All Blog
|
WWOOF Japan : Day 6 สวนที่ยุ่งเหยิง Day 6 . ผลจากความสนุกของ UNO เมื่อคืนทำให้มิ้งกับน้องดาวตื่นสายกว่าทุกคนในบ้าน แต่คนสวยย่อมไม่แคร์สื่อค่ะ ตื่นทันเวลางานก็พอแล้วเนอะ เช้านี้เราสองคนตกลงกันว่าจะทำอาหารเช้ากินเอง ยังไงซะ กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง เมื่อคืนใช้พลังงานตีไพ่ UNO ไปเยอะแล้ว ถ้าอดข้าวเช้าไปด้วยอีก แรงงานต่างด้าวตาดำๆคงไม่มีปัญญาทำงานขัดดอกแน่ๆ ว่าแล้วก็ลองไปเปิดตู้เย็นดูซะหน่อยว่าพอมีอะไรมาทำ"เบร็คฟัส"กินได้บ้าง ตู้เย็นสีขาวไซส์ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางครัว ความคาดหวังของพวกเราก็คือ เนื้อค่ะ จะหมูหรือไก่ก็ได้ ตอนนี้ว้อนท์มากจริงๆเพราะตั้งแต่มาอยู่บ้านนี้ไม่ได้แตะเนื้อสัตว์เลยซักกะติ๊ด อะฮ้า~ ช่องแรกเป็นต้นหอมญี่ปุ่นไซส์บิ๊ก ถัดไปเป็นหัวหอมอีกถุงใหญ่ ส่วนช่องนี้เป็นมัน ช่องนั้นก็มัน นู่นก็มัน โน่นก็มัน หลายชนิดมาก((บ้านนี้เค้ากินแต่มันใช่มั้ย??)) สุดท้ายสายตาก็เหลือบไปเห็นถุงขนมปังที่เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่ง ใกล้ๆตู้เย็นเป็นเครื่องปิ้งขนมปังตัวจิ๋ว ไม่ต้องเดาก็รู้ใช่มั้ยคะว่ามื้อเช้าเราจะเป็นอะไร((ก็มันทำได้แค่นี้นี่หว่า)) . หลังจากฟาดขนมปังปิ้งไปคนละสองแผ่นก็ได้เวลางาน Koji ขนพวกเราขึ้นรถไปกัน 4 คน((มิ้งกับน้องดาว, โทโมฮิ และเท็ปเป)) และขับไปตรงบริเวณที่ดินโล่งใกล้ๆบ้าน ไม่ทราบเหมือนกันว่าที่ดินตรงนั้นเป็นของใคร เห็นแค่ว่ามันรกมากค่ะ หญ้าขึ้นสูงเชียว พอเหลือบมองไปไกลๆก็เห็นYujiกำลังใช้เครื่องตัดหญ้าอยู่ ((มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย)) หลังจากที่จอดรถ Koji ก็ตะโกนคุยกับ Yuji ซักแปปนึงแล้วจึงตัดสินใจให้โทโมฮิลงไปช่วย Yuji ตัดหญ้ารกๆพวกนั้นซะ ส่วนพวกเราและเท็ปเปก็ขึ้นรถของ Koji ไปยังจุดต่อไป ไม่ถึง 5 นาที รถก็หยุดลงที่สวนผักเล็กๆแห่งหนึ่ง Koji บอกว่าผักที่ปลูกในสวนนี้มีชื่อว่า ฟุคิน็อตโตะ((ไม่ทราบค่ะว่าออกเสียงถูกมั้ย)) งานที่ Koji สั่งก็คือ ให้เก็บกวาดไอพวกกิ่งไม้รกๆรวมทั้งวัชพืชที่มันขึ้นแบบไม่รู้จักกาละเทศะเหล่านั้นทิ้งไปซะ ตอนแรกๆก็คิดว่างานนี้ง่ายๆสบายๆ แต่ทำไปทำมาชักรู้สึกว่าทำไมมันเยอะงี้เนี่ยยย ((บ่นตลอด)) คือไอสวนฟุคิน็อตโตะนี้มองไกลๆมันก็สวยดีนะ ต้นไม้เล็กๆสีเขียวอ่อนขึ้นอยู่เต็มสวน ดูบอบบางเสียเหลือเกิน แต่มันก็รกมากกกก ไม่อยากจะบอกว่าคุณน้องเท็ปเป เด็กหนุ่มอายุ 17 ของเราทำงานเรียบร้อยสุดๆค่ะ รวดเร็วอีกต่างหาก คือเราแบ่งงานกันอย่างยุติธรรมนะคะ ในฐานะที่มิ้งกับน้องดาวเป็นผู้หญิง สองคนรวมกันก็รับผิดชอบจัดการไปครึ่งสวน ส่วนที่เหลืออีกครึ่งให้คุณน้องเท็ปเปรับไปลำพังค่ะ ((โฉมหน้าของแปลงผักฟุคิน็อตโตะ แอบเหยียบตายไปหลายต้นเหมือนกันค่ะ แหะๆ))
. หลังจากมื้อกลางวันผ่านไปก็ได้เวลาร่ำลาน้องโทโมฮิและเท็ปเป ก่อนกลับ โทโมฮิยังทิ้งของดูต่างหน้าแก้คิดถึงให้เจ้าของบ้านทั้งสองด้วยนะคะ เป็นรอยถลอกจากรถเก๋งสีน้ำเงินคันงามของโทโมฮิที่ถอยไปชนกับเก๋งเก่าๆของ Mari เห็นสีหน้าเจ้าของรถแล้วสงสารแทนจริงๆ . พอตอนบ่าย Koji พามิ้งกับน้องดาวไปช่วยงานที่ฟาร์มของฮิโตมิซัง สาวสวยที่เป็นเพื่อนของ Mari นั่นเองค่ะ ฮิโตมิซัง เป็นผู้หญิงใจดี พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก เคยมาอยู่ที่ประเทศไทย 1 เดือนด้วยนะเออ เธอบอกว่าชอบกินส้มตำมาก แต่เนื่องจากที่ญี่ปุ่นไม่มีมะละกอ เธอจึงใช้แครอททำส้มตำกินเองประจำ และที่สวนหลังบ้าน เธอยังปลูกผักชีไว้ด้วย((เด็ดจริง)) . งานที่ฮิโตมิซังให้พวกเราทำก็คือ แยกกองฟางค่ะ ฟางที่เปียก ให้ขนไปกองรวมกันไว้ ส่วนฟางแห้ง ให้ขนไปเผา((ตามรูปเลย)) ที่ฟาร์มของฮิโตมิซัง นอกจากพวกเราแล้วยังมีคุณป้าและคุณยายแก่ๆทำงานอยู่อีก 2 คนค่ะ พวกท่านแข็งแรงมากๆ สาวสวยอย่างเราถึงกับอายเลยทีเดียว . .หลังจากเสร็จงาน มิ้งกับน้องดาวมีโอกาสได้เม้าท์กับคุณยายอีกนิดหน่อยค่ะ((ฮิโตมิซังช่วยเป็นล่ามให้)) คุยไปคุยมา ไม่รู้ว่าเค้าติดใจอะไรพวกเราสองคนรึเปล่า ถึงได้ชวนพวกเราไปอนเซ็นกันในคืนนี้((อนเซ็น คือ บ่อน้ำร้อนรวมค่ะ)) แต่แหม หญิงไทยใจงามก็ต้องรักนวลสงวนตัวกันนิดนึง ใครจะไปยอมแก้ผ้าลงน้ำรวมกับคนอื่นล่ะ ไม่เอ๊า ไม่เอา สุดท้ายก็ต้องตอบปฏิเสธไปอย่างสุภาพพร้อมทั้งยกเหตุผลมาอธิบายกันไป((เพิ่งรู้ว่าการตอบปฏิเสธในเรื่องนี้กับคนญี่ปุ่นมันทำให้พวกเค้างงกันถึงขนาดนี้)) . เย็นนี้ Koji ออกไปทำงานพาร์ทไทม์อีกแล้วค่ะ ทำให้บนโต๊ะอาหารเหลือเพียง 4 คน นั่นคือ เรา 2 คน, Mari และ Yuji หลังจากที่ท้องอิ่ม ก็ได้เวลา เมาท์แตก((ถึงจะคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่อาศัยความบ้าบอของพวกเราสองคนก็เลยทำให้บรรยากาศมันดูคึกคักขึ้นมาได้บ้างเหมือนกันนะคะ)) โม้ไปโม้มา มิ้งกับน้องดาวก็ดันเผลอไปรับปากว่าพรุ่งนี้จะทำส้มตำให้พวกเขากินเป็นมื้อกลางวันซะอย่างงั้น งานนี้ตัวใครตัวมันค่ะ เชฟมิ้งกับเชฟดาวไม่รับประกันในความปลอดภัยจริงๆ
. Free TextEditor |
Newbie Traveller
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Yoroshikune~ Link |
จะรอตอนต่อไปนะคะ ^^