|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
วัน(เกือบ)ตาย
วันพุธที่ผ่านมา ขับรถกลับอุดรเพื่อไปเยี่ยมพ่อที่รพ. พ่อนอนที่รพ. มาสองวันแล้วมีแต่พี่ชายและแม่คอยเฝ้าอยู่ ส่วนลูกที่เป็นหมออย่างผมกว่าจะได้ไปเยี่ยมพ่อตัวเองก็วันที่สองเข้าไปแล้ว ผมก็ออกจากอำเภอ 4 โมงครึ่งกว่าจะไปถึงอุดรก็ราวๆ 6 โมงเย็น
เข้าไปเยี่ยมไปคุยกับพ่อแล้ว พาแม่ไปส่งบ้าน อาบน้ำกว่าจะเสร็จก็เกือบๆ สามทุ่มครึ่ง แม่บอกว่าให้นอนที่บ้านแล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับไปอำเภอก็ได้ เพราะมันไกล และก็มืด ไอ้ผมขี้เกียจต้องตื่นแต่เช้า ก็เลยตัดสินใจไปมันคืนนี้นี่แหละ ยังไงผมก็ขับรถตอนกลางคืนออกจะบ่อย
1 ชม.ผ่านไป อีกราวๆ ครึ่งชม. ก็จะถึงรพ. ถึงบ้านได้นอนพักแล้ว ใกล้จะถึงทางขึ้นเขาแล้ว ทันใดพริบตาเดียวเท่านั้นจริงๆ รถผมก็พุ่งลงข้างทาง ......................................................................... รถที่วิ่งมาด้วยความเร็วราวๆ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พุ่งลงไปในป่าข้างทาง ผมหักหลบต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ทางขวามือ เจอต้นไม้อีกต้นทางซ้ายก็หักหลบอีกครั้ง และหักหลบซ้ายอีกครั้ง และขวาอีกครั้งเมื่อเจอเสาไฟฟ้า เฉียดไป วิดไป เกือบไป แต่ก็ผ่านมาได้อย่างสวยงาม แล้วก็จอดรถ อยู่ท่ามกลางต้นไม้ ผมเดินลงมาจากรถ ไม่มีบาดแผลเลยสักนิดเดียว ......................................................................... ทั้งหมดในย่อหน้าที่แล้วผมโกหกครับ ต่อไปนี้ต่างหากคือเรื่องจริง
พริบตาเดียวที่ว่านั้นจริงๆ ครับ เพราะผมไม่มีเวลาที่จะคิด จะมอง จะเห็นสิ่งต่างๆ ข้างทางเลย เพราะทั้งมืดทั้งเร็วแบบนั้น ผมได้แต่ประครองพวงมาลัยไว้ตรงๆ เท่านั้น คิดได้อย่างเดียว ว่า เอาแล้วกู
ตึงๆ ตึง (ถ้าใครเคยนั่งรถผม โดยเฉพาะเพื่อนๆ ที่เคยมาอยู่อุดรจะรู้ว่ารถผมมันเตี้ยกว่าชาวบ้าน) ครืด คราด เสียงท้องไอ้เตี้ย(ชื่อรถผมเอง) สัมผัสกับพื้น และแล้วก็ตึง ไอ้เตี้ยนิ่งสนิทเมื่อท้องชนเข้ากับเนินดิน
ผมก็ค่อยดันประตูออกมา สำรวจตัวเองไม่บาดเจ็บใดๆ เห็นรถวิ่งผ่านไปบนถนน ผมก็ค่อยๆ ปีน ค่อยๆ แหวกต้นไม้ แหวกหญ้าขึ้นไปบนถนน แล้วรถมอเตอร์ไซค์คันแรกที่ผมเจอ ก็ช่วยแวะรับผมขึ้นรถ ........................................................................ ต้นไม้แถวนั้นมีที่ต้นใหญ่พอจะหยุดได้สบาย 2 จุด ทางขวามือ ถ้ารถผมชนเข้าไป ผมที่ไม่ได้รัดเข็มขัด ก็คงต้องเอาหน้าอกสัมผัสกับพวงมาลัยเต็มๆ ทางซ้ายมือเองก็มีต้นไม้ใหญ่อีกต้น และถัดไปก็เป็นเสาไฟฟ้า ถ้าผมหักพวงมาลัยไปอีกนิดเดียว ไอ้เตี้ยก็คงได้จอดสนิทคาเสาไฟฟ้าไปแล้ว พร้อมกับผมอาจจะกระเด็นออกจากรถ
รถผมวิ่งผ่านช่องตรงกลางพอดิบพอดีครับ ผมไม่ได้เก่งกาจ ขับรถหลบซ้ายหลบขวา ได้เหมือนพระเอกในหนัง ผมเพียงโชคดีที่ไม่ได้หักพวงมาลัยซีซั้วเท่านั้นเองจริงๆ
ลากรถขึ้นมาจากป่าแล้ว ไอ้เตี้ยมันยังวิ่งได้สบาย เล่นเอาคนที่มาช่วยลาก ออกปากว่า "โหพี่ แขวนอะไร มีของดีอะไร " ก็นอกจากคนขับจะไม่เป็นอะไรแล้ว รถยังขับได้เฉยเลย
ผมขับไอ้เตี้ยกลับรพ.ในสภาพพิกลพิการ ไ ฟตาบูดๆ เบี้ยวดวงเดียว ท่ามกลางฝนตกพรำๆ
ระหว่างที่ขับกลับมานั่นเอง ผมจึงได้คิดทบทวน และสำนึกได้ว่า ผมเพิ่งรอดตายมาแบบหวุดหวิด ชีวิตเกือบจะจบลงแล้วในพริบตานั้นเอง ผมโทรไปบอกแม่ว่า ถึงรพ.แล้วไม่ต้องห่วง (ไม่ได้บอกว่ารถลงข้างทาง) ทั้งๆ ที่แต่ไหนแต่ไร ไปไหนไกลๆ นั่งรถไปกรุงเทพ ขับรถไปเที่ยว ไม่เคยโทรบอกแม่หรอกว่าถึงแล้ว ปลอดภัยแล้วสักที
แล้วเมื่อไปถึงรพ. พอเข้าบ้านสิ่งแรกที่ทำก็คือ โทรหาพิน เล่าให้พินฟัง (ขอไม่บอกว่าคุยอะไรกัน เดี๋ยวจะคนอ้วกแตกคาจอคอม)
เกือบไปแล้ว ผมบอกตัวเอง ต่อไปคงต้องระวังมากกว่านี้ ชีวิตของเราแต่ใช่จะมีแต่เราเท่านั้นที่เป็นเจ้าของ ผมเกือบทำให้ใครอีกหลายคนเสียน้ำตาไปซะแล้ว
โชคดีจริงๆ ที่รอดมาได้
Create Date : 03 ตุลาคม 2549 |
|
4 comments |
Last Update : 3 ตุลาคม 2549 23:37:17 น. |
Counter : 597 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: KiRaTik 4 ตุลาคม 2549 2:50:55 น. |
|
|
|
|
|
|
|
บุญรักษานะคะ