เที่ยวละไมกับเด็กชายกวีที่....พัทยา
บล็อกนี้เขียนขึ้นเพื่ออวดวีรกรรมแสนภูมิใจของแม่ทีเดียวเชียว ทำไมน่ะเหรอ ก็ที่แม่อาจหาญหอบกวีมาถึงพัทยาไงล่ะจ้ะ เรื่องเริ่มจาก พ่อมีประชุมราชวิทยาลัยที่พัทยา ซึ่งแน่นอนว่าไม่ควรโดด ตามกำหนดต้องค้าง 3 คืน ช่วงพ่อไม่อยู่ แม่เลยว่าต้องหาคนมานอนเป็นเพือน ไม่กล้านอนกะกวีสองต่อสองอะ ถามยาย ยายว่ากวีก็โตแล้วไม่ลองพาไปด้วยล่ะ เท่านั้นแหละ แม่ก็เกิดไอเดีย หอบกวีเที่ยวขึ้นมา ตอนแรกก็ไม่ค่อยมั่นใจนะ กล้าๆกลัวๆ แม่ไม่มั่นใจว่าจะเลี้ยงกวีคนเดียวเป็นวันๆได้ ระหว่างพ่อประชุม เกือบขอยายกับย่ามาด้วยละ แต่เพราะห่วงย่ากะยาย กลัวจะเหนื่อย เลยตัดสินใจมากันแค่สามคน พ่อแม่ลูก โดยมีข้อแม้ว่า พ่อจะเข้าประชุม เฉพาะตอนกวีหลับกลางวันเท่านั้น .....แล้วจะคุ้มไหมเนี่ยที่หอบกันไป แล้วแม่ก็ได้คำตอบว่า.....คุ้มมากกกก พ่อแม่ที่มีลูกเกิน 1 ขวบ ควรพาลูกไปเที่ยวบ่อยๆเลยอะ เพราะลูกจะมีความสุขมากๆ อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ต้องทำใจนะ ว่าพ่อกะแม่จะเหนื่อยมากๆ แปรผันตรงกับความสุขของลูก ซึ่งไม่เป็นไรอยู่แล้ว แค่เห็นแววตาที่มีความสุขของลูก เหนื่อยมากกว่านี้กี่พันเท่า แม่ก็ทำให้กวีได้ เกริ่นนานเกิน เดี๋ยวจะเบื่อซะก่อน ขอเริ่มออกเดินทางเลยนะคะ เราวางแผนล่วงหน้ากันหลายเดือนโดยบังเอิญเพราะน้ำท่วม เลยต้องเลื่อนประชุมจาก ธันวา 54 เป็น กุมภา 55 เรียกว่าเลื่อนข้ามปีเลยทีเดียว ซึ่งแม่จองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าไปแล้ว แบบ fix flight ด้วยตั้งแต่ พฤศจิกา T T ถ้าเลื่อน flight ไม่รู้จะมีปัญหาป่าว (กลัวเสียตังส์เพิ่ม งก) เพราะตั๋วแม่เป็นตั๋วรางวัลที่ใช้แต้ม ROP แลกมา (ชีวิตนี้ไม่มีวันควักกะเป๋า 55) แต่ต้องยกความดีให้การบินไทย ที่เค้าให้เลื่อนฟรี เพราะช่วยเหลือน้ำท่วม ใจดีจัง (ส่วนของพ่อไม่ต้องกังวลเพราะเค้ามีสปอนเซอร์อยู่ละ แทบจะอุ้มกันไปเลยเชียว ชิ) เรื่องตั๋วของกวีแม่โทรไปถามการบินไทยล่วงหน้าแล้ว เจ้าหน้าที่เค้าบอกว่าเด็กน้อยกว่า 2 ขวบเค้าไม่ให้นั่งเอง ให้นั่งตักผู้ปกครองเอา และค่อยซื้อตั๋ววันเดินทางก็ได้ เพราะไม่แพง แม่เลยเบาใจ จนถึงวันเดินทาง เราเลือกไปช่วงเช้า กวีจะได้ไม่เหนื่อยมาก ทานข้าวเช้าเสร็จก็ออกบ้าน ถึง airport ก็ซื้อตั๋วให้กวี ถูกจริงด้วยอะ ไปกลับแค่ 500 กว่าบาทเอง รูปนี้ถ่ายก่อนขึ้นเครื่อง กวีตื่นเต้นจนพุงแลบเลย 55มาเกิดปัญหาก็ตอน boarding pass ได้ขึ้นเครื่องก่อนเพราะเรามีเด็กเล็ก ครั้งแรกเลยนะเนี่ย ตื่นเต้นจัง แต่ก็ต้องมาสะดุดเอาตอนที่เค้าถามหาบัตรประชาชน กับสูติบัตรของกวี!! แม่ไม่รู้ว่าต้องเตรียมไปด้วย เจ้าหน้าที่อึกอักๆๆ แล้วก็โทรหากันใหญ่ แม่ขอละไว้ไม่เล่าต่อละกัน เอาเป็นว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้แม่รู้ว่า การพาลูกขึ้นเครื่องโดยไม่มีสูจิบัตร ให้ความรู้สึกคล้ายกำลังปล้นเครื่องบินยังไงยังงั้นเลย!!ถึงขลุกขลักไปบ้าง แต่ในที่สุดกวีก็มาซนบนเครื่องได้ละกัน 55ตอน take off แม่ให้กวีดูดน้ำจากแก้ว หวังว่าจะได้ไม่ปวดหู แต่กวีไม่ยอมดูดแฮะ แต่ก็ไม่ร้องงอแงเหมือนกัน เอาเหอะพอสัญญาณรัดเข็มขัดปิด พ่อก็พากวีไปเดินเล่น จะบอกว่าเดินไปทั่วเลย ซนมาก ตอนพี่แอร์เค้าเอาขนมมาให้ก็แย่งกิน จนเค้าต้องเอามาให้อีก แม่ละอ้าย อาย แบบนี้ใช่ไหมเค้าเรียกว่ากินขายหน้าอะ ยังไม่พอ เดินเล่นไปข้างหลัง ก็จะกินขนมคนอื่นเค้าด้วย เค้าก็ใจดี เอาให้มอีก แม่ละ อายยกกำลังสองไปเลยในที่สุดก็ถึงสุวรรณภูมิแบบสะบักสะบอม (พ่อกับแม่) แบบสนุก (กวี) เราแวะทานข้าวกันก่อน แล้วก็ตามคนขับรถที่มารอนั่งรถไปพัทยา (สปอนเซอร์ของพ่อจองลีมูซีนของ airport ให้ แม่ละช้อบ ชอบ ของฟรี อิอิ)ขึ้นรถปุ๊บก็กางผ้าคลุมให้นม เอากวีเข้าเต้า จนกวีหลับบนตักแม่ตลอดทาง ตั้งใจว่าจะนั่งนิ่ง ๆ ถึงโรงแรมจะให้ลูกหลับต่อ แต่แม่ดันเมารถสุด ๆ กล้ำกลืนตลอด ต่อสู้กับอาการอยากอ้วก โดยมีพ่อถือถุงก็อบแก๊บลุ้นอยู่ข้าง ๆ จนจะถึงโรงแรมอยู่ละ ผลคือ แม่แพ้เอายกสุดท้าย อ้วกออกมาเหม็นโฉ่เลย อายคนขับมากๆ และกวีก็เลยตื่นมาร้องลั่นเพราะเสียงอ้วก ของแม่น่ะเอง อนิจจังเราพักกันที่ Zign hotel ซึ่งเป็นโรงแรมที่จัดประชุม ก็ OK นะกลาง ๆ วิวจากห้องพักสวยดี อาหารใช้ได้เลย ถึงแล้วจัดของก็ตามเพื่อนพ่อไปเดิน central pattaya กัน และทานข้าวเย็นที่นู่นเลย ร้านนี้อาหารงั้น ๆ แหละ แต่วิวสวย เห็นทะเล ลมเย็น หมูกวีชอบมากกกกกกลางคืนได้เวลานอน แม่ชอบเตียงที่นี่จัง ในห้องมีเตียง 6 ฟุต 1 เตียง และ 3.5 ฟุตอีกเตียง พ่อจัดการย้ายเตียงสองเตียงมาชนกัน กว้างจัง นอนกันสามคนสบายเลย ที่บ้านเรานอนเตียง 6 ฟุตกันสามคน บางคืนกวีนอนดิ้น พ่อต้องไปนอนพื้นบ้าง ไรบ้าง ไว้บ้านเสร็จแม่จะจัดเตียงแบบนี้บ้าง ตอนนี้ทำไม่ได้เพราะห้องที่แฟลตแคบอะเช้ามาเราไปทานบุฟเฟต์ของโรงแรม แม่ให้กวีทานโจ๊ก ไข่คน ขนมปัง และอีกมากมาย กวีก็ทานเยอะเช่นเคย ไม่เสียแรงเกิดเป็นลูกแม่ 55 แล้วก็พากันไปเดินช็อบของผู้แทนยาที่จัดบูทข้างห้องประชุมของพ่อ กวีกรี๊ดใหญ่เพราะสาว ๆ เยอะ ดูชุดพ่อ พร้อมเข้าประชุมมากกก 55แล้วเราก็นั่งรถไปเที่ยวดูนั่นนี่ หาข้าวกลางวันทาน ค่อยพากวีกลับมานอนบ่าย (เราเดินทางด้วยรถตู้ของผู้แทนยาซึ่งเป็นสปอนเซอร์ของรุ่นน้องพ่อ แต่พ่อแผนสูงไปตกของน้องมา เพราะน้องต้องเข้าประชุมทั้งวัน ดังนั้น ช่วงกลางวัน รถจะเป็นของเราสามคนโดยปริยาย 55 ด้านได้อายอด) พอกวีตื่นฝันของแม่ก็เป็นจริง แม่ได้พากวีใส่ชุดว่ายน้ำ และห่วงยาแบบสอดขาไปลงสระด้วยกัน แต่ก็ต้องผิดหวัง กวีกลัวอะ ทำไมไม่รู้ ร้องไห้ แม่เลยต้องเอาขึ้นมาก่อนพาไปทำใจสระตื้น ให้คุ้นเคยแล้วเอามาลงสระใหญ่พร้อมห่วงยางอีกครั้ง อ้าว....ร้องเหมือนเดิมเลยพากวีกลับห้องแทนเพราะเย็นละ ขึ้นห้องอารมณ์ดีเชียวเย็นนี้เราไปทานข้าวที่ร้านตังเกข้างโรงแรม อาหารทะเลสดมาก ชาวดอยอย่างแม่ชอบมาก ลองเอาปูให้กวีทาน กวีชอบมากเหมือนกัน ทานเป็นตัวเลยอะ เสียดาย แถวบ้านเราปูไม่สด แม่ไม่กล้าให้กวีทาน จะได้ทานอีกคงต้องรอมาคราวหน้าอาหารอร่อย วิวสวย ชอบๆๆอีกวันนึงเราไปเที่ยวตลาดน้ำ 4 ภาคกัน ร้อนสุด ๆ แวะแป๊บเดียว ก็มาเดิน outlet ขำกวีไปติดใจตุ๊กตาหมาในร้านเค้า ร้องไห้จะเอากลับบ้านด้วยซะงั้น 555กลับมาโรงแรม วันนี้กวีเล่นน้ำได้แล้ว ไม่รุ้องแล้วอะ ดีใจ ๆๆตอนเย็นมี dinner กับราชวิทยาลัยพ่อ มีการแสดง เค้าให้นักยิมนาสติกทีมชาติมาโชว์ สวยเริ่มมากก งานนี้กวีได้เพื่อนใหม่ด้วยนา เล่นกันตั้งนาน ลืมถามชื่อซะงั้นคืนนั้นนอนพักอีกคืน เราก็เดินทางกลับกัน ขากลับแม่กับพ่อเหนื่อยมากเช่นเคย ถึงบ้านแม่เป็นไข้เลยอะ คงเพราะตรากตรำ 55 ผิดกับกวี สดชื่นมาก สนุกมาก โอย นี่ละน้า เด็กถึงแม่จะเป็นไข้ แต่ก็อย่างที่บอกไปว่า ภูมิใจสุด ๆ กับภารกิจนี้อะ มีความสุขมากเพราะลูกแม่ดู Happy มาก ๆ ตั้งใจว่า มีโอกาสจะพากวีไปอีกแน่นอนบล็อกนี้ชักจะยาวมากละ ขอจบเลยละกันเนอะลาด้วยรูปครอบครัว รูปนี้เราหน้าตาดีกันทั้งบ้านเลย อิอิ
โมยังไม่เคยขึ้นเครื่องเหมือนกันค่ะ ความรู้ใหม่นะจะได้เตรียมสูจิบัตรของโมไปด้วย หากได้ไป...
เห็นครอบครัวคุณนุ๊ยเที่ยวสนุก กวีก็มีความสุขมากนะคะ
แอบสงสัยว่า รูปสุดท้ายให้ถ่ายให้คะ