ต่อจากวันนี้... จะมีผู้ใด... ที่คอยปลอบใจไม่คอยซ้ำเติม...เหมือนวันเดิมๆ...ที่เคยมีเราด้วยกัน
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
17 กรกฏาคม 2549
 
All Blogs
 
~~~ เธอเหมือนเป็นกุญแจที่หาย...เป็นเหมือนคนที่ไขประตูให้ฉัน...เปิดใจดวงนี้ เปิดมันด้วยรัก...จากเธอ..









เมื่อซักอาทิตย์ก่อนได้ดูหลายรายการที่ถ่ายทอดถึงความรู้สึกดีๆ ความคิดดีๆ ของคนๆ หนึ่ง
ซึ่งหลังจากที่เราฟังแล้ว เราพบว่ามันมีเรื่องราวมากมายที่น่าจะเป็นอุทาหรณ์สำหรับเราและทุกคน.....
คนคนนั้น ขณะนี้คงไปอยู่บนสวรรค์ หรือซักที่....
คนคนนั้น คือ... ดร. อภิวัฒน์ วัฒนางกูร ....
เราขอคัดลอกบทสัมภาษณ์ส่วนหนึ่งที่เรารู้สึกว่า ประทับใจ และชื่นชมในตัว ดร. มาให้อ่านกันคะ....

คุณอาจจะรู้จักเขาดีจากชื่อเดิม ดร. อภิวัฒน์ วัฒนางกูร มากกว่า หลังเกาะติดเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลศิริราชเพราะอาการของมะเร็งลำไส้ใหญ่กำเริบ ในขณะที่เรามี GMเล่มที่เขาเป็นนายแบบขึ้นปกไปฝากซึ่งก็คือเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ดร. วรฑาแลกเปลี่ยนด้วยการคั้นชีวิตของเขาออกมาคลี่วางให้เราได้เรียนรู้ เขาพูดคุยสลับกับการพักเหนื่อยและยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่บอกว่าเขายังเชื่อมั่นกับคำว่าปาฏิหาริย์

1. ตอนที่ผมไปเรียนต่อต่างประเทศ เราก็จะกลัวไปหมดทุดเรื่อง แต่คุณแม่เขียนจดหมายมาสอนผมว่าอย่ากลัวในสิ่งที่มองไม่เห็นเพราะถ้าเราไปตั้งท่ากลัวเสียก่อน มันก็จะไม่เกิดสติปัญญาที่จะไปแก้ไขปัญหา สู้เราทำตัวสบายๆ แล้วแก้ไขปัญหาไปตามธรรมชาติจะดีกว่า
2. คนไทยเราเรียนปริญญาโทเพราะคิดว่าเรียน ๆ ไปเถอะ เราแยกเอาการเรียนรู้และชีวิตออกจากกัน เชื่อแต่ว่าพอจบการศึกษาแล้วค่อยใช้ชีวิต แต่ในต่างประเทศการเรียนรู้เป็นการกระทำที่ต่อเนื่อง มันเป็นสิ่งที่เคียงคู่กับการใช้ชีวิต
3. คุณพ่อคุณแม่ผมเป็นคนที่เชื่อมั่นในการศึกษา การศึกษาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมีใครขโมยไปได้ การศึกษาเป็นทรัพย์สินที่ต่อเนื่อง คุณพ่อคุณแม่จึงพยายามทุกวิถีทางให้ผมมีการศึกษาที่ดี ยอมขายที่นาเพื่อให้สามารถส่งเสียผมไปเรียนได้ ทุกครั้งที่เห็นเด็กไม่สนใจการเรียน ผมจะรู้สึกเศร้าใจมาก ๆ หากมีโอกาสได้ทำบุญ ผมจะเลือกทำบุญกับโอกาสทางการศึกษาของเด็ก
4. การที่คนเราจะมองหาจุดมุ่งหมายของชีวิตให้เจอมันเกิดขึ้นต่างรูปแบบกัน ต้องถามตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่เราอยากจะทำที่สุดในชีวิตกันแน่ ผมเชื่อว่าทุกคนต้องหาให้เจอ ไม่ช้าก็เร็ว เราจะได้มีพลังขับเคลื่อนให้ไปถึงจุดมุ่งหมาย
5. ผมคร่ำเคร่งกับการเรียนเพราะเป็นสิ่งที่เราไปอยู่ตรงนั้นเพื่อที่จะทำมัน เราไม่ได้ไปอเมริกาเพื่อท่องเที่ยว เราไปเพื่อศึกษา อย่าลืมว่าผมทำงานไปด้วย เพราะฉะนั้นผมไม่ได้พลาดโอกาสที่จะเรียนรู้ชีวิตในอีกแบบหนึ่ง ในขณะเดียวกันผมก็ไม่พลาดโอกาสที่จะเปิดหูเปิดตาไปท่องเที่ยว ผมคิดว่าชีวิตผมค่อนข้างจะรอบด้านได้ศึกษาทั้งวิชาการและทำงานแบบผู้ใช้แรงงาน



6. มองย้อนกลับไป ผมจะเลือกเงินหรือชีวิตเหรอ? ก็ผมนี่ไง ผมเป็นตัวอย่างของคนที่มุ่งหน้าหาเงินเพราะว่าผมมีแผนการในชีวิตมากมายที่ต้องสร้างสมเอาไว้เพื่อครอบครัว มันไม่ถึงกับลืมใช้ชีวิตหรอก แต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสใช้ชีวิตมากกว่า ที่สุดแล้วมันก็นำพาซึ่งความเจ็บป่วย ที่สุดแล้วผมก็หาเงินตามจุดมุ่งหมายได้ไม่มากเท่าที่ควร เราบอกว่าเราจะทำงานสัก 20 ปี แต่ว่าโอกาสของเรามีแค่ 10 ปี เพราะหลังจากที่ตรากตรำทำงานมาหนัก ร่างกายบอกว่ามันทำได้แค่นี้ เพราะฉะนั้นก็ลงเอยด้วยการที่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน
7. ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมคงเลือกทั้งเงินและชีวิตเพราะว่าเราปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินก็ยังเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิต แต่ว่ามันไม่ใช่สรณะ ผมเลือกที่จะกระจายการทำงาน กระจายความทุ่มเทนั้นออกไป เพื่อให้สามารถทำงานได้นาน มากขึ้นและตัวผมเองสามารถที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้นานๆ
8. ความทรงจำที่มีค่ามากสำหรับผมมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาเล็ก ๆที่ผมอยู่กับตัวเอง
9. ผมเคยเขียนการ์ดเล็ก ๆให้ภรรยาสรุปความได้ว่า เวลาที่คนสองคนเดินไปบนชายหาด ตอนที่เราหันกลับมามองก็จะเห็นเป็นรอยเท้าเล็กๆ สองคู่ เดินไปเดินมา ทำไมเราจึงเห็นรอยเท้าเหลืออยู่แค่คู่เดียวละ อีกคนหนึ่งหายไปไหนหรือ คำตอบคือไม่มีใครหายไปไหนหรอก แต่อีกคนกำลังอุ้มอีกคนหนึ่งเอาไว้ ผมหมายถึงตัวผมอุ้มเขาอยู่ เป็นคำมั่นสัญญาว่าผมจะดูแลเขาไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่
10.ครั้งหนึ่งที่ผมฟังดุริยมนตราซึ่งเป็นเสียงสวดมนต์ที่ประกอบไปกับดนตรี ผมฟังแล้วผมร้องไห้มากแล้วก็บอกกับตัวเองว่าถ้าชีวิตผมจะหาไม่จริง ๆ ด้วยอาการเจ็บป่วยนี้ ผมอยากจะบอกคุณพ่อกับคุณแม่ว่าผมได้คุณพ่อกับคุณแม่ที่ประเสริฐที่สุดแล้ว ไม่ใช่แค่เลี้ยงดู สั่งสอนให้แนวทางชีวิตในยามที่ผมปกติดีอยู่ แต่ในยามเจ็บป่วย คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยห่าง มาหาผมที่โรงพยาบาลทุกวัน อยากให้ท่านได้รู้ว่าผมมีคุณพ่อคุณแม่ที่ผมไม่สามารถเรียกร้องหาได้ดีกว่านี้จากที่ไหน



11. ในความเป็นพ่อ ผมให้คะแนนความพยายามมากกว่าผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้น ผมคิดว่าคะแนนความพยายามของผมอยู่ที่ 80 มันไม่เต็มร้อยหรอกครับเพราะมีข้อจำกัดเรื่องเวลา แต่ลูก ๆ มีแกนกลางคือเขามีแม่ที่ดีเพราะฉะนั้นลูก ๆจะไม่เคยรู้สึกว่าขาดพ่อเพราะว่าแม่ทดแทนได้หมด แม่ไม่ใช่เพียงแค่คนที่พยายามรักษาความสมดุลในครอบครัว แต่เขาเป็นศูนย์กลางของจักรวาลในครอบครัวเรา นี่ไม่ใช่การถ่อมตน แต่เป็นการพูดในความรู้สึกที่แท้จริง เขาเป็นดวงใจของเราทุกคน ให้กลับกัน ผมไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าผมทำได้เพราะว่าผมอาจจะถนัดเรื่องจัดหามากกว่าการดูแล ใครอยากได้อะไร ผมจะหามาให้ ขอแค่ให้รู้เถอะ ไม่ต้องเอ่ยปากหรอก ผมจะไปหามาให้
12. ชีวิตผมไม่มีอะไรนอกจากบริษัทเจเอสแอลและครอบครัว ผมมีแค่นี้ ผมไม่มีอย่างอื่นอีกแล้ว
13. การเป็นพ่อเป็นเรื่องของธรรมชาติ ไม่ต้องใช้อะไรเป็นพิเศษไปมากกว่าความรักทั้งหมด ผมเคยเซ็นหนังสือให้ลูกว่า “สำหรับน้องเพชร ด้วยความรักทั้งหมดในหัวใจพ่อ” ถ้าคุณรักลูก คุณก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างกับเขาและตรงนี้ต่างหากที่เพิ่มเติมมาด้วยสติปัญญา พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะมีเวลาอยู่ด้วยกัน เรียนรู้ถึงความต้องการและความฝันของเขา แต่บางครั้งลูกก็ไม่ได้อยากอยู่กับเราเสมอไป เขาอาจจะมีธุระอื่น ฉะนั้นความรักและความเข้าใจจะต้องมาเป็นอันดับต้นเลย เราต้องพยายามหาหนทางละมุนละไมที่จะโอบแขนของเราเข้าไปอยู่ในชีวิตของเขาให้ได้
14. ผมไม่ขอเปรียบเทียบชีวิตการเป็นพิธีกรของผมกับคนอื่นๆ ตอนที่ทำรายการจันทร์กระพริบใหม่ ๆ ผมจบดอกเตอร์มามันยิ่งสร้างความคาดหวังว่าจะทำอะไรดี ๆ ได้อีกเยอะ ต้องศึกษาหาความรู้เยอะ อ่านประวัติของแขกรับเชิญมาล่วงหน้าซึ่งจะทำให้เราไม่รู้สึกห่างไกลจากเขา รายการจันทร์กระพริบเป็นงานที่ยาก ผมใช้เวลากว่าสองปีจึงจะหาตัวเองพบ ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าการเป็นพิธีกรมันคือการแสดง ในเมื่อมันคือการแสดง อะไรละคือบุคลิกภาพจริงๆ ของเรา เวลาที่เราขอคำแนะนำจากใคร สิบคนเราจะได้คำตอบสิบอย่าง เพราะฉะนั้นผมเลยคิดว่าที่สุดแล้วผมเชื่อตัวเองดีกว่า ผมไม่ใช่คนถามจาบจ้วงหรืออยากให้เฮฮากว่านี้ ผมว่าไม่ใช่ผม ผมเป็นคนให้เกียรติคน เป็นคนที่มีบุคลิกพูดง่ายๆ ว่านุ่มนิ่ม บางทีมันเป็นจุดอ่อนแต่เราต้องพัฒนาให้เป็นจุดแข็งให้ได้ เอาความอ่อนโยนมาเป็นเสน่ห์ เอาความนุ่มนิ่มมาเป็นวิธีการถามคำถามทำให้เกิดความอบอุ่นขึ้น
15. ครั้งแรกที่ผมสัมภาษณ์ ทอดด์ ทองดี เขาบอกว่ายูรู้ไหมว่าการที่ยืนอยู่ด้วยกันบนเวที มันมีไออุ่นของคนที่อยู่ใกล้กัน เขาไม่รู้สึกอบอุ่นแบบนี้กับใครเท่าที่ยืนอยู่ใกล้ผม ผมมีความรู้สึกว่านั่นแหละคือการที่เราหาตัวเองเจอ ธรรมชาติของผมคือเป็นผู้ชายอบอุ่นนั่นเอง



16. ทุกวันนี้ผมดูทีวีได้ไม่นานเพราะว่าเสียงมันดังเกินไป รายการโทรทัศน์น่าจะมีความนุ่มนวลแล้วค่อยทะยานขึ้นไปถึงความตื่นเต้น แต่ทุกวันนี้มันมีแต่ความเปรี้ยงปร้าง อาจเป็นเพราะว่าการแข่งขันมันสูง พิธีกรต้องขุดมุกมาใช้เพื่อให้ได้ชื่อว่าสามารถสร้างเสียงฮาได้ตลอดเวลา ซึ่งผมคงสอบตกในกรณีนี้ แต่ผมเชื่อว่าความแพรวพราวมันมีได้หลายลักษณะ เช่นยิงคำถามแพรวพราวก็ได้หรือบางทีเขาตอบอะไรมา เราอาจจะแสดงความคิดเห็นอะไรกลับไป เป็นความแพรวพราวตรงนี้ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีมุกตลอดเวลา
17. การเป็นพิธีกรคือโอกาสที่ได้เรียนรู้ชีวิตของคน ได้แบบเรียนชีวิตโดยไม่ต้องซื้อหามา เป็นประสบการณ์ล้ำค่าที่ไม่มีอะไรทดแทนได้ ผมเรียนรู้ชีวิตจากชีวิตของผู้อื่น ผมได้ค้นพบว่าชีวิตไม่มีความแน่นอน เราต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่าและในยามที่เรายังมีลมหายใจอยู่ เราน่าจะได้ใช้โอกาสนั้นทำความดี เป็นสิ่งที่เราจะทิ้งไว้ในโลกนี้ มันเป็นมรดกของมนุษย์ชาติอย่างหนึ่งและคนอื่นอาจจะเรียนรู้ได้ในภายหลัง
18. การมีชีวิตอยู่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก เราทำให้หนึ่งชีวิตเป็นอะไรก็ได้ เป็นหนึ่งชีวิตที่เต็มไปด้วยคุณค่าหรือเราทำหนึ่งชีวิตของเราให้เป็นหนึ่งชีวิตที่สร้างความทุกข์ใจให้กับใครสักคนหนึ่งไปตลอดชีวิตก็ได้ ความยิ่งใหญ่ของชีวิตอยู่ที่ว่าเราจะเลือกใช้ชีวิตอย่างไร
19. ผมไม่รู้ว่าจำนวนของคนที่เห็นแก่ตัวบนโลกนี้มีเท่าไหร่ แต่ผมว่าความเห็นแก่ตัวมันเกิดขึ้นได้กับทุก ๆคนแหละ มันคือการชั่งนำหนักในสิ่งที่เราจะทำ จริง ๆ แล้วก็คงเหมือนกับที่เขาพูดกันว่าไม่ต้องเป็นคนดีเท่าไหร่หรอก ขอแค่เป็นคนเลวน้อยที่สุดก็พอแล้ว
20. ความกตัญญูรู้คุณคนเป็นสิ่งที่ผมยึดถือเป็นหลักประจำใจ คนเราถ้าไม่รู้จักรู้พระคุณคน มันทำให้เราหลงลืมไปว่าเรามีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ได้เพราะอะไร คนที่เขาให้เรามาบางทีเขาไม่ได้จดจำเพราะนั่นเป็นการให้ที่แท้จริง แต่การที่เราได้รับนั่นหมายถึงการได้ส่วนบุญที่ดีมา มันเปลี่ยนชีวิตเรามากเพียงพอที่เราควรจะจดจำว่าเรามาถึงฝั่งฝันนี้ได้อย่างไร มีใครบ้างที่ช่วยพยุงเราขณะที่เราว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรมา การระลึกถึงพระคุณของคนเป็นสิ่งที่มนุษย์ที่ประเสริฐเขาทำกัน



21. คนที่เป็นผู้ให้ในชีวิตผมมีมากและผมไม่มีวันที่จะลืมได้เลย ภรรยาผมเขาไม่เคยนึกถึงตัวเองเลย เขานึกถึงแต่ว่าทำอย่างไรสามีเขาจึงจะหาย ผมเรียนเรื่องธรรมชาติบำบัด ผมรู้สึกเอาเองว่าผมรับพลังดี ๆ จากธรรมชาติมาเยอะ เรียนรู้ที่จะรับพลังธรรมชาติจากต้นไม้ ใบหญ้า ผมรับรู้ถึงความปรารถนาดี ความหวังดีของคนจำนวนมาก คนเหล่านี้เป็นคนที่ผมไม่มีวันลืมไปจากชีวิตนี้แล้วก็ขอเจอกันทุกชาติไป ผมคิดว่าถ้าผมจะหายก็ด้วยพลังรักที่เขามีต่อผม
22. ทุกวันนี้ผมมองทุกอย่างด้วยสายตาเป็นกลางมากขึ้น ผมมองว่าถ้ามันจะเป็นความรู้สึกที่สุข ผมก็จะไม่ดีใจจนเกินเหตุ หรือถ้ามันจะทุกข์นัก ผมก็จะไม่ทุกข์มาก ผมจะอยู่ตรงกลางด้วยความหวังว่าวันของเราจะต้องมาถึง เราได้ฟังเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับคนหลายคนที่เป็นมะเร็ง ใจผมก็อยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับผมบ้าง เมื่อไหร่ปฏิหาริย์จะเกิดขึ้นกับผมสักที ผมท้อแท้บ้างแต่ผมไม่ยอมแพ้พ่าย ทำไมยังเจ็บปวด เศร้า ทุกขเวทนาอยู่เรื่อย แต่ผมปฏิเสธที่จะตายไปกับโรคนี้
23. ผมเสียใจอยู่ตลอดมาที่มีเวลาให้กับครอบครัวน้อยเกินไป อยากบอกลูกว่าถ้าพ่อเลือกได้ พ่อคงอยู่บ้านให้มากกว่านี้


... อ่านแล้วน้ำตาแอบซึม.... แล้วแอบกลับมาคิดถึงตัวเอง.....



กุญแจที่หายไป - Plamy




Create Date : 17 กรกฎาคม 2549
Last Update : 17 กรกฎาคม 2549 15:36:31 น. 19 comments
Counter : 681 Pageviews.

 
ตัวหนังสือเยอะไปหน่อย... แต่คิดว่าเป็นข้อความที่อาจให้กำลังใจบางคนได้...


โดย: pim (pim-aey2110 ) วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:38:27 น.  

 
เด๋วกลับไปอ่านที่บ้านนะ
...
...
กุญแจไรอ่ะ ไม่ได้ตั้งใจทำกุญแจหายใช่ป้ะ...
...
หาให้เจอเร็ว เร็วน๊า อิอิ
...
...
วันเสาร์เค้าร้องเพลงนี้ เพราะอ่ะจิ
...
...
เล่าอุ้มรักให้ฟังด้วย ...
...
...
กลับมาเกือบตีสอง
...
...
เด๋วค่อยดูแผ่นเอาละกัน มะมีเอฟเฟ็กต์อะไรมากใช่ป้ะ


โดย: Serendipity_t วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:10:13:20 น.  

 




เพลงเพราะมากๆ เลยจ๊ะ



ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมบล๊อคน้า


โดย: อย่ามาทำหน้าเขียวใส่นะยะ วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:14:45:05 น.  

 
อ่านจนจบ

รอบที่สอง รอบแรกจากเมลที่มีคนส่งมาให้

แล้วก้อมีคนเตือนพี่ด้วยเรื่องนี้บ่อยมากๆ

พี่ทำงานหนัก แล้วก้อไม่ค่อยใส่ใจตัวเอง



ต้องหันมาดูแลตัวเองให้มากกว่านี้แระ


คิดถึงเอ๋นะ...หนังหนุกป่าว...ดูเรื่องนี้แล้ว ไม่ต้องนึกถึงพี่นะจ๊ะ


โดย: ตี๋สีชมพู วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:5:15:52 น.  

 
พี่ตี๋.. เอ๋ขอสารภาพนะว่าดูหนังแล้วคิดถึงพี่ตี๋ถือกระเป๋าตังค์สีชมพูเป็นคนแรกเลย... น่ารักมะ



โดย: pim (pim-aey2110 ) วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:8:20:55 น.  

 
อยากให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับใจทุกดวงบ้างจัง
...
...
นอนเร็ว เมื่อคืน อ่ะ มะได้ไปไหน
เปิดหนังดูแล้วก็หลับไป...
...
ออนตอนเย็น ก็มะเห็นจะเจอเอ๋
...
เจอแต่ติ๊ดตี่ กะน้องรหัสเรา ออนพร้อมกัน
...
...
คิดถึง...อย่างอนเค้าเลยน๊า


โดย: Serendipity_t วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:8:56:03 น.  

 
เป็นบทความที่ดีมากเลยอ่านแล้วได้ข้อคิดหลายอย่าง

รักษาสุขภาพด้วยนะน้องเอ๋

ว่างๆจาได้มาหม่ำกันอีกนะ

คิดถุง


โดย: Sugar and spice วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:16:23 น.  

 
Yo!!


โดย: Serendipity_t วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:01:02 น.  

 
รักและคิดถึง....มาก
...
...
...
หลังคุยกะเอ๋....ยิ้มได้ละ
...
...
งงอ่ะดิ


โดย: Serendipity_t วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:18:21:36 น.  

 
ขอบคุณมากครับคุณ เอ๋

ยังมีอะไรให้ทำอีกมากมายจริงๆครับ

ปล. ขอ สารภาพว่า ยังไม่ได้อ่านฮะ ขอแปะไว้ก่อนนะ ฮะ


โดย: Nutty Professor วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:3:10:30 น.  

 
เมื่ออาทิตย์ หรือสองอาทิตย์ก่อนโน้นเพื่อนมาเล่าให้ฟังว่า
ดร. อภิวัฒน์ ท่านเสียชีวิตแล้ว ก็เลยพาลทำให้คิดถึงท่านตอนสมัยท่านยังเป็นหนุ่มเอ๊าะ
เรียนจบมาจากเมืองนอกหมาดๆ มาเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่ ม. กรุงเทพฯ กล้วยน้ำไท นิสิตสาวๆ เป็นปลื้มกับอาจารย์
หนุ่มฟ้อ หล่อเฟี้ยว
จวบจนมาถึงณ. เวลานี้ ทำให้คิดถึงสังขารของคนเรา
นั้นไม่เที่ยง เลยจริงๆ
ฉะนั้น ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทำสิ่งที่อยากทำ ..........

ปล. บทสัมภาษณ์ของท่านดีมากเลยค่ะ


โดย: null (พ ริ ก ขี้ ห นู @ UK ) วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:3:44:55 น.  

 
Image Hosted by ImageShack.us

การบอกเลิกกับการถูกบอกเลิก อะไรทำให้คุณเจ็บปวดมากกว่ากัน อยู่บนนัยยะที่ว่า คนโดนบอกเลิกเป็นคนดีและรักเรามากที่สุด


โดย: erol วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:8:58:19 น.  

 
อยากกินไอติม ไปกินกัน


โดย: Serendipity_t วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:11:52:03 น.  

 
5555 พึ่งกินติมคอนเน็ตโตรส สตอรเบอรี่ ไปเองอะ ... หร่อยมักๆๆๆๆ


โดย: pim (pim-aey2110 ) วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:54:03 น.  

 
แวะมายิ้ม




โดย: ตี๋สีชมพู วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:14:20:58 น.  

 
อขอสารภาพ.ว่า....


อ่านแล้วครับคุณเอ๋

จัดว่าเป็นคนเก่งคนนึง ทำให้ จันทร์ กระพริบ โด่งดัง เมื ่อหลายปีก่อน
จนถึงตอนนี้ ผมก็อยากจะบอกว่า รายการนี้ ขึ้นหิ้งไปแล้ว

เป้นมุมมองชีวิต ที่มีคุณค่าครับ



โดย: Nutty Professor วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:19:42:31 น.  

 
อิ่มจัง ตังค์ยังอยู่เยอะ วันเสาร์ไปซื้อของขวัญวันเกิดกันอีกน๊า


โดย: Serendipity_t วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:54:10 น.  

 
เบื่อพวกพูดเออเองจิงๆๆ เลย ... เห้อ.. อิ่มจัง...แต่ตังค์หายไปไหนนี่ย

ล้อเล่น... เพื่อนทำไมเลี้ยงไม่ได้เนอะ...


โดย: pim (pim-aey2110 ) วันที่: 21 กรกฎาคม 2549 เวลา:8:45:54 น.  

 
...อยู่เลี้ยงกันไปนานนานนะ...
อย่าเพิ่งรีบแต่งงานไปซะก่อนล่ะ...
เด๋วเพื่อนผอม....
...
..
.
คิดถุง


โดย: Serendipity_t วันที่: 21 กรกฎาคม 2549 เวลา:11:16:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pim-aey2110
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add pim-aey2110's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.