ปวดศีรษะ....จากความเครียด
ปวดศีรษะเป็นอาการที่พบบ่อยมากในคนทั่วโลก ในแต่ละปีมีผู้ปวดศีรษะมากถึง 3 ใน 4 คน ส่วนน้อยของผู้ที่ปวดศีรษะเท่านั้นที่จะเป็นโรคร้ายแรง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ สมองอักเสบ โรคหลอดเลือดสมอง เนื้องอกในสมอง สาเหตุส่วนใหญ่ของอาการปวดศีรษะเกิดจากปวดจากความตึงเครียด (tension-type headache)
* ปวดศีรษะจากความตึงเครียด (Tension-type headache)
อาการ ปวดศีรษะจากความตึงเครียดนั้นเกิดจากการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ (muscle contraction) เป็นอาการปวดศีรษะเรื้อรังที่พบบ่อยที่สุด ต่างจากไมเกรนคือมักปวดทั่วๆ ศีรษะ ปวดตื้อๆ แน่นๆ เหมือนถูกบีบรัด เป็นได้ทุกวันและไม่ถูกกระตุ้นด้วยการเคลื่อนไหว ไม่กลัวแสงหรือเสียง มักไม่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือมีเพียงเล็กน้อย มักมีอาการช่วงบ่าย มีความสัมพันธ์กับความเครียด อาจปวดเป็นชั่วโมงหรือเป็นวันก็ได้ เป็นได้ในทุกอายุ แต่มักเริ่มเป็นตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยหนุ่มสาว อาจพบปวดศีรษะทั้ง 2 ชนิด คือไมเกรนและความตึงเครียด ในคนเดียวกันก็ได้
อาการ
* ปวดตื้อๆ แน่นๆ คล้ายถูกบีบรัด บริเวณขมับ กระหม่อม ท้ายทอย ต้นคอ
* ปวดที่หนังศีรษะและกล้ามเนื้อต้นคอ
สาเหตุ ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด เชื่อว่าสิ่งกระตุ้นอาการปวดศีรษะมีดังนี้
* ความตึงเครียด เช่น ความโกรธ การเปลี่ยนแปลงของอากาศ ทำงานหรือออกแรงหักโหมเกินกำลัง (over exertion)
* อยู่ในท่าที่ไม่เหมาะสม (poor posture) เป็นเวลานาน
* ภาวะซึมเศร้า
* อดนอน
* กล้ามเนื้อตาล้า (eye strain)
การดูแลตนเอง
* ประคบเย็นบริเวณที่ปวด
* อาบน้ำอุ่นหรือน้ำเย็น
* นวดบริเวณศีรษะ ต้นคอ หัวไหล่
* ออกกำลังกายชนิดผ่อนคลาย (relaxation exercises) ด้วยวิธียืดและคลายกล้ามเนื้อ (stretching exercises) เช่น กายบริหาร มวยจีน โยคะ
* ลดหรือหยุดดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
* หลีกเลี่ยงแสงแดดจ้า สวมแว่นกันแดดเมื่อออกแดด
* กินยาแก้ปวด
ปรึกษาแพทย์ ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้
* ปวดต่อเนื่องเป็นเวลานานและปวดบ่อยๆ
* ปวดศีรษะ ร่วมกับมีไข้ คอแข็งก้มไม่ลง (อาจเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ) แขน ขา ชาหรืออ่อนแรง การมองเห็นหรือการพูดผิดปกติ (อาจเป็นโรคหลอดเลือดสมอง)
* ออกแรงเพียงเล็กน้อยก็มีอาการปวดศีรษะ
การรักษาโดยแพทย์
* แยกโรคร้ายแรงที่เป็นสาเหตุของอาการปวดศีรษะออกไปก่อน
* ให้ยาคลายกล้ามเนื้อ
* ให้ยาแก้ปวดที่ออกฤทธิ์แรงขึ้น
การป้องกัน
* ฝึกผ่อนคลาย เช่น ทำสมาธิ ออกกำลังกายด้วยวิธียืดและคลายกล้ามเนื้อ (stretching exercises) ซึ่งสามารถทำได้ในที่ทำงาน เช่น กายบริหาร
* ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
* หลีกเลี่ยงสภาวะที่ทำให้เครียด
* นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
* หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (เช่น ชา กาแฟ)
* หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน พยายามอยู่ในร่มในวันที่แดดแรง สวมแว่นกันแดดทุกครั้งที่ออกแดด
นอกจากนี้ยังพบการปวดศีรษะที่เรียกว่า Analgesic headache คืออาการปวดศีรษะที่เกิดจากการใช้ยาแก้ปวดหรือยารักษาไมเกรนที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะยากลุ่ม ergot derivative ที่มีสาร caffeine ผสมอยู่ ผู้ที่กินยาแก้ปวดขนาดต่ำๆ ทุกวัน มีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ที่กินขนาดสูงแต่ไม่บ่อย มักพบในผู้ที่ซื้อยาแก้ปวดที่ผสม caffeine กินเองและกินถี่กว่า สัปดาห์ละ 1-2 วัน
อาการ
* ปวดศีรษะที่มีความถี่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รูปแบบของการปวดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ปวดศีรษะสลับกันระหว่างไมเกรนและที่เกิดจากยาแก้ปวด
* ปวดศีรษะเกิน 15 วันต่อเดือน และปวดนานเกิน 4 ชั่วโมงต่อครั้งถ้าไม่รักษา
* ต้องกินยาแก้ปวดแทบทุกวัน เพื่อระงับการปวดที่ไม่ได้เกิดจากไมเกรน
การป้องกัน
* ไม่กินยาแก้ปวดเกินเดือนละ 15 วัน
การรักษา
* หยุดยาแก้ปวดทั้งหมด (หลังหยุดยา 2-3 สัปดาห์ อาการปวดก็จะลดลงชัดเจน)
* เปลี่ยนเป็นยาแก้ปวดขนานอื่น โดยปรึกษาแพทย์ที่มาข้อมูล :นิตยสาร Health Today