(เฉพาะเรื่องแผ่นเจลลดไข้นะ)
มันเป็นความงมงายครับ
ดูจากข่าว
ไม่ว่าทางสถาบันวิทยาศาตร์จะออกมาให้ข้อมูลแผ่นเจลลดไข้ยังไง
ตัวประชาชนเองก็หัวชนฝาโดยไม่สนใจข้อมูลใดๆทั้งสิ้น
แถมยังบอกว่า ก็มันไม่อันตรายนี่ กินไปก็ไม่เห็นเป็นไร..เอาไปกินกันใหญ่

ก็อยากจะบอกเค้าเหมือนกันล่ะครับว่า ถึงแม้กินไปจะไม่อันตรายแต่"มันไม่ใช่ของกิน"
ของกินมีเยอะแยะสารพัดสารเพ ทำไมยังต้องมากินอะไรแบบนี้ด้วย
ยิ่งทำถวายพระ.....ไม่อยากพูดเลยครับ ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมา(ถึงตาย) เข้าข่าย ฆ่าคนตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนได้นะเนี่ย

เจริญครับ ประเทศไทย

กรณีมีวัตถุตกลงมาจากฟากฟ้า แล้วพากันเก็บไปบูชา ไม่อยากโทษใคร แต่อยากให้คิดวิเคราะห์ถึงที่มาที่ไปกันดีกว่า นิสัยใช้แล้วทิ้ง ทิ้งขยะไม่เปผ็นที่เป็นทางน่าจะนำมาใช้ในกรณีนี้ได้ หรือคุณว่าไง อ๊ะ ๆ อย่าทิ้งขยะ ตาวิเศษเห็นนะ น่าจะกลับมาอีกครั้งนะ เพื่อปลูกฝังให้เป็นเอกลักษณ์ของชนในชาติ

เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าบ้านเราล้มเหลวในการให้การศึกษากับประชาชนอย่างมากถึงมากที่สุดครับ

แถมระบบพืนฐานต่างๆในบ้านเรายังแย่จนประชาชนต้องไปฝากความหวังกับสิ่งจับต้องไม่ได้ ก็ขนาดมีคนมาให้ความรู้แล้วยังปฏิเสธ

เจลลดไข้ : คิดว่าน่าคิดนะเพราะตอนแรกที่เห็นข่าวตัวเองยังเผลอคิดตามไปด้วยเลยน่ะค่ะ แต่พอติดตามข่าวไปเรื่อยๆก้อตลกความคิดตัวเองเหมือนกัน ว่าเฮ้ การศึกษาทำให้คนคิดได้ดีขึ้นจริงหรอ
ความเชื่อของคนไข้ : เข้าใจความรู้สึกหมอนะคะ เพราะเจอบ่อยเหมือนกัน จนตอนนี้เข้าใจคนไข้ด้วยก้อพยายามให้คำแนะนำ ให้ทำได้แต่ไม่อันตราย เช่น การย่างหลังจากได้รับอุบัติเหตุ ก้อพยายามให้ทำหลังจากผ่านอุบัติเหตุไปแล้ว 24 ชม. อย่างนี้เป็นต้น