นิทรรศการที่คนไทยต้องไป
วันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม ในช่วงเช้าผมได้มีโอกาสได้ไป งานนิทรรศการเนื่องในวโรกาสครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีของในหลวงของเรางานนี้จัดที่เมืองทองธานีครับ ผมไปถึงตั้งแต่ 9.30 น. เขาแบ่งงานเป็นสามส่วนใหญ่ๆ ส่วนแรกที่ไปเจอก็คือใน Impact Arena เป็นส่วนของการแสดงนาฎกรรมพระมหาชนก ส่วนนี้ผมไม่ได้ดูครับ เพราะคิวจองซื้อตั๋วยาวเหยียด ถ้ารอซื้อรอดูคงไม่ได้ไปงานแต่งงานบุ๋มแน่นอน ก็เลยตัดใจไปดูในส่วนที่เหลือ ผมเลือกไปดูส่วนนี้ครับจัดแสดงในอาคารชาเลนเจอร์ แบ่งเป็นทั้งหมด 9 ห้อง รวมแล้วผมว่าใหญ่โตราวๆ สนามฟุตบอลสัก 6 สนามมาต่อกันได้ ห้องที่ 1 สืบราชสันติวงศ์ เป็นรูปขององค์พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรี รวมถึงประวัติโดยสังเขปทั้ง 8 รัชกาล ห้องที่ 2 เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ มีภาพน่ารักๆ ของในหลวงที่ผมไม่เคยได้เห็นมาก่อน ส่วนห้องที่ 3 พระคู่พระบารมี ก็คือเรื่องราวความรักระหว่างในหลวงของเรากับสมเด็จพระราชินี ที่กลางห้องจะมีการบรรเลงเปียโน คลออยู่ตลอดเวลา สำหรับเรื่องเกี่ยวกับความรัก ผมต้องเสียเวลาอยู่นานหน่อย เพื่อซัมซับความหวานให้กับตัวเอง ^ _ ^ มีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่งที่ในหลวง เสด็จประพาส มีท่านทูตของประเทศหนึ่งถามว่า ทำไมพระพักตร์ของพระองค์ดูเคร่งเครียดอยู่เสมอ ในหลวงทรงชี้ไปที่ พระราชินี แล้วตรัสว่า she is my smileห้องที่ 4 พระปฐมบรมราชโองการ เป็นห้องที่นำภาพพระราชพิธีบรมราชพิเษก มาฉายให้ชม กับ ราชโองการที่เราทุกคนต่างซาบซึ้งกันในใจดี นั่นคือ เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยามห้องที่ 5 อัครศาสนูปถัมภก มีภาพครั้งที่ในหลวงผนวชห้องที่ 6 เสด็จเยี่ยมราษฎร เป็นห้องที่แสดงวีดีทัศน์แบบ ฉายภาพสะท้อนรอบทิศทาง ภาพสวยมากๆ ถ่ายรูปมาไม่ได้ ต้องถ่ายไว้เป็นวีดีโอแทน ห้องที่ 7 คนของแผ่นดิน เป็นการนำบางส่วนของคน ที่เคยได้รับทุนการศึกษาต่างๆ จากในหลวงของเรา รวมถึงทุนที่สำคัญที่สุดคือ ทุนอานันทมหิดล มีรายชื่อของบุคคลที่เคยได้รับทุน และที่ผมเพิ่งทราบก็คือ ทุนนี้ไม่มีพันธะสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น คนที่กลับมาทำงานนั้นก็ล้วนแต่กลับมาทำงานทดแทนคุณแผ่นดิน ทดแทนในหลวงของเราด้วยใจทั้งนั้นห้องที่ 8 พระอัจฉริยภาพ เราเองคงเคยได้ยินกันอยู่บ่อยๆ ว่าในหลวงของเรา มีความเป็นเลิศในหลายด้าน ทั้งด้านวิชาการ ด้านกีฬา ด้านดนตรี ด้านศิลปะ ห้องนี้แสดงให้เราเห็นจริงๆ มากกว่าแค่คำพูดเพลงพระราชนิพนธ์ มีให้ฟังทุกเพลง ผ่านจานครอบที่อยู่บนศีรษะ อย่างในรูปส่วนที่ผมไม่เคยเห็น และอึ้งคือ ภาพวาด ครับ เป็นงานแบบศิลปินจริงๆ ผมเองเป็นคนที่ดูภาพอาร์ตๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก เคยได้ไปดูงานศิลปะจริงๆ ก็ตอนไปเที่ยวลอนดอน ภาพวาดของในหลวงของเรา มีลักษณะแบบเดียวกันกับศิลปินชื่อดังเลยล่ะครับ อีกส่วนก็คือภาพถ่าย น่าเสียดายที่เขาไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปได้ ก็เลยได้แต่ดู เอาภาพมาฝากไม่ได้ ส่วนใหญ่เป็นภาพพระราชินีครับ สวยมากๆ ห้องสุดท้ายที่เป็นไฮไลท์ ก็คือ ห้องเทิดไว้เหนือเกล้าชาวไทย รวมภาพประทับใจของคนไทย ตามที่พวกเราได้ติดตามข่าวกันมา รวมไปถึงภาพที่ประชาชนร่วมกันส่งเข้ามา ในหัวข้อ ในหลวงของฉัน เขาจัดรวบรวมไว้ติดไว้เป็นแนวกำแพง ใช้ชื่อว่า กำแพงแห่งความจงรักภักดีกว่าจะดูส่วนนี้เสร็จก็ปาไปเกือบบ่ายโมงแล้วครับ อีกส่วนคือ พระราชกรณียกิจ ก็ได้เข้าไปดู แต่กล้องไม่เหลือ memory ให้ถ่ายแล้ว กล้องวีดีโอก็ถ่ายจนหมดม้วน เจ็บใจตัวเองเหมือนกันไปงานนี้แล้วประทับใจครับ เห็นผู้คนมากมายมาร่วมงาน ทั้งคุณตาคุณยาย ที่ใช้รถเข็นมีลูกหลานคอย เข็นไปดูจุดต่างๆ พ่อแม่จูงลูกๆ มาดูงานมาดูภาพในหลวง หลังจากดูวีดีทัศน์ แสดงโครงการฝนเทียม เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง แม่ก็ถามลูกว่า "เป็นไง ในหลวงเก่งไหมลูก" สาวน้อยก็พยักหน้า "เก่งคะ" เห็นภาพเด็กน้อยตั้งอกตั้งใจเขียนคำถวายพระพร แล้วอดยิ้มไม่ได้ เรามีในหลวงเป็นต้นแบบในทุกๆ ด้าน ผมรู้สึกเป็นบุญแท้ๆ ที่ได้เกิดมาในยุคนี้ ยุคที่มีในหลวง แม้ผมจะเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยได้รับเสด็จ ไม่เคยได้ใกล้ชิด ไม่ได้รับพระราชทานปริญญาบัตร ที่บ้านไม่เคยต้องได้รับการช่วยเหลือโดยตรงจากพระองค์ท่านแต่ไม่น่าเชื่อว่า ผมรักในหลวง ใครอยู่กรุงเทพหรือใกล้เคียง ยังมีเวลาไปเถอะครับ งานนี้ "แล้วคุณจะรู้จัก เข้าใจ และรักในหลวงมากยิ่งขึ้น" จริงๆ ครับ
ซึ้งพระคุณล้นเกล้า ชาวไทย จริงๆเลย
ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ