The Curious Case of Benjamin Button : ข้อดีของการมีชีวิต
สมัยเรียนมัธยมฯ ผมมีโอกาสได้เรียนวิชาพระพุทธศาสนากับพระอาจารย์ และท่านก็เคยบอกกับผมและเพื่อนร่วมห้องของผมถึงข้อดีของการเกิดเป็นมนุษย์ว่า การเป็นมนุษย์นั้นทำให้เรามีโอกาสได้ทำบุญทำกุศล จริงอยู่ที่การเป็นเทวดานั้นทำให้เราได้อยู่บนสวรรค์แต่การอยู่บนนั้นทำให้เราไม่มีโอกาสได้ทำบุญทำความดี สรุปใดการเรียนคาบนั้นก็คือการมีชีวิตอยู่ทำให้เรามีโอกาสทำอะไรๆมากกว่าการไม่มีตัวตนอยู่บนโลก
The Curious Case of Benjamin Button หนังเรื่องล่าสุดของ เดวิด ฟินเชอร์ ผู้กำกับที่ทำหนังระทึกขวัญได้สนุกที่สุดคนนึงของฮอลลิวูด เป็นหนังที่ค่อนข้างแปลกแหวกแนวจากหนังเรื่องอื่นๆของอย่าง Se7en หรือ Zodiac เพราะหนังเรื่องนี้มาในรูปแบบของหนังรัก แต่ชื่อของ ฟินเชอร์ แล้วคงไม่มีทางที่มันจะเป็นหนังรักธรรมดาๆไปได้แน่นอน
หนังเล่าเรื่องของ เบนจามิน บัตตัน (แบรด พิตต์) ชายผู้เกิดมาโดยมีร่างกายภายนอกเหมือนคนแก่อายุแปดสิบ ซึ่งใครๆก็คิดว่าเขาคงอยู่อีกไม่ได้นาน...แต่กลับเป็นว่ายิ่งโตขึ้นเขาก็ยิ่งดูหนุ่มขึ้นโดยอาศัยอยู่ในบ้านพักคนชรา จนถึงช่วงวัยรุ่น (ที่ดูแก่) เขาจึงตัดสินใจออกผจญภัยในโลกกว้างกับเรือเดินทะเลลำเล็กๆลำหนึ่ง และออกเดินทางในโลกของความเป็นจริงที่ตัวเองเกิดมาแตกต่าง
ในระหว่างที่อยู่ในบ้านพักคนชรานั้น เบนจามิน ได้รับรู้และสัมผัสถึงสิ่งที่เรียกว่า การพลัดพราก และมันยังเป็นการพลัดพรากอันเกิดจาก ความตาย ด้วย มันเป็นเหมือนสถานที่ที่คละคลุ้งไปด้วยความโศกเศร้าแม้มันจะถูกอาบด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าก็ตาม แต่บรรยากาศก็มืดหม่นเพราะเกือบทุกคนใช้ชีวิตด้วยการรอคอยความตายว่าจะมาเคาะประตูเรียกหาเมื่อใด
การที่ เบนจามิน ตัดสินใจออกเดินทางหาประสบการณ์ในชีวิตที่เหลืออยู่และไม่มีใครรู้ว่ามันมากหรือน้อยเพียงใดนั้น มันคือการใช้ชีวิตที่พระเจ้าหรือใครก็ตามมอบมาให้เราแม้ชีวิตที่ให้มานั้นจะไม่สมบูรณ์หรือไม่เหมือนกับคนอื่นก็ตาม แต่นี่ก็คือสิ่งที่มีค่าที่สุดเท่าที่มนุษย์ทุกคนเคยมีมา เพราะการมีชีวิตมันหมายถึงการมีโอกาสที่เราจะได้เลือกทำและเรียนรู้สิ่งต่างๆ
มนุษย์คนนึงบนโลกอาจพิการขาขาดแขนขาดแต่ก็ยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่กับบางคนเพียงผิดหวังจากคนที่รักเท่านั้นก็ถึงกับไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกแล้ว มันเป็นการตัดโอกาสตนเองในการจะทำสิ่งต่างๆในชีวิตที่เหลืออยู่ และผมเองขอยอมรับว่าครั้งนึงผมก็เคยคิดจะทำลายชีวิตตนเองเพราะความรักเหมือนกัน แต่ตอนนี้เมื่อผมมองกลับไป ณ จุดนั้นผมรู้ดีว่ามันรู้สึกยังไง ดังนั้นผมจึงไม่ค่อยชอบเวลาที่มีคนจะฆ่าตัวตายแล้วพวกไทยมุงก็มักจะไปตะโกนว่า เอาเลยๆ เพราะถ้าคุณไม่เคยมายืนในจุดที่เขายืนอยู่คุณก็ไม่มีทางรู้หรอกว่ามันกดดันแค่ไหน และการตะโกนเช่นนั้นมันก็เป็นการท้าทายเขาเพิ่มมากขึ้น แน่นอนว่าเขาอาจไม่ใช่คนในครอบครัวคุณ แต่ถ้าวันนึงคนที่เอาปืนจ่อหัวตัวเองเพราะความรักเป็นคนในครอบครัวของคุณแล้ว คุณยังจะกล้าท้าทายอยู่อีกมั้ยและที่สำคัญคือคุณเรียนรู้การพลัดพรากด้วยความตายมาเพียงพอหรือยัง
ชีวิตที่เรามีอยู่นี้เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดไม่ว่าใครจะเป็นผู้มอบให้เราก็ตาม ขอจงใช้มันให้คุ้มค่าแต่อย่าทำลายมันแม้มันจะเป็นของเราก็ตาม
ในบ้านพักคนชราที่ เบนจามิน อาศัยอยู่นั้นมีชายชราผู้นึงมักจะเล่าเรื่องการถูกฟ้าผ่าถึงเจ็ดครั้งแต่ไม่ตายให้ฟัง และทุกครั้งที่เล่าก็จะมีภาพเหตุการณ์นั้นปรากฏมาให้เห็นแล้วคนในโรงก็จะหัวเราะกับภาพที่เห็น แต่ครั้งสุดท้ายที่เขาเล่านั้นกลับทำให้ทั้งโรงเงียบกันหมดด้วยประโยคต่อท้ายที่ว่า "...ผมขอบคุณพระเจ้าทุกครั้งที่ผมยังมีชีวิตอยู่"
Create Date : 23 มีนาคม 2552 |
|
9 comments |
Last Update : 23 มีนาคม 2552 13:25:20 น. |
Counter : 1197 Pageviews. |
|
|
|
แต่เมื่อได้อ่านวิจารณ์ของคุณkomyooth ทำให้มองกว้างขึ้นกว่าทีแรก จริงๆแล้วยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ หนังหลายเรื่องอยากดูก็ไม่ได้ดูหรอกค่ะ นี่ก็เป็นอีกเรื่อง รอลงเคเบิ้ลคงจะได้ดูค่ะ
สิ่งที่คุณเขียน น่าอ่านดีนะคะ โชคดีจังที่มีโอกาสได้รู้จักบล็อกนี้ ตัวเองก็ชอบดูหนังเหมือนกัน แต่เดี๋ยวนี้ดูแต่ในเคเบิ้ลเป็นส่วนใหญ่ค่ะ
อ้อ เกือบลืม ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีดีที่ให้ไว้ที่บล็อกค่ะ