลูกว่า สังข์ทอง
เป็นเรื่อง การมองคนที่ต้องไม่มองแค่เปลือกนอก
เรื่องนี้ผมว่ามีหลายรสหลายอารมณ์
เริ่มตั้งแต่เป็นเรื่องพระราชาที่มีมเหสีหลายคน
หรือถ้าเป็นระดับชาวบ้านก็ต้องบอกว่่าเรื่องเมียหลวงเมียน้อย
ในเรื่องก็จะมีทั้งการแบ่งฝ่ายแบ่งพวก การติดสินบน การลำเอียง
การหูเบา การอดทน ความเมตตา ความรักแม่ลูก แม้กระทั้งแม่บุญธรรมกับลูกเลี้ยง
ไปจนถึงภาคสอง คือ รจนาเลือกคู่
อันนี้ก็ประมาณว่า คุณพ่อลูกสาวเยอะ (ตั้ง ๗ คน)
ปัญหาที่ตามมาก็คือลูกเขยไม่ถูกกับพ่อตา
(เรื่องนี้คงจะไปโดนกับชีวิตผู้ชายหลายคนในโลกใบนี้)
จนมาภาคสุดท้าย พระสังข์ยอมถอดรูปแล้วออกไปช่วยรบ
ตามแนวคติธรรมของไทย "ทำดีย่อมได้ดี"
ของดีไม่จำเป็นต้องอวด
แต่เอาไว้ใช้เมื่อคราวจำเป็นและเหมาะสม

ว่าไปแล้วว่าจะไม่คิดมาก
แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า รจนาเลือกเจ้าเงาะบ้าใบ้เพราะมองเห็นรูปทอง
แต่เจ้าเงาะนี่ซิ เลือกรจนาเพราะอะไร?


โดย: เจ้าพระยาหน้าปลาทู (chauphya ) วันที่: 2 มิถุนายน 2551 เวลา:13:29:24 น.  

 
เขาถึงว่า
อย่ามองแต่รูปโฉม ของภายนอกมักลวงตา

ผมว่าเจ้าเงาะเองก็วัดๆกับการที่ใครสักคนที่มองเห็นสิ่งที่เขาเป็นเหมือนกัน
และรจนาก็แสดงวุฒิภาวะการมองเห็นั้น เขาถึงเลือกเป็นคู่ไงครับ

ถ้าไม่เห็นก็คงแล้วไป
ไว้ไปเจอคนที่ใช่ก็แล้วกัน

บังเอิญทั้งคู่คือคนที่ใช่ของกันและกันไงครับ

แวะมาเยี่ยมและส่งฟามคิดถึงครับ พี่สุ





โดย: granun วันที่: 2 มิถุนายน 2551 เวลา:14:16:29 น.  

 
สมัยนี้หน้าตาดี จิตใจชั่ว + หน้าตาก็ชั่ว จิตใจทรามเพียบเลยคะพี่สุ

อีกอย่างคนสมัยนี้มักไม่ค่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ว่าคนหน้าตาดี หนะเค้าจิตใจดีด้วยหรือเปล่า หรือที่เค้ารูปชั่ว หนะจิตใจเค้าชั่วหรือดี
บางคนเอาความที่ตัวรูปชั่วมาหลอก ก็มีนะคะ แบบเอามาให้เราไว้ใจว่าคนพรรค์นี้เค้ามีดีข้างใน ที่ไหนได้

หน้าตาชั่วจิตใจยังชั่วไปด้วย คือเราโดนหลอกเพราะไม่ใช้เวลาดูเค้าให้ดี และเค้าเองมีเจตนามาหลอก เราเลยหลงกล

รู้ว่าจะโดนหลอก ยอมโดนคนหล่อ ๆ มาหลอกดีกว่า จะโดนหลอกทั้งทีดันโดนคนขี่เหร่ มาหลอกนี่ เซ็งจิต เลยนะพี่ว่าม่ะ

เรื่องสังข์ทองนี่ตุ๊กไม่ดูคะ ....ตื่นไม่ทันหนะ


โดย: แม่มด (GreenWitch ) วันที่: 2 มิถุนายน 2551 เวลา:18:07:59 น.  

 
...

การที่เราจะได้รู้จักเนื้อแท้ของใครสักคนนั้น
คงไม่แค่เฉพาะ ได้พบกันแล้วเท่านั้นนะคะ
ต้องอาศัยองค์ประกอบอีกหลายอย่างทีเดียวเนอะ
... หากว่า เราเข้าใจว่า
ไม่ควรจะตัดสินใครทั้งนั้น
เพราะ แม้แต่เราเอง ก็ยังมิได้สมบูรณ์พร้อมเลย ...

ดู "สังข์ทอง" มาตั้งแต่ นักแสดงรุ่นเด็กเชียวล่ะค่ะ



โดย: lastmoon วันที่: 2 มิถุนายน 2551 เวลา:18:44:55 น.  

 
ดีใจจัง ที่วันนี้เข้ามาแล้วเจอน้อๆ กันถ้วนหน้า

สิ่งดีๆ มากมายเลยนะคะที่เราละเลยกัน

อยากจะบอกว่าคิดถึงทุกคนค่ะ

คุณเจ้าพระยาคะ มีหลายๆ คนอยากเจอนะคะ
พี่ก็เลยบอกไปว่าคนนี้น่ะโหดจริงดุจริงค่ะ 5555

คุณนันไปญี่ปุ่นมาแล้วสิคะนั่น เป็นไงบ้าง คงสนุกสินะคะ ได้แวะไปหาคุณแม่หรือเปล่า?

ส่วนน้องแม่มดกะน้องพระจันทร์ดวงสุดท้าย เราเพิ่งเจอกันมามีความสุขมากนะคะวันนั้น


โดย: ปลาทูน่าสีชมพู วันที่: 2 มิถุนายน 2551 เวลา:20:02:01 น.  

 
ถึงลูกไม่ใช่สายเลือดในอก.....



โดย: คนทุ่งบางเขน วันที่: 3 มิถุนายน 2551 เวลา:9:28:51 น.  

 
"ถึงลูกไม่ใช่สายเลือดในอก
แม่ขอฟูมฟกดั่งดวงกมล
ลูกจ๋าอย่าออกไปเที่ยวซุกซน
ทุกแห่งหนล้วนอันตราย
จำไว้ให้ดีนะลูกสังข์นะ
ลูกเจ็บเพียงร่างแม่ยอมเสียตา
ถ้าเเม้ลูกเจ็บจนมรณาลูกจ๋า
แม่ขอกลั้นใจตายตาม...."

ขอโทษนะครับคุณ คนทุ่งบางเขน
อ่านที่คุณโพสต์ไว้แล้ว
ก็อดคิดต่อไม่ได้ ต่อมจุ้นจ้านมันทำงานทันที
(นี่และน้าาา ไม่เคยเข็ดเสียที เจ้านิสัยวอนเจ็บตัวแบบเนี๊ยะ)

ข้างบนนี้ไม่ใช่กลอนทีไหนหรอกครับ
เป็นเนื้อเพลงจากละครโทรทัศน์เรื่องสังข์ทอง เวอร์ชั่น ปี ๒๕๕๑ นี่เอง
เป็นท่อนปลายของเพลงไตเติ้ล
เป็นท่อนที่บรรยายความรักของแม่ยักษ์แต่ใจไม่ยักษ์
ที่มีต่อลูกเลี้ยง(ที่กลัวแม่ยักษ์จะจับกิน)

เดี๋ยวขอออกความเห็นตรงนี้ก่อนเพราะ
ท่อนต่อไป ผมอาจจะทำให้สมองของคุณวูบวาบๆ
โดยหักมุม 360 องศา อย่างรุนแรง
แล้วบางท่านอาจจะเสียอรรถรสไป ซะฉิบ....
ใครจะไปคิดว่าเรื่องนี้เป็นเหมือนตำนานใหม่ของความรักระหว่างแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยง
ซึ่งคนมักจะมองว่าต้องออกมาแนวโหดๆหรือเสแสร้ง ตีกันเนื้อเขียวแน่ๆ
นึกๆแล้วก็เหมือนกับเรื่องของ แม่นมในวัง ที่ต้องเลี้ยงลูกหลานของชนชั้นสูง
หรือชนชั้นสูงระดับแม่เมืองที่มีลูกๆของพระสวามีมากมาย
ซึ่งอาจจะไม่มีลูกของตนเองอยู่ในกลุ่มเด็กพวกนั้นเลย
แต่หากว่าคุณธรรมมีอยู่ในหัวใจคนเป็นแม่
แม่ก็ย่อมรักลูกทุกคน
ทำไมเรื่องธรมมะๆถึงต้องมาลงที่ผู้หญิงๆแบบนี้ด้วยนะ

มาโม้ต่อนะ
ด้วย นางยักษ์พันธุรัต กลัวและสังหรณ์ใจว่าจะเสียลูก(พระสังข์)ไปมานานแล้ว
จึงห้ามลูกสารพัด เรียกว่า เกือบจะห้ามเดินไปไหนมาไหนก็ว่าได้
แต่โชคชะตาฟ้าบังคับไว้แล้ว
ในที่สุดพระสังข์ก็ได้แอบเข้าไปห้องลับจนได้
แถมยังไปลงชุบตัวในบ่อทอง ผิวเลยเปล่งปลั่งงามเหมือนเทวดาจำแลง
และก็ยังขโมย(ใช่คำนี้ถูกหรือเปล่านะ)ชุดเกราะรูปเงาะ
ร้องเท้าทองคำ(ใส่แล้วเหาะได้)
และพระขรรค์เรื่องฤทธิ์
จากนั้นก็เหาะหนีแม่บุญธรรมข้ามแม่น้ำที่กว้างมากๆ(ขนาดยักษ์เดินข้ามไม่ได้)

นางพันธุรัตตามไปอ้อนวอนให้พระสังข์กลับมา
แต่พระสังข์ไม่ยอมกลับ ยืนยันจะหนีไปให้ไกลที่สุด แม่ไม่ต้องตามหนู
นางทำใจไม่ได้ เสียใจ (ความดันขึ้น เส้นเลือดในสมองแตก)
พระสังข์ตกใจเพราะไม่คิดว่าแม่เลี้ยงจะรักตนเองมากขนาดนั้น
รีบเหาะกลับมาดูใจครั้งสุดท้าย
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ก่อนสิ้นลม นางยักษ์กลัวลูกจะอดอาหารตายกลางป่า
เลยสอนมนต์เรียกเนื้อ(สัตว์บก)และปลา(สัตว์น้ำ) ให้ลูกอีก 1 บท

ถ้าเป็นชีวิตคนจริงๆ
ป่านนี้คงโดนชาวบ้านตำหนิว่าทำให้แม่ตาย
เผลอๆโดนรุมประชาฑัณฑ์ไปแล้ว
เอาเถอครับคงเพราะว่าเขาเป็นถึงพระเอกและก็ไม่ได้เจตนาร้าย

ตามเนื้อเรื่องพระสังข์ก็อยู่จัดการงานศพจนเรียบร้อย
เรียกว่าทำหน้าที่ลูกอย่างถึงที่สุด
ส่วนสาเหตุที่กลัวแม่ และจะหนี่ท่าเดียว คนอาจจะรู้บ้างไม่รู้บ้าง
แตาผมขออวดรู้ ขอให้ความจริงตรงนี้ซะหน่อย
ก็เพราะตอนที่พระสังข์เข้าไปห้องลับนั้นแหละ
พระสังข์ได้ไปเจอกองกระดูกมนุษย์มากมาย(น่าจะเป็นหมื่นๆคน)
ก็คิดดูกันว่า ยักษ์อายุเป็นร้อยๆปีจะกินอะไรต่อมิอะไรไปแล้วเท่าไหร่
เป็นใครก็ต้องกลัว (ขนาดหัวกระโหลกคนอันเดียวยังเสียวเลย)
เขาถึงบอกว่าคนเรา ถ้าไม่เคยมองอีกคนในมุมลบไว้เลย
พอเจออะไรที่ลบสุดๆก็ต้องถึงขั้นเสียศูนย์ได้ทุกคน
ผมถึงเชื่อว่าผู้หญิงดีๆคนหนึ่ง
อาจจะร้องไห้ฟูมฟายเพราะมองผู้ชาย(โฉดๆอย่างผม)คนหนึ่งผิดไป
พอไปพบความจริงที่น่ารังเกียจเข้า ก็เจ็บปวดหัวใจเน๊อะ
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่
เธอก็ไม่อาจจะกลับมายืนตรงจุดเดิมได้อีก
(เห็นมั๊ย นอกเรื่องไปได้เฉยเลย)


โดย: chauphya วันที่: 3 มิถุนายน 2551 เวลา:13:27:23 น.  

 
.....ไอ้จุดเดิมที่ว่ามันหายไปแล้ว........


โดย: ปลาทูน่าสีชมพู วันที่: 3 มิถุนายน 2551 เวลา:15:45:57 น.  

 


ตามมาแจกตำแหน่ง QUEEN OF LOVE
ด้วยไม่อาจจะทานทนเสียงกลอนรักที่คุณทูน่า
ไปตะโกนไว้ที่บล็อกได้..
พอดีมาปะเรื่อง....สังข์ทอง...ลูกแม่...
โห..ชอบสุดๆ เลยเดี๋ยวมาอ่านนะคะ กลับบ้านก่อน แหะๆ


โดย: ป้าวี (ดราก้อนวี ) วันที่: 3 มิถุนายน 2551 เวลา:16:44:45 น.  

 


...ไปหามา..ให้มันครบเครื่องไปเลย..
ป้าวีเคยเข้าไปเยี่ยมน้องโรส(คนตาพิการ)
น้องโรสชอบเรื่องสังข์ทอง ป้าวีเองก็ชอบ
ชอบเพลงมากเป็นพิเศษ..โดยเฉพาะท่อนที่เป็นจังหวะเร็ว
ฟังเสียงกลองแล้วนึกถึงคนตีไปด้วย เก่งมากเลย
อ่านรายละเอียดข้างบนแล้ว..ไม่ขอเพิ่มเติมอะไร
เดินเกาปากกลับบ้านดีกว่า...


โดย: ดราก้อนวี วันที่: 3 มิถุนายน 2551 เวลา:21:12:57 น.  

 
.....ขอบคุณคุณเจ้าพระยานะคะ
พอดีลืมประเด็นนางพันธุรัตน์ไปเลย
สรุปแล้วเรื่องสังข์ทองนี่ มี 3 ประเด็นทีเดียวนะคะ
เรื่องรักลูกที่ไม่ใช่เลือดในอกเป็นอะไรที่สุดยอดค่ะ
เพราะเมื่อก่อนนี้จะพูดกับใครๆ เสมอว่า ถ้าเป็นลูกที่ถูกขอมาเลี้ยงแล้วพ่อแม่บุญธรรมรักใคร่เอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดีนั้น จะไม่น้อยใจหรือเสียใจเลยที่ม่ได้เป็นลูกแท้ๆ
เพราะขนาดว่าไม่ใช่เลือดในอก เค้ายังรักเราได้ขนาดนี้
ลูกแท้ๆ นี่ยังไงก็ต้องเลี้ยง รักไม่รักไม่รู้แหละ ในเมื่อทำให้เกิดมาแล้วนี่ มันเป็น ไฟท์บังคับที่จะต้องรับผิดชอบ
แต่การที่ฟูมฟักเลี้ยงดูลูกที่ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขนี่เป็นอะไรที่สุดยอด
เป็นบุญคุณที่หาเปรียบมิได้เลย
.....................................................
แต่ตอนนี้จะเพลาๆ ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ไปเพราะว่าได้ฟูมฟักเลี้ยงดูลูกสาวสุดที่รักที่ไม่ใช่เลือดในอกไว้ 1 คน
เลี้ยงมา 12 ปีแล้ว และขอระประกันได้เลยว่า ความรักที่จะมอบให้กับลูกที่ไม่ใช่เลือดในอกนี่เราสามารถมอบให้ได้ไม่ต่างกับลูกในใส้เลยจริงๆ ค่ะ
บางครั้งเราต้องเพิ่มความใส่ใจเค้ามากกว่าด้วยซ้ำ เพราะกลัวเค้าจะน้อยใจว่าเราใส่ใจเค้าน้อยไปเพราะเค้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเราหรือเปล่า


โดย: ปลาทูน่าสีชมพู วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:8:40:57 น.  

 
.....ป้าวีคะ......
จะมัวเกาปากอยู่ทำไมคะ
บรรเลงไปเลยอยากพูดอะไร....
...............................................
และก็ต้องขอบคุณนะคะ ที่มอบตำแหน่ง
Queen of Love ให้น่ะค่ะ
ตำแหน่งนี้แลกมาด้วยน้ำตาเชียวนะคะ

..........ความรักนี่มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ............


โดย: ปลาทูน่าสีชมพู วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:8:45:36 น.  

 
พี่สุครับ

เขียนไปเขียนมา ชักจะงงว่าเราไปแอบแซวอะไรพี่เขาหรือเปล่า
กลัวมากเลยว่าจะโดนว๊ากเพ่ย! ทำไมต้องมาจุ่นเรื่องของฉัน
ขอบอกว่าที่เขียนมานี้เป็นเรื่องของหอยทองคำล้วนๆ
ไม่ได้แฝงการเหน็บแนม(ทั้งๆที่ชอบทำเป็นประจำ ฮิๆ)

เรื่องสังข์ทองนี้ ผมว่ามีมุมมองหลายหลาก
ใครมีชีวิตแบบนั้นๆ
พอได้ฟังเรื่องเขาก็จะรู้สึกว่า เออ...ใช่ๆ แบบนี้แหละ
ผมว่าเรื่องนี้เขาถ่ายทอดวัฒนธรรมของคนไทยได้ดีนะครับ

เดี๋ยว...ขอย้อนมาที่คำถามคราวก่อนโน้นว่า
"เจ้าเงาะเลื่อกรจนาเพราะอะไร?"
คุณนันท์ตอบไปแล้ว ก็ได้ไป 9.99 คะแนนเลยครับ
ผมขอขยายความอีกนิด
คือคนไทยโบราณมักจะฝากอนาคตไว้กับการเสี่ยงทาย
ดังนั้นการเลือกคู่ในเรื่องถึงเป็นเรื่องของการเสี่ยงทาย
จุดเด่นของเรื่องก็คงเน้นที่ เรื่องความรัก นี่แหละครับ
ว่า จะเลือกมั่วๆ หรือจะดูกันนานนิดหน่อย
ก่อนจะตกลงปลงใจให้มาเป็นคู่ครอง แบบนั้นแหละ
แต่พอมาเป็นละครทีวี เพื่อความสนุกและน่าติดตาม
เลยมีการใส่บทบาทอะไรต่อมิอะไรเข้าไปให้เด็กๆได้เฮฮา
เลยกลายเป็นเลือกเพราะว่า "ถูกใจใช่เลย"
จริงๆแล้วเจ้าเงาะเขาอธิษฐานแล้วว่า ถ้าใช่เนื้อคู่ของเขา
ก็ขอให้รจนามองเห็นรูปกายข้างใน (เอ้...มันจะเข้าเรต R หรือเปล่าครับ)
เด็กๆดูทีวีอาจจะคิดว่าเจ้าเงาะเขาท่องคาถาให้รจนาหลงรักเขาก็ได้นะ
เพราะตอนหลังยังสะกดจิตให้สัตว์มานอนให้ฆ่าง่ายๆเลย
คือถ้าจะทำละครทีวีตอนเช้าๆแบบเน้นสาระเข้มข้น ก็คงไม่มีเด็กมาดูหรอก

ผมใส่สีตีไข่กับพระสังข์ไว้ซะเยอะ
กลัวคนจะมองตามผมว่าเอ๊ะ..พระเอกเรื่องนี้ไม่ค่อยกตัญญูเลยนี่
ทำให้แม่ยักษ์ตรอมใจตายได้ไง
งั๊นผมของล้างความผิดของกระผม ด้วยกลอนบทนี้ครับ
เป็นตอนที่พระสังข์บอกเหตุผลกับนางพันธุรัต

แม่เอยแม่เจ้า เลี้ยงข้ามาแต่เยาว์จนใหญ่
พระคุณล้ำลบภพไตร จะเปรียบด้วยสิ่งใดนั้นไม่มี
ใช่ลูกจะเคืองแค้นแสนเข็ญ ด้วยความจำเป็นดอกจึงหนี
เหตุด้วยมารดาของข้านี้ ทุกร้อนไร้ที่พึ่งพา
จะยากเย็นเป็นตายก็ไม่แจ้ง จะไปสืบเสาะแสวงทุกแห่งหา
ครั้นจะบอกออกอรรถตามสัจจา ก็คิดกลัวเกลือกว่ามิให้ไป
ลูกจึงลักรูปเงาะเหาะหนี โทษผิดทั้งนี้เป็นข้อใหญ่
อย่าพิโรธโกรธขึงขัดใจ ถึงไปไม่ช้าจะมาพลัน

ใครมีลูกดื้อๆก็ลองอ่านดูได้
จะได้ไม่โมโหจนความดันขึ้น
เพราะเด็กเขาก็อาจจะมีเหตุผลของเขา
ที่ต้องทำสิ่งที่เราเห็นว่าเขาไม่ควรทำ
หรือยังไม่ถึงเวลาที่จะไปทำอย่างนั้น

ท้ายนี้ ผมก็ขอขอบคุณแม่กาทั้งหลาย
ที่เลี้ยงลูกกาเหวากำพร้าทั่วโลกไว้ด้วยความรักอันเปี่ยมล้นพระคุณ
การให้ความรักผู้อื่นมันจะมีความสุข กว่า การรอความรักจากคนอื่นหรือเปล่าหนอ?



โดย: เจ้าพระ-ยานอนหลับ (chauphya ) วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:14:32:22 น.  

 
comment ดีมากๆ

แต่ตบท้าย ทั้ง 2 comment นี่ไม่ตั้งใจจริงเหรอ......แต่มันเจ็บอ่ะนะ
โดยเฉพาะ
"การให้ความรักผู้อื่นมันจะมีความสุข กว่า การรอความรักจากคนอื่นหรือเปล่าหนอ?"
นี่ อึ้งค่ะ


โดย: ปลาทูน่าสีชมพู วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:15:05:21 น.  

 

" เมื่อเอยเมื่อนั้น
เจ้าเงาะแสนกลคนขยัน
พิศโฉมพระธิดาวิลาวัณย์
ผุดผาดผิวพรรณดังดวงเดือน
งามละม่อมพร้อมสิ้นทั้งอินทรีย์
นางในธรณีไม่มีเหมือน
แสร้งทำแลเลี่ยงเบี่ยงเบือน
ให้ฟั่นเฟือนเตือนจิตคิดปอง
พระจึงตั้งสัตย์อธิษฐาน
แม้นบุญญาธิการเคยสมสอง
ขอให้ทรามสงวนนวลน้อง
เห็นรูปพี่เป็นทองต้องใจรัก

เมื่อเอยเมื่อนั้น
รจนานารีมีศักดิ์
เทพไทอุปถัมภ์นำชัก
นงลักษณ์ดูเงาะเจาะจง
นางเห็นรูปสุวรรณอยู่ชั้นใน
รูปเงาะสวมไว้ให้คนหลง
ใครใครไม่เห็นรูปทรง
พระเป็นทองทั้งองค์อร่ามตา
ชะรอยบุญเราไซร้จึงได้เห็น
ต่อจะเป็นคู่ครองกระมังหนา
คิดพลางนางเสี่ยงพวงมาลา
แม้นว่าเคยสมภิรมย์รัก
ขอให้พวงมาลัยนี้ไปต้อง
เจ้าเงาะรูปทองจงประจักษ์
เสี่ยงแล้วโฉมยงนงลักษณ์
ผินพักตร์ทิ้งพวงมาลัยไป "


------------------
อาขยานข้างบนนี้ท่องทุกเย็นตอนป.อะไรก็จำไม่ได้
เป็นการตอบข้อสงสัยว่า
เงาะป่าเลือกรจนาเพราะอะไร
รจนาเลือกเงาะป่าเพราะไฉน

----------
ช่วยลบคอมเม้นท์บนด้วยค่ะ วรรคตอนเคลื่อน


โดย: ดราก้อนวี วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:11:54:42 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่สาว เจนนี่แวะมาเยี่ยมบล็อค วันนี้เจนนี่เอารูปการตกแต่งสวนในบ้านมาให้ชมค่ะ อย่าลืมแวะไปชมน่ะคะ ขอบคุณค่ะ ไว้เจนนี่ว่างๆเจนนี่จะแวะมาทักทายบ่อยๆน่ะคะ


โดย: สาวอิตาลี วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:12:22:11 น.  

 
I am just someone

just passing by this pink blog

Don't worry too much


โดย: prancing pony วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:19:29:32 น.  

 
......หากอยากได้แต่ไม่เชื่อ.....
ก็ยากเหลือที่จะได้ดั่งใจฝัน
หากจะรักต้องเชื่อใจกันและกัน
อยากได้รักชั่วนิรันดร์ต้องศรัทธา.....


กลอนป้าสุบทนี้เพราะมากค่ะ....




โดย: ป้าวี (ดราก้อนวี ) วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:10:31:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปลาทูน่าสีชมพู
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชอบเขียนกลอน ทั้งๆ ที่เรียนมาทางสายวิทย์-คณิต และรู้ดีว่ากลอนที่เขียนนั้นค่อนข้างกระด้าง แบบเด็กวิทย์ อ่ะนะ อยากเขียนกลอนให้ไพเราะ คำสวยงาม อ่านแล้วรื่นหู ก็เลยพยายามเขียน แต่ก็ นี่แหละได้แค่นี้....อยากเป็นนักเขียน เขียนเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิต แต่ก็เรียงร้อยถ้อยคำไม่เป็น เขียนออกมาทีไรก็ทื่อๆ อ่านแล้วไม่ให้ความรู้สึก...ก็เลยหยุดเขียนไป ที่มาอยู่ตรงนี้ เพราะอยากมีที่สักที่เอาไว้เขียนในสิ่งที่อยากเขียน ไม่ว่าจะเป็นกลอนแข็งๆ เรื่องราวที่อ่านแล้วอาจเซ็งๆ.......แต่อยากจะบอกว่า ทุกเรื่องที่เขียนออกมาจากหัวใจค่ะ



Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
1 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปลาทูน่าสีชมพู's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.