|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
คริสต์มาส-ปีใหม่...พวกเราเหล่ามาชุมนุมต่างคุมใจรักสมัครสมาน (3)
ฉลองวันที่สาม - ปีใหม่แบบไทยๆ กับเพื่อนต่างชาติ
พอใกล้ถึงวันปีใหม่ เลสลี่ย์เจ้าเก่าก็มาถามฉันว่า ปีใหม่ เราไม่คิดจะจัดปาร์ตี้เคาต์ดาวน์กันเหรอ ฉันบอก ก็ดีเหมือนกันนะ ฉันเองก็ว่างๆไม่มีอะไรทำหรอก คืนสิ้นปีน่ะ
เลสลี่ย์ก็ถามว่า แล้วปาร์ตี้ปีใหม่ของคนไทยทำอะไรกันบ้าง ฉันก็บอกว่าที่บ้านฉัน เขาก็กินกัน (ไม่ได้บอกว่า เมากันด้วย คือ บิดากับบรรดาน้องชาย น้องเขยฉันเอง) จับสลากของขวัญ เต้น(ดิ้นน่ะจ้ะ) ร้องเพลงคาราโอเกะ แล้วก็เล่นเกม จำพวก เก้าอี้ดนตรี เหยียบลูกโป่ง ทายปัญหากัน
เลสลี่ย์บอก ท่าทางน่าสนุกนะ แล้วของขวัญเอามาจับสลาก เกิดผู้ชายจับได้ของผู้หญิง แล้วผู้หญิงจับได้ของผู้ชาย จะทำยังไง ฉันบอกว่า ไม่เป็นไร เพราะเราจะพยายามซื้อของที่ใครได้ไปก็ใช้ได้ ไม่จำกัดเพศW
เลสลี่ย์บอก งั้นงานนี้เรามาซื้อเป็นของเล่นบ้าๆบอๆมาจับสลากกันเถอะ
ตกลงกับเลสลีย์เสร็จแล้ว ฉันก็เดินทางเข้าลอนดอนไปดูแสงสี ไฟคริสต์มาสที่ถนนรีเจนต์กับถนนอ็อกซ์ฟอร์ด (รวมทั้งดูแสงไฟตามร้าน Next, Gap, Mango, ห้าง Harrods ด้วย อิๆๆๆ เพราะเขาเซลกระหน่ำจ้ะ)
ไม่มีเวลาหาซื้อของขวัญแบบบ้าๆบอๆ มาเลย ฉันเลยซื้อปฏิทินภาพเขียนที่ National Gallery มาจับกับเขา เสียเส้นชะมัดเลย เพราะมันไม่บ้าๆบอๆ สมดังเจตนารมณ์น่ะสิ
พอวันเคาต์ดาวน์ ฉันก็เดินทางกลับจากลอนดอน อย่า...ไม่ต้องแปลกใจที่ฉันไม่อยู่เคาต์ดาวน์ที่ลอนดอน ทั้งๆที่ไปจนถึงถ้ำเสือแล้ว ที่ไม่อยู่เพราะฉันน่ะ รังเกียจฝูงชนมากๆเลย (กลัวระเบิดอ้ะ กลัวถูกล้วงกระเป๋าด้วย ทำหยั่งก๊ะมีเงินเยอะนะหล่อน) อีกอย่างออกมายืนเคาต์ดาวน์หน้าหนาวกลางดึก มันคงหนาวระห่ำนะยะ ฉันก็เลยนั่งรถไฟกลับแบบสวนกระแสซะเลย แล้วก็สวนจริง เพราะขบวนรถไฟว่างโล่ง แทบจะไม่มีคน โบกี้ที่ฉันนั่งมีคนอยู่สามสี่คน
พอมาถึงบ้าน ฉันก็เข้าสูตรเดิม คือ มาหาของกินรองท้อง (ฉันน่ะถนัดนักแล ไอ้เรื่องรองท้องเนี่ย รองจนตอนนี้ ท้องมันหนาออกมาพลุ้ยข้างนอกแล้ว) ก็อย่างที่บอกแหละ พวกนี้ชอบกั๊กๆ กว่าจะกินก็ดึกอีก เพื่อปลอบขวัญพยาธิในท้อง ฉันเลยต้องจัดอาหารเลี้ยงมันไปก่อนหนึ่งรอบ
แล้วอิเซลากับอเล็กซ์ก็มารับฉันไปบ้านเลสลีย์กับแคเรน พอเข้าบ้านเราก็เห็นต้นคริสต์มาสประดับไฟวับแวมสวยงาม
พอไปถึง เราก็ทักทาย เม้าๆ คุยๆ กันไปสักพัก แล้วก็เริ่มเปิดพิธีกิน (คราวนี้ไม่กั๊กนานแฮะ) สองสาวก็มีอาหารให้เลือกกินหลายอย่าง ที่เป็นหลัก คือพิซซ่า นอกนั้นก็เป็นอาหารเรียกน้ำย่อย แบบอาหารปาร์ตี้ คือ จิ้มๆ กัดๆ เช่น เซอเลอรี่สดจิ้มซัลซา(สไตล์เม็กซิกัน) เนยแข็ง สแน็คจำพวกมันฝรั่งต่างๆ ไส้กรอกอบ ของหวานก็เป็นพวกเค้กและมินซ์พายที่แคเรน อุตส่าห์ลงมือทำให้ฉัน เพราะฉันน่ะไม่ชอบมินซ์พายที่เขาขายกัน ด้วยความที่มันหวานจนฉันกินแล้วแสบไส้แสบพุง หวานจนฉันต้องทำอาการที่ว่า หวานอม ขมกลืน (เพราะจริงๆอยากคายทิ้ง ไม่อยากกิน)
กินไปแล้วเราก็คุยกันไป เสร็จแล้วก็จับสลากของขวัญกัน แต่ละคนเขาเอาของเล่นมาจับกันแบบหนุกๆ มีแต่ฉันน่ะแหละ ที่เอาปฏิทินภาพวาดฝีมือคลาสสิค แบบเรมบรานด์บ้าง รูเบนบ้าง มาจับสลาก ไม่เข้ากับบรรยากาศเล้ย แถมคนจับได้ของฉัน ดันเป็น หนูน้อยเนโอมี ลูกสาววัยเก้าขวบของแคเรน เธอทำหน้าผิดหวังพิกลที่ได้ปฏิทินแทนที่จะได้ของเล่น ฉันเองรึ ก็อยากได้ปฏิทินอันนั้นเหมือนกัน เพราะมันสวยคลาสสิคถูกใจฉัน แต่ออกกฎมาแล้วว่า ห้ามได้ของของตัวเอง ท้ายสุด เนโอมีก็ขอเปลี่ยนกับแม่ เพื่อเอาของเล่นไป
จากนั้นก็เป็นรายการแสดง เลสลี่ย์บอกให้พวกเราดับไฟ แล้วเธอก็เดินจูงเนโอมีเข้ามาในห้อง พร้อมกีตาร์เด็กเล่นหนึ่งอัน เนโอมีก็เดินเข้ามาแบบขวยเขิน แล้วก็บอกว่า หนูไม่อยากเล่นแล้ว เลสลี่ย์ก็บอกว่า ไม่ได้นะ หนูต้องเล่นเพื่อน้าพิลเขานะ สัญญากันไว้แล้วว่าจะโชว์
เนโอมีก็ร้องเพลงออกมาแบบเนือยๆ อายๆ Im all alone in the wild west, wondering what to do
. แล้วก็หยุดไปเฉยๆ ฉันก็เลยบอกว่า ร้องต่อสิ ฉันอยากฟัง ฉันชอบนะ เนโอมีบอกว่า ไม่จริงหรอก จะให้หนูร้อง แล้วเอามาล้อเลียนกันก็บอกเถิด (แน่ะ เด็กมันฉลาดแฮะ รู้ซะด้วยว่าเราชอบล้อ โธ่ น้าล้อก็ไม่ใช่ว่าเยาะเย้ยนะ แต่เห็นหนูร้องได้น่าเอ็นดู น้าก็ขำเป็นธรรมดา) ฉันเลยบอกไปว่า ฉันชอบจริงๆ ร้องเถอะ เพราะหนูร้องได้ดีมากๆ เนโอมีก็ยังทำกระบิดกระบวน ยั่วยวนไม่ยอมร้อง หนักเข้าฉันเลยงัดไม้ตายออกมา บอกว่า เอางี้นะ ถ้าหนูแสดง ฉันจะรำไทยให้หนูดูบ้าง เอาไหมๆๆๆ
เลสลี่ย์กับคนอื่นๆก็ตาลุก เพราะเกิดมาจนจะแก่แล้ว ยังไม่เคยเห็นฉันรำไทยเลยสักที (ฉันเองก็ยังไม่เห็นตัวเองรำสักทีค่ะ แต่ฉันมีไม้เด็ด เดี๋ยวจะรู้ว่าไม้เด็ดของฉันคืออะไร) เลสลี่ย์บอกหลานว่า เอาน่า เนโอมี ร้องหน่อยเร็วๆ เดี๋ยวเราจะได้ดูน้าพิลรำไทยกัน เนโอมีก็เลยร้องให้ฟัง แบบซังกะตาย จนจบ
ฉันก็ เอาไงดีล่ะ เด็กมันก็ร้องเพลงให้ฟังแล้ว จำเราจะต้องออกรำบ้างในบัดดล ว่าแล้ว ก็รำวงไงคะ รำไทยของเรา (ของฉันนี่แหละ)
ก็เลยจับทุกคนเข้าแถวแล้วรำเป็นวงกลมซะเลย เรื่องอะไรจะรำคนเดียว แล้วก็ร้องเพลง วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำก็นองเต็มตลิ่ง... เวรกรรมของดิฉัน ดันร้องเพลง รำวงปีใหม่ไม่ได้ เลยมั่วๆเอารำวงวันลอยกระทงมาร้อง แล้วก็พาเขารำจนจบเพลง หันไปดูแต่ละคน เห็นรำกันป้อ อเล็กซ์สามีสุดที่รักของอิเซลา รำได้เหมือนลิงมาก
คราวนี้ ทุกคนเลยตื่นตัว ตื่นตา ตื่นใจ เพราะน้าพิลมาปลุกม็อบเข้าให้แล้ว วิญญาณนักแสดงเดือดพล่าน สะท้านอยู่ภายใน เห็นทีพวกเราทุกคนจะต้องปลดปล่อยวิญญาณนี้ให้เป็นอิสระ
เนโอมี มาเป็นคนแรก เธอหันมาร้องเพลงที่เคยร้องแบบซังกะตาย ใหม่ ด้วยลีลาเร้าใจแบบวัยมันมากขึ้น เธอร้องและแสดงของเธอเอง โดยไม่ต้องขอ
ฉันเลยบอกว่า ถ้างั้น ขอให้แต่ละชาติส่งการแสดงประจำชาติมาเล่นให้พวกเราดูก็แล้วกัน เพราะฉันเล่นของไทยไปแล้ว (รำวงแบบไม่ค่อยมาตรฐานของฉันน่ะแหละค่ะ)
จริงๆแล้ว เราก็มีกันอยู่สามชาติเองค่ะ คือ ชาติที่แล้ว ชาตินี้ และชาติหน้า เอ๊ย ไม่ใช่ค่ะ คือ ชาติไทย ชาติเม็กซิกัน และชาติอังกฤษ
อิเซลากับอเล็กซ์ มาร่วมความมัน ด้วยการเต้นโชว์ระบำเทียนประจำชาติเม็กซิโก
เลสลี่ย์กับแคเรนเกาหัวแกร็กๆ แล้วบอกว่า อังกฤษไม่มีการละเล่นอะไรประจำชาติเลยว่ะ ฉันบอกว่า งั้นยูก็เล่นละครเพลงให้พวกเราดูแล้วกัน เรื่อง Mary Poppins ก็ได้ สองสาวพี่น้อง เลยตกลงร้องเพลง เล่นละครกัน ตามแบบวัฒนธรรมอังกฤษที่ชอบดูละครเป็นชีวิตจิตใจ เธอร้องเพลงเรื่อง My fair lady กันค่ะ
ทั้งสนุกสนานและเขินอายกันเป็นระยะๆ กับความบ้าๆบอๆของพวกเรา
จากนั้น ก็มานั่งเล่นเกมทายปัญหากัน เรียกว่า conga cranium จนจบเกม แล้วเราก็เปิดทีวี ดูการฉลองในแต่ละประเทศ แต่ละเมือง เมื่อใกล้เวลาสองยามหรือเที่ยงคืน ที่จะเปลี่ยนเข้าสู่วันใหม่และปีใหม่ เราก็ได้ยินเสียงพลุจากบ้านใกล้เรือนเคียง พวกเราก็กระโดดผลุง ลุกขึ้นมายืนเอามือจับแบบไขว้ๆกัน แล้วก็ร้องเพลง พวกเรา เหล่ามาชุมนุม... เอ๊ะ ต้องร้องเป็นภาษาอังกฤษสินะ นี่ค่ะเนื้อเพลง Auld Lang Syne ซึ่งมีที่มาจากบทกวีเก่าแก่ของชาวสก็อต แปลเป็นภาษาปะกิดเทียบให้ดู
ภาษาสก็อตค่ะ
Auld Lang Syne
by Robert Burns (Scot Poet)
Should auld acquaintance be forgot, And never brought to mind? Should auld acquaintance be forgot, And days o lang syne! Chorus: For auld lang syne, my dear For auld lang syne, Well tak a cup o kindness yet For auld lang syne! We twa hae run about the braes, And pud the gowans fine, But weve wanderd mony a weary foot Sin auld lang syne. We twa hae paidlt in the burn Frae morning sun till dine, But seas between us braid hae roard Sin auld lang syne. And theres a hand, my trusty fiere, And gies a hand o thine, And well tak a right guid willie-waught For auld lang syne! And surely yell be your pint stoup, And surely Ill be mine! And well tak a cup o kindness yet For auld lang syne!
ภาษาอังกฤษค่ะ
Old Long Gone....
Should old acquaintances be forgotten, And never brought to mind? Should old acquaintances be forgotten, And days of long ago ! Chorus: For old long ago, my dear For old long ago, We will take a cup of kindness yet For old long ago. We two have run about the hillsides And pulled the daisies fine, But we have wandered many a weary foot For old long ago. We two have paddled (waded) in the stream From noon until dinner time, But seas between us broad have roared Since old long ago. And there is a hand, my trusty friend, And give us a hand of yours, And we will take a goodwill draught (of ale) For old long ago! And surely you will pay for your pint, And surely I will pay for mine! And we will take a cup of kindness yet For old long ago!
แฮ่ๆๆ เพลงนี้เด็ดนะ เริ่มต้นให้เมตตาปรานีต่อกัน ให้อภัยกัน ลืมเรื่องเก่าๆไปซะ มาเล่นกันสนุกๆดีกว่า แต่ลงท้ายด้วยการชวนกันไปดื่มเบียร์ และมีข้อแม้ว่า ใครกินใครจ่ายนะเฟ้ย แล้วเราก็จะดื่มให้กันอย่างมีเมตตากับวันเก่าๆที่ผ่านไป (อย่างนี้มันไม่เมตตากันจริงนิ) เจ็บปวดจริงๆครับท่าน
พอร้องเพลงกระชับมิตรเสร็จ ฉันก็นึกว่าเราน่าจะกลับบ้านกันได้แล้ว เพราะนี่มันก็เที่ยงคืนกว่าเข้าไปแล้ว แต่ยังจ้ะ เพื่อนฉันยังไม่พอ เขาเปิดหนังสกายทีวี ดูกันอีกแล้วครับท่าน ดูไป ดูมา มีฉันเบิกตาตื่นอยู่คนเดียว เพราะมันเป็นหนังตลกแนวที่ฉันชอบ คนอื่นหลับคร่อกฟี้ๆๆๆ อีกตามเคยเหมือนคืนคริสต์มาสอีฟ คราวนี้ฉันก็นั่งดูหนังรอจนเขาตื่นกันขึ้นมาเอง กลับบ้านตีสองอีกแล้วครับท่าน
Create Date : 21 มกราคม 2549 |
Last Update : 21 มกราคม 2549 6:17:20 น. |
|
5 comments
|
Counter : 587 Pageviews. |
|
|
|
โดย: มังกี้ IP: 202.5.86.228 วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:16:12:48 น. |
|
|
|
โดย: รักบังใบ IP: 210.4.139.129 วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:21:07:29 น. |
|
|
|
โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:23:20:14 น. |
|
|
|
โดย: kkd IP: 161.200.40.228 วันที่: 23 มกราคม 2549 เวลา:17:42:12 น. |
|
|
|
โดย: pilgrim (navyblue ) วันที่: 24 มกราคม 2549 เวลา:4:25:14 น. |
|
|
|
|
|
|
เป็นคนเริ่มแก่ค่ะ แต่ก็ยัง"เก๋า" พอประมาณ หลังจากไปร่ำเรียนหนังสือ ที่มหาวิทยาลัยในเกาะบริเทน แถว East Midlands ใช้เวลาเรียนเกือบ 5 ปี เพราะเรียนไปเที่ยวไปตามใจฉัน
ตอนนี้กลับมาทำงานรับใช้ชาติอยู่ในประเทศไทย ในเมืองหลวง ชีวิตการทำงานก็เหนื่อยดี เพราะงานเยอะมาก ๆๆๆๆๆ
ตอนนี้ก็ทำงานไป เที่ยวไปตามใจฉันแบบเดิมๆ ชีวิตนี้มีทั้งสาระและไร้สาระค่ะ
|
|
|
|
|
|
|