เวโรนา (Verona) เมืองนี้มีตำนาน 23/11/08 มีโอกาสได้แวะมาเที่ยวเมืองเวโรนา (Verona) เมืองแห่งตำนานโรมีโอและจูเลียตเลยเก็บภาพมาฝากเพื่อน ๆ เมืองเวโรนาตั้งอยู่ในแคว้นเวเนโต (Veneto) ใครที่แวะมาเที่ยวที่เวนิสหรือมิลานน่าจะลองแวะมาเที่ยวที่นี่ดูเพราะที่ตั้งเมืองอยู่ระหว่างทางระหว่างเวนิสกับมิลานพอดี เราพักกันที่โรงแรม ซาน มาร์โค (San Marco)เป็น รร.ระดับสี่ดาว ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองนักมีป้ายรถเมล์อยู่หน้าโรมแรมพอดี แถมในโรงแรมบริการ fitness กับ spa ด้วย แต่ต้องจ่ายเพิ่มจากราคาห้องพัก เราจ่ายค่าที่พักห้องคืนละ 88 ยูโร เพราะจองจากอินเตอร์เนต ใึครอยากรู้เทคนิคการจองห้องพักราคาถูกถามหลังไมค์มาได้ รูปที่พัก พอดีมีเวลาแค่ครึ่งวันในการชมเมืองเลยต้องเลือกที่ต้องการไปดูจริง ๆ ใครมีเวลามากกว่านี้แนะนำให้เดินดูรอบเมืองให้ทั่วนะคะเพราะเมืองสวยค่ะ ระว่างทางไปที่จอดรถ เวลาไปพักที่รร. เค้าจะมีแผนที่แจกให้ฟรีนะคะขอได้ที่รีเซฟชัน ที่จอดในกำแพงเมืองจะให้จอดได้แค่สองชั่วโมง ค่าจอดชั่วโมงละ 1.50 ยูโร แต่มีที่จอดฟรีซึ่งอยู่ไกลออกมาหน่อย พอดีเราไปกันวันอาทิตย์คนไม่เยอะเท่าไหร่เลยได้ที่จอดฟรีอยู่แถวหน้าสุสานนะค่ะ ขากลับเห็นรถคันอื่น ๆ โดนใบสั่งเต็มเลยทั้ง ๆ ที่เป็นวันอาทิตย์นะนี่ ในภาพเห็นแดดออกอย่างนี้แต่ข้างนอกหนาวค่ะ 3 องศาได้ พอจอดใกล้สุสานก็เลยแวะกันที่ หลุมฝังศพของจูเลียต (Juliet's Tomb) ขอบอกก่อนว่าที่อิืตาลีนี่ถ้าออกเสียงว่าจูเลียตนี่ไม่มีใครรู้จักหรอกค่ะเพราะถ้าออกเสียงตามภ.อิตาเลียนต้องออกเสียงว่าจูลีเอตตา (Giulietta) หลุมฝังศพของจูเลียตออกเสียงว่า ทอมบา ดิ จูลีเอตตา (Tomba di Giulietta) ส่วนโรมีโอที่เรารู้จักกันที่อิตาลีอ่านออกเสียงว่า โรเมโอ (Romeo) ไหน ๆ มาเมืองต้นกำเนิดของโรเมโอกับจูลีเอตต้ากันแล้วต้องออกเสียงให้ถูกกันหน่อยนะจ๊ะ ที่ชื่อมันเพื้ยนไปเนื่องจากเชกสเปียร์ (shakespeare) เิอาไปแต่งเป็นบทละคร ภ.อังกฤษ (1592) คนอังกฤษเลยออกเสียงเพี้ยนไป จริงแล้วเรื่องโรมีโอกับจูเลียตของเชกสเปียร์ มีเค้าโครงมาจากเรื่อง The Tragical History of Romeus and Juliet โดยกวีชาวอังกฤษ Arthur Brooke ซึ่งแปลมาจากภาษาอิตาเลียนอีกที่ กวีชาวอิตาเลียนที่เขียนเรื่องนี้ชื่อว่า Bandello มาดูรูปหลุมฝังศพของจูเลียตที่เป็นฉากสำคัญในเรื่องโรมีโอกับจูเลียต หลังจากจูเลียตได้ดื่มยาพิษแกล้งตายที่ให้มาโดยบาทหลวงในคืนก่อนแต่งงาน เพื่อที่จะไม่ต้องแต่งงานกับ ปารีส (Paris) ชายหนุ่มที่พ่อแม่จัดหาไว้ให้ ญาติได้นำศพมาไว้ที่นี่ส่วน ส่วนโรมีโอที่ถูกเนรเทศไปนอกเมืองเวโรนาเนื่องจากไปฆ่า Tybalt ญาติของจูเลียต โรมีโอรู้ข่าวจึงรีบมาหาคิดว่าจูเลียตายแล้ว จึงฆ่าตัวตายตามเนื่องจากไม่ได้รับข่าวที่บาทหลวงส่งไปให้ว่าจูเลียตจะกินยาแกล้งตาย เมื่อจูเลียตฟี้นขึ้นมาเห็นศพโรมีโอจึงฆ่าตัวตายตาม เรื่องเลยจบแบบเศร้า ๆ แต่ก็ทำให้สองตระกูลคือ คาปูเลติ (Capuleti) ของจูเลียต และ มอนเตคคี (Montecchi) ของโรมีโอคืนดีกันได้ ที่หลุมฝังศพของจูเลียตจะมีพิพิธภัณฑ์จิตรกรรมปูนเปียก (Museo degli affreschi) ด้วย ค่าเข้าประมาณ 4 ยูโร แต่ถ้าซื้อตั๋วรวมกับบ้านจูเลียตคิดราคารวม 7 ยูโร จริง ๆ แล้วเค้าจะมีตั๋ววันด้วยเรียกว่า verona card 8 ยูโร สามารถใช้ได้ทั้งวันเข้าพิพิธภัณฑ์ได้หลายที่และใช้ขึ้นรถเมล์ได้ นอกจากนี้ยังมีตั๋ว 3 วันราคา 12 ยูโรด้วย หาซื้อได้ตามร้านขายบุหรี่ที่เขียนว่า tabacchi เทคนิคการทำภาพปูนเปียกศิลปินต้องวาดภาพให้ทันก่อนที่ปูนจะแห้งถ้าใครมาเที่ยวอิตาลีจะเห็นภาพวาดแบบนี้ในการตกแต่งอาคารเป็นส่วนใหญ่ไว้วันหลังจะมาเล่าให้ฟังว่าทำกันยังไง ด้านล่างมีไหดินเผาที่ขุดเจอสมัยโรมันเอาไว้ใส่ของเหลวต่าง ๆ เช่น ไวน์ ใช้เวลาขนส่งในระยะทางไกล ๆ หลังจากนั้นเดินไปอีกหน่อย (พอเหนื่อย) ก็จะถึงถนนคาืืปเปลโล บ้านเลขที่ 23 (Via Cappello, N.23) ซึ่งเป็นบ้านของตระกูลคาปูเลติ (Capuleti) ของจูเลียต ทางเข้าจะมีโน๊ตเขียนข้อความบอกรัก หรือขอพรต่าง ๆ ติดด้วยหมากฝรั่งเต็มผนัง ส่วนด้านข้างคล้าย ๆ โทรศัพท์มีไว้สำหรับฟังเรื่องราวเกี่ยวกับโรมีโอจูเลียต ใครอยากฟังก็สามารถหยอดเหรียญแล้วยกหูฟังได้มีบริการหลายภาษา ที่ลานหน้าบ้านมีรูปหล่อบรอนซ์ตัวแทนจูเลียต ว่ากันว่าถ้าไปลูบหน้าอกด้านขวาจะนำโชคมาให้โดยเฉพาะด้านความรัก มองไปด้านบนจะเห็นระเบียงอันลือชื่อ ทุกคนต้องมาถ่ายรูปที่นี่ ใครได้ดูเรื่องโรมีโอจูเลียตคงจำฉากที่โรมีโอปีนเข้าหาจูเลียตได้ ภายในบ้านในแต่ละห้องก็จะมีข้อความที่เป็นบทประพันธ์ของเชกสเปียส์ในแต่ละฉากเอาไว้ รวมทั้งมีคอมพิวเตอร์ไว้สำหรับให้ส่งข้อความหาจูเลียตใครใคร่เขียนกวีหรือบทความต่าง ๆก็เขียนได้ตามชอบ ไม่แน่ใจว่าข้อความนี้จะมีการเผยแพร่หรือเปล่า นอกจากนั้นยังมีตู้ไปรษณีย์ไว้ส่งข้อความหาจูเลียตด้วย ชั้นบนจัดเป็นห้องนอนของจูเลียตมีเตียงนอน รวมทั้งชุดที่ใช้ในการแสดงเรื่องโรมีโอกับจูเลียตด้วย ภาพยนตร์เรื่องโรเมโอกับจูเลียตมีการสร้างหลายเวอร์ชั่นด้วยกัน ล่าสุดที่ได้ดูปี 1996 ก็เวอร์ชันของผู้กำกับชาวออสเตรเลียน ที่มี DiCaprio เป็นโรมีโอ แต่เวอร์ชันที่ว่ากันว่าสมจริงที่สุดต้องเป็นของผู้กำกับชาวอิตาเลียน Zeffirelli ในปี 1968 ถ่ายทำกันที่ Toscana ในอิตาลี ไว้วันหลังจะหาเวอร์ชันนี้มาดู ในบ้านของจูเลียตมีรูปถ่ายจากเวอร์ชันนี้  หลังจากบ้านจูเลียตเดินตรงมาเรื่อย ๆ ก็จะมาถึงจตุรัสเออร์เบ (Piazza delle Erbe) ในสมัยโรมันเป็นที่ชุมนุมทางเศรษฐกิจการเมือง หรือที่รู้จักกันในนาม Roman Forum (Foro romano) เลี้ยวเข้าถนนมาซซีนี (Via Mazzini) ที่นี่จะมีร้านค้าเบรนด์ดัง ๆ ของอิตาลีทั้ง Gucci, Stefanel เป็นต้น เดินตรงมาเรื่อย ๆ ถึงจตุรัสบรา (Piazza Bra) จะเห็นอาเรนา (Arena) เด่นเป็นสง่าอยู่ อาเรนาที่เวโรนานี้สร้างขึ้นในสมัยโรมันเป็น Roman amphitheatre (Anfiteatro Romano) ที่ใหญ่เป็นอันดับสาม รองจาก Colosseo ที่กรุงโรม และ Anfiteatro campano แต่มีความสมบูรณ์ที่สุด สร้างจากหินอ่อนสีชมพู เสียดายไม่ได้เข้าด้านในเพราะปิดซ่อมพอดี ในช่วงหน้าร้อนจะมีการแสดงคอนเสิร์ต และโอเปรามีดัง ๆ เช่น Aida,Turandot และ Carmen เป็นต้น บัตรมีหลายราคาตั้งแต่ 20 ยูโร ถึง 200 ยูโรกว่า ๆ มีผู้ชมมาจากที่ต่าง ๆ ทั้วโลก นอกจากนี้เมืองเวโรนายังมีพิพิธพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ อีกมากมายเนื่องจากผู้เขียนไม่มีเวลามานักจึงไม่ได้แวะไปที่อื่น ถ้าใครมีเวลาแนะนำให้เดินชมเมืองให้ทั่วค่ะเพราะมีสถานที่สวย ๆ อีกเยอะ แล้วเจอกันทริปต่อไป   Create Date : 26 พฤศจิกายน 2551 4 comments Last Update : 29 พฤศจิกายน 2551 20:45:19 น. Counter : 5276 Pageviews. Share Tweet

ข้อมูลดีๆตรึมเลยคะ   โดย: มามาฮาเฮ 26 พฤศจิกายน 2551 23:54:19 น.

จัดรูป เขียนเรื่องได้ดีจังเลยค่ะ จะคอย ชมเรื่องหน้า นะคะ   โดย: แม่ซานเดอร์ 27 พฤศจิกายน 2551 12:56:17 น.

ข้อมูลละเอียดมากเลยค่ะ รูปก็สวย   โดย: ostojska 27 พฤศจิกายน 2551 22:04:08 น.

ข้อมูลละเอียดมากเลยค่ะ รูปก็สวย   โดย: ostojska 27 พฤศจิกายน 2551 22:04:14 น.