All Blog
|
WWOOF Japan : Day 9 เป็นแฟนพี่ต้องอดทน Day 9 . หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ไวเหมือนโกหก((อยากรู้จังว่าใครคิดคำนี้ขึ้นมา)) ตอนนี้มิ้งกับน้องดาวเริ่มจะคุ้นเคยกับวิถีชีวิตใหม่นี้มากขึ้นแล้วค่ะ พอมาทบทวนดูอีกทีก็รู้สึกว่าตัวเองตกหลุมรักที่นี่เข้าอย่างจังซะแล้ว อารมณ์แบบว่าถ้าเป็นผู้ชายคงตบหัวแล้วลากเข้าถ้ำเรียบร้อยโรงเรียนมิ้งไปแล้วล่ะค่ะ . กลับมาที่เรื่องของเรา เมื่อวานซืนเราฟาดข้าวต้มปากพองไปแล้ว วันนี้คงไม่คิดจะทำเบรคสฟัดพิเรนๆกินอย่างแน่นอน เลยตัดสินใจทำอะไรง่ายๆที่เชฟครัวกากๆ((ไม่เกี่ยวกับเชฟหมี))อย่างพวกเราพอจะทำได้ แล้วก็มาลงตัวที่ "โจ๊ก" ค่ะ คือจริงๆแล้ว ไอเราสองคนก็ทำโจ๊กไม่เป็นนะ แต่เมื่อวานแอบโทรศัพท์กลับแดนไทยไปหาหม่อมแม่ ขอวิธีทำโจ๊กมา .((ขอเล่าเรื่องโทรศัพท์นิดนึงค่ะ คือตอนที่เราเดินทางจากไทยมาที่สนามบินคันไซ เราเจอตู้กดบัตรโทรศัพท์แบบ prepaid ที่สนามบินนั้นแหละค่ะ เหมือนตู้กดน้ำเลย หยอดเงิน เลือกบัตรตามการใช้งานที่เราต้องการ และรอบัตรมันไหลออกมาที่ช่องก็เป็นอันเสร็จ วิธีใช้ก็คือ แต่ละบัตรมันจะมีรหัสอยู่ด้านหลัง เราก็กดรหัสบัตรนั้นๆลงไปตามด้วยหมายเลขแล้วโทรออก ซึ่งบัตรนี้ใช้ได้กับทั้งโทรศัพท์บ้านและตู้โทรศัพท์สาธารณะเลยค่ะ แต่ก็ต้องใช้อย่างระมัดระวังซักนิด ถ้าคุยเพลิน เงินในบัตรอาจจะหมดได้ง่ายๆนะคะ)) กลับมาที่เรื่องโจ๊กค่ะ โจ๊กที่มิ้งกับน้องดาวทำวันนี้ จริงๆมันก็คือข้าวเหลือเมื่อคืนที่น้องดาวเอาไปใส่น้ำขลุกขลิกแล้วตั้งไฟ คั่วๆคนๆให้มันเละแค่นั้นเองค่ะ พอทำเสร็จแล้วไอข้าวนั้นก็จับตัวกันเป็นก้อนแหยะๆ ดูน่ากินเชียว((หรอ )) ถึงข้าวจะออกมาแหยะๆสวยงามต่างจากโจ๊กเมืองไทย แต่พวกเราก็แก้ขัดด้วยการต้มไข่ใส่ลงชามไปคนละฟอง เหยาะโชหยุลงไปนิดหน่อยก็เป็นอันใช้ได้ค่ะ เรื่องไข่ต้มนี่ก็มีปัญหาเหมือนกัน คือไม่รู้ไงคะว่ามันต้องต้มไข่กี่นาทีถึงจะออกมาเป็นตานีดูน่ากิน((บอกแล้วว่าทักษะด้านนี้ดีมากจริงๆ)) ปรากฏว่าฟองแรกออกมาแข็งเป็นหินเลย ((เค้าอยากกินไข่แดงเยิ้มๆอ้ะ )) ส่วนฟองที่สองนั้น เมื่อได้บทเรียนจากฟองแรก มันเลยออกมาสวยงามน่ารับทานมากๆ ซึ่งน้องดาวก็เสียสละเอาฟองที่สองนั้นไปกินเอง((ขอบคุณ!!)) แล้วเมื่อ Mari เดินเข้ามาเห็น เธอก็ต้องเบิ่งตาโตพร้อมกับร้อง"สุโค่ย"กับก้อนข้าวแหยะๆในชาม จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าห้องไปหยิบกล้องถ่ายรูปมาถ่าย"อาหารไทย"ไว้ดูเป็นที่ระลึก . เมื่อได้เวลาเริ่มงาน Koji พาพวกเราไปที่ฟาร์มของฮิโตมิซังเจ้าเก่าค่ะ สงสัยเธอคงจะติดใจฝีมือการทำงานของพวกเราถึงได้เรียกเข้ามาใช้บริการกันอีกรอบ แต่งานนี้ขอเอามือป้องปากบอกเลยว่า เป็นงานที่ท้าทายความสามารถพวกเรามากที่สุดในรอบหนึ่งอาทิตย์นี้ . Koji เดินนำมิ้งกับน้องดาวไปที่ตรงที่ดินแปลงหนึ่งค่ะ ถ้าดูเผินๆแล้วก็เหมือนแปลงผักธรรมดา ไม่มีอะไรเป็นพิเศษกว่าที่ดินแปลงอื่นเลย แต่ไคลแมกซ์มันอยู่ที่บริเวณขอบๆของที่แปลงนั้นต่างหากค่ะ จริงๆแล้ว"มันเป็นร่องน้ำ" คือไอพวกเศษฟาง กับกองดินที่คาดว่าคงจะถล่มลงไปในนั้นมันได้ปิดร่องน้ำหรือทางเดินน้ำจนหมดเลยค่ะ ไม่ต้องเดาก็คงจะรู้ว่าหน้าที่ของพวกเราคือขุดและโกยไอดินพวกนั้นขึ้นมาเพื่อถางทางให้น้ำมันไหลได้ตามปกตินั่นเอง หลังจากที่ Koji สั่งงานเรียบร้อยแล้ว เฮียแกก็ไปนั่งดูพวกเราทำงานอย่างสบายใจ ส่วนสองสาวต่างด้าวก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาขุดร่องกันไป แรกๆมันก็สนุกดีค่ะ ขุดๆถากๆ ตรงไหนขุดไม่ออกก็เอามือโกยมันขึ้นมา แต่พอทำไปเรื่อยๆ แรงก็เริ่มหมด ความยาวของร่องน้ำมันไม่ใช่น้อยๆเลยนะคะ ยังไม่นับไอพวกสารพัดสิ่งอุดตันที่พร้อมใจกันเบียดตัวเข้าไปอยู่ในร่องจนบางทีก็ยากที่จะดึงพวกมันออกจากกันได้ แล้ว Koji ก็เหมือนจะรู้ค่ะว่ายัยสองสาวต่างด้าวนี่มันคงจะทำกันเองไม่ไหวแน่ สุดท้ายก็เลยต้องลุกขึ้นมาช่วยอีกแรง อย่างไรก็ตาม กว่างานจะเสร็จก็เลยเวลาข้าวเที่ยงของพวกเราไปนานมาก นี่ถ้า Koji ไม่มาช่วยก็คงต้องกินข้าวเที่ยงพร้อมข้าวเย็นแน่นอน . และคงเป็นเพราะว่า Koji เสียแรงขุดร่องน้ำไปเยอะแล้วก็เลยขี้เกียจทำกับข้าวให้พวกเรากิน เฮียแกก็เลยเอาซุปกิมจิฝีมือฮิโตมิซังที่เหลือจากเมื่อคืนไปอุ่นให้มันร้อน จากนั้นก็เอาข้าวโป๊ะลงไปในหม้อซุปกิมจิ เลียนแบบข้าวต้มของพวกเรานั่นเองค่ะ เราเลยต้องกินข้าวต้มกิมจิสูตรใหม่ของ Koji ไปตามระเบียบ ((ถึงจะรู้ว่าเฮียแกทำส่งเดชไป แต่มันก็อร่อยดีน้าา )) . ส่วนงานในช่วงบ่าย Koji พาเราไปปลูกผักสวนครัวในแปลงผักขนาดย่อมๆของเขาค่ะ ตรงแปลงผักนั้นก็มีผักปลูกอยู่หลายชนิด ทั้งถั่วฝักยาว มันสำปะหลัง และอื่นๆอย่างละนิดละหน่อย ไม่นานนัก แปลงผักก็ออกมาเป็นรูปเป็นร่างสวยงาม แบ่งสันปันส่วนกันเป็นระเบียบ แต่งานมันยังไม่หมดแค่นั้นค่ะ สงสัยว่าวันนี้เราจะหนีไม่พ้นร่องน้ำจริงๆ เพราะร่องน้ำที่ฟาร์มของ Koji ก็รกไม่แพ้กัน เพียงแต่มันเป็นระยะสั้นกว่าของฮิโตมิซังเท่านั้นเอง เราก็ต้องขุดๆกันไปตามระเบียบ กว่าจะเสร็จนี่เล่นเอามือสั่นเลยนะคะ รู้สึกว่างานวันนี้จะโหดที่สุดตั้งแต่อยู่บ้านหลังนี้มาเลยทีเดียว . กว่าเราจะจัดการเคลียร์ร่องน้ำนั้นเสร็จก็เป็นเวลาราวๆ 5 โมงเย็น และในระหว่างทางที่กำลังเดินกลับบ้านนั้นเอง พวกเราเห็น Mari กำลังเดินมาทางฟาร์มพอดี ซึ่งระยะทางจากบ้านมายังฟาร์มเนี่ย มันไม่ใช่ใกล้ๆนะคะคู้ณ แถมเป็นทางลาดขึ้นเขาอีกนะเออ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ หญิงท้อง 8 เดือนคนนี้สามารถเดินไปกลับได้อย่างสบายๆนะคะ คาดว่าถ้าน้องคลอดเมื่อไหร่ต้องวิ่งได้ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 4 เดือนแน่นอน หลังจากที่ช็อคกับศักยภาพของหญิงท้องผู้นี้ และแอบนินทากันพอเป็นกระสัยแล้ว พวกเราก็ตรงเข้าไปคุยกับเธอค่ะ เธอบอกว่ากำลังเดินเก็บ sukushi ไปทำเป็นอาหารเย็น((sukushi คือวัชพืชประเภทหนึ่งซึ่งสามารถนำมากินได้ ลักษณะภายนอกเหมือนหญ้าเจ้าชู้ เพียงแต่ว่ามันไม่ได้เป็นเหมือนกาวเหนียวๆที่ชอบไปติดกับชายกระโปรงชาวบ้าน)) พวกเราจึงเข้าไปช่วยเธอเก็บไอเจ้า sukushi และเดินกลับบ้านไปพร้อมกัน อย่างน้อยพวกเราก็ยังเป็นห่วงหญิงเหล็กคนนี้อยู่บ้างนะคะ . และในที่สุด วันที่แสนจะเหน็ดเหนื่อยก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน เอาไว้จะชดเชยทีหลังนะคะ . Free TextEditor ยังติดตามอยู่นะคะ faito!!
โดย: salamanka วันที่: 29 มิถุนายน 2554 เวลา:22:01:02 น.
|
Newbie Traveller
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Yoroshikune~ Link |