All Blog
|
WWOOF Japan : Day 11 สาวข้าวปั้น Day 11 . วันนี้เริ่มมีสีสันขึ้นมาบ้างแล้วค่ะ ถ้าเทียบกับเมื่อวาน ดูเหมือนว่า Koji จะเริ่มหมดมุข เริ่มไม่รู้ว่าจะหางานอะไรให้ไอต่างด้าวสองคนนี้ทำดี อย่างที่เคยบอกค่ะว่า ฤดูนี้มันไม่ใช่ฤดูกาลทำนา เพราะฉะนั้น ถึงจะรับ WWOOFer อย่างพวกเรามาอยู่ด้วย มันก็ไม่มีงานให้ทำอยู่ดี มีแต่งานเล็กๆน้อยๆที่ไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่ หลังจากที่พวกเรายืนมอง Koji ทำหน้าเครียดอยู่สักพักนึง ก็เหมือนว่าเฮียแกจะนึกไอเดียอะไรซักอย่างออก ((งานมาแล้วสินะ)) Koji เดินหายเข้าไปในห้องประมาณ 5 นาที และกลับออกมาพร้อมกับกล่องใส่พวกเมล็ดผักหลากชนิดมายื่นให้พวกเราค่ะ ((อ่อ วันนี้ปลูกผัก!! ))
เมื่อได้เมล็ดผักแล้ว Koji ก็เดินวนๆอยู่แถวหน้าโรงเก็บของ เอามือคุ้ยนั่นนี่ไปเรื่อยๆจนเจอกองกระถางต้นไม้อันเล็กๆซ้อนกันอยู่ประมาณ 50 ใบ เฮียแกก็ยกกระถางกองนั้น พร้อมทั้งดินร่วนอีก 2 ถุงย่อมๆ มาวางกองไว้ตรงหน้าพวกเรา จากนั้น Koji ก็เริ่มสั่งงานว่าเอาจะให้ปลูกอะไรบ้าง อย่างละจำนวนกี่กระถาง พอสั่งจบก็สาธิตวิธีปลูกให้เราดูเป็นตัวอย่างนิดนึง จากนั้นเฮียแกก็สตาร์ทรถขับออกจากบ้านไป ((ค่ะเจ้านาย เดี๋ยวแจ๋วจะทำงานให้เรียบร้อยนะคะ เที่ยวให้สนุก ไม่ต้องเป็นห่วงค่าาา )) . งานนี้ง่ายแสนง่ายค่ะ เริ่มจากใส่ดินรองก้นกระถางไปก่อนนิดนึง จากนั้นก็หย่อนเมล็ดผักลงไป ถ้าเมล็ดผักเป็นชนิดที่มีขนาดใหญ่ก็ให้เค้าอยู่ไปเลยคนเดียว กระถางใครกระถางมัน แต่ถ้าเป็นเมล็ดขนาดเล็ก ก็ต้องให้เค้าเบียดๆอยู่บ้านเดียวกันไป สุดท้ายก็เอาดินกลบชั้นบนเป็นอันเสร็จพิธี และนี่คือผลงานของพวกเราค่ะ
. หลังจากงานเสร็จจนกระทั่งเก็บกวาดสถานที่และอุปกรณ์ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย Mari ก็เรียกพวกเราให้เข้าไปช่วยทำมื้อเที่ยงค่ะ ((คิดดีแล้วใช่มั้ยคะ )) มื้อเที่ยงวันนี้ Mari ภูมิใจเสนอ "โอนิกิริ ริ ริ ริ" โอนิกิริ ถ้าจะเรียกแบบไทยๆมันก็คือ"ข้าวปั้น"ค่ะ มิ้งเคยสงสัยว่าคนญี่ปุ่นกินข้าวปั้นกันเข้าไปได้ยังไง มันอร่อยนักเหรอ กะอีแค่ข้าวที่ปั้นเป็นก้อนสามเหลี่ยม แล้วแปะตูดกันโป๊ด้วยสาหร่าย จืดจะตาย!!! แต่เพิ่งจะมารู้วันนี้เลยค่ะว่า วิธีทำข้าวปั้นนั้น ไม่ใช่แค่เอามือจกข้าวแล้วบีบๆให้เป็นรูปเหมือนที่ปั้นข้าวเหนียวจกส้มตำแต่อย่างใด เพื่อไม่ให้มันจืด เค้าก็โรยเกลือลงไปด้วยเฟ้ย ยัยมิ้งเอ๊ย!!!
โอเค เรื่องรสชาติเป็นอันว่าจบ เข้าใจละ มาดูเรื่องวิธีปั้นกันต่อ Mari โชว์เสตปปั้นข้าวประหนึ่งบาร์เทนเดอร์เขย่าคอกเทลในบาร์เลยทีเดียว มือนี่พันกันอย่างกับปลาหมึก เริ่มจากจกเกลือละเลงบนฝ่ามือ ต่อด้วยจกข้าวในหม้อมาหนึ่งก้อน จากนั้นก็วางมือประกบกัน บีบๆกดๆซักแปป พอได้รูปร่างสวยงามก็หยิบสาหร่ายแปะตูดข้าวก็เป็นอันจบ อืมมม ไม่ยากๆ ไหนไอดาวลองดิ๊ น้องดาวทำตามสเตปทุกอย่าง มีเก้ๆกังๆแค่ก้อนแรก แต่พอก้อนที่สองมันก็เริ่มเทพ ปั้นได้เหมือนของ Mari เด๊ะ โอเค ไอดาวผ่าน!!
พอถึงคิวมิ้ง เริ่มจากจกเกลือ ดาว : เกลือน้อยไปป่าววะ เดี๋ยวมันจืดนะเว้ย มิ้ง : เออ ไม่น้อยหรอก ใส่เยอะเดี๋ยวเค็ม!! ต่อไปก็จกข้าว ดาว : ข้าวมันเยอะไปมั้ยวะ มิ้ง : ไม่เยอะหรอก ก้อนเท่าของแกแหละ ดูดีๆสิ ปั้นข้าว ดาว : ทำมือแบบนี้เว้ยเฮ้ย อย่างงี้ๆ((พูดพร้อมทำท่าทางสาธิต)) มิ้ง : ไม่เห็นมันจะเหมือนของแกเลยว่ะ แต่นี่มันก็สามเหลี่ยมเหมือนกันนะ ใช้ได้มั้ง สุดท้าย เอาสาหร่ายแปะตูด ดาว : นี่ข้าวปั้นหรือก้อนอะไรวะเนี่ย แกปั้นเองก็กินเองนะเว้ย เราจะกินของเรา มิ้ง : ข้าวปั้นของมิ้งก้อนนี้เก็บไว้ให้ Koji กินนะคะ((หันไปพูดกับ Mari)) Mari : ok ok ((พยักหน้าไปหัวเราะไป)) .
สามก้อนซ้ายเป็นฝีมือของ Mari สามก้อนกลางของน้องดาว ส่วนก้อนเดี่ยวๆทางขวาสุดคงไม่ต้องบอกนะคะว่าใครทำ . และเนื่องจาก Koji กลับมาไม่ทันข้าวเที่ยง เราสามคนเลยฟาดข้าวปั้นที่ทำไว้ไปก่อนโดยไม่รอ คงไม่ต้องบอกอีกเช่นเคยว่าพวกเราจะเหลือข้าวก้อนไหนเอาไว้ให้ Koji ((ขนาดเจ้าของมันยังไม่กินของตัวเองเลยค่า )) . งานในช่วงบ่ายวันนี้ไม่มีอะไรมากค่ะ Koji สั่งให้มิ้งกับน้องดาวทำกาแฟข้าวหม้อนึงแค่นั้น ไม่รู้ว่าหมดมุข หรือว่าติดใจรสชาติข้าวปั้นของมิ้งรึเปล่าถึงได้ใจดีขึ้นมากะทันหัน . เมื่อมีเวลาว่างในช่วงเย็นเหลือเฟือ จะนั่งๆนอนๆอยู่เฉยๆก็ดูจะไร้สาระเกินไปนะคะ ((เค้าก็คิดเป็นนะเออ)) พวกเราก็เลยขอยืมจักรยานของ Mari ออกไปปั่นชมธรรมชาติแถวนั้นดูบ้าง ซึ่งแน่นอนค่ะว่า คนปั่นก็ต้องเป็นน้องดาว แต่เนื่องจากมิ้งเป็นคนซ้อน ทำให้น้องดาวมิสามารถถีบจักรยานขึ้นเนินได้ ((บ้านของเราอยู่บนภูเขาค่ะ เพราะฉะนั้นถนนมันจึงไม่สม่ำเสมอ เป็นเนินขึ้นๆลงๆตลอด)) สุดท้ายก็เลยต้องถอดใจ จูงจักรยานกลับไปคืน Mari ทั้งๆที่เพิ่งจะผ่านไปไม่ถึง 10 นาที ทางด้าน Mari นั้นถึงกับทำหน้างงว่าทำไมพวกเรากลับกันเร็วขนาดนี้ พวกมันเพิ่งขอยืมจักรยานไปเมื่อกี้เองไม่ใช่เหรอ?? น้องดาวเลยแก้ความสงสัยโดยการตอบไปสั้นๆด้วยภาษาญี่ปุ่นกะเหรี่ยงว่า "มิ้ง วะ โอโม่ย เดส" "ไอ แค้น ไรด์ อะ ไบซิเคิล" จากนั้นมันก็เดินออกมาจากบ้านโดยมีเสียงหัวเราะแบบไม่คิดจะเก็บอาการของ Mari ตามหลังมาด้วย ขอบคุณมาก!!! . เมื่อไม่มีจักรยานให้ใช้ พวกเราก็ต้องออกแรงเดินกันเองค่ะ อย่างที่เคยบอกว่าแถวนี้น่ะธรรมชาติสุดๆ ถึงญี่ปุ่นจะเป็นดินแดนไฮเทคขนาดไหน แต่ก็ยังมีหมู่บ้านชนบทน่ารักๆแบบนี้แอบซ่อนอยู่ด้วยเหมือนกันนะคะ" . จะว่าไป พวกเราก็เหลือเวลาอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆนี้อีกแค่ไม่กี่วัน คงจะจริงที่เค้ามักจะพูดกันว่า เวลาของความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ . Free TextEditor หุหุ....ข้าวปั้น................555
โดย: ถนนสายนี้เปรี้ยว วันที่: 1 กรกฎาคม 2554 เวลา:9:11:36 น.
เป็น blog เกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่น และการแปลภาษาญี่ปุ่นที่ดีจริงๆครับ
โดย: คุณ โตน วันที่: 11 กรกฎาคม 2554 เวลา:11:03:30 น.
|
Newbie Traveller
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Yoroshikune~ Link |