มิวนิค กับลูกชายตัวแสบ (1)
ในที่สุดก็ได้ไปเยอรมันแล้ว แถมไปกับเจ้าปูนซะด้วยซิ ตื่นเต้นสุดๆ
เราวางแผนเดินทางวันที่ 31 ตุลาคม 2553 กลับมาถึงประเทศไทยวันที่ 3 พฤศจิกายน 2553
บทนำ
ตื่นกันแต่เช้าตรู่ ไฟล์ทประมาณเที่ยง ต้องอาบน้ำแต่งตัวให้ตัวเองและเจ้าปูนให้เสร็จ ก่อนที่พ่อเค้าจะตื่น เจ้าปูนจะรู้ไม๊เนี่ย ว่ากำลังจะได้ไปเที่ยวพร้อมพ่อกับแม่แล้ว ... แม่ตื่นเต้นสุดๆ
ปูขับรถไปส่งเรากับเจ้าปูน พร้อมช่วยเช็คอินด้วย พอปูขับรถไป OPC เรากับเจ้าปูนจะต้องอยู่กันสองคน พร้อมสัมภาระดังนี้
- กระเป๋าลากใบเล็กหนึ่งใบ เอาไว้ใส่สมบัติเจ้าปูน เช่น กระติกน้ำ นมและขวดนม ผ้าอ้อม เครื่องกันหนาวเวลาไปถึงโน่น ชุดสำหรับเปลี่ยนให้นอน
- กระเป๋าถือของเราหนึ่งใบ ใส่ของที่จำเป็น ตอนยังไม่ขึ้นเครื่อง เช่น ผ้าอ้อม กระดาษเปียก นม และขวดนมหนึ่งขวด บอร์ดดิ้งพาสพาสปอร์ต ปากกา เราเลือกใช้เป้ จะได้มีมือเหลือสองมือ จับเจ้าปูนและลากกระเป๋าได้
- รถเข็นก้านร่ม น้ำหนักเบา เอาไว้ขังเจ้าปูนกรณีซนมากๆ จะได้ไม่ต้องอุ้มกัน รถเข็นนี้ ตอนเช็คที่เกต ก็จะฝากเค้าโหลดลงใต้เครื่อง เราไม่ต้องถือขึ้นเครื่อง เค้าจะมี TAG ติดให้ พอไปถึง ก็รอตรงหน้าประตูเครื่อง เค้าจะยกขึ้นมาให้เรา
เตรียมพร้อม ลุยยยย....
ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกซะหน่อยก่อนจะต้องสละรถเข็นของสนามบิน เพื่อไปเช็คที่ด่านตรวจขาออก ต้องจับเจ้าปูนนั่งรถเข็น ไม่สามารถปล่อยลงเดินได้จริงๆ เพราะไม่มีปัญญาวิ่งไล่จับ เราต้องเข็นรถเข็นมือนึง อีกมือต้องลากกระเป๋า (หัวอกคนเป็นแม่ )
ซูมเข้ามาใกล้อีกนิด
ณ. เลานจ์
ไหนๆก็ไหนๆ พอจะมีเวลา แวะหาอะไรทานที่เลานจ์ก่อนดีกว่า เพิ่งทราบว่าเลานจ์ก็มีห้องเด็กด้วย สบายไป
แม่นั่งหาอะไรทาน ลูกเล่นไป
ท่าทางจะชอบเล่นเครื่องครัวนะนี่ เห็นเปิดไมโครเวฟ ตู้เย็น อะไรต่อมิอะไรให้วุ่นวายไปหมด
เสร็จแล้วก็มานั่งทานข้าว เรียกแม่มาด้วย
แม่ๆ เอาหนมปังไม๊กั๊บ (ยิ้มหวาน)
ณ.เกต C4
เอาหละ ถึงเวลาแล้ว เดินไปที่เกตกันเลย ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อย ดูดนมด้วย กำลังหิวพอดีเลยกั๊บ
พอทานนมเสร็จ เราก็เดินไปรอที่เกต ตอนนี้เจ้าปูนขอออกจากรถเข็น วิ่งไปวิ่งมา สนุกสนานเชียว
"แม่ พ่ออยู่บนโน้น"
บนเครื่อง
พอขึ้นเครื่องได้ที่นั่งซักแป๊บ ฮีกก็หลับดังนี้เลยค่ะ แอบดีใจ๊ ดีใจ ลูกเรานี่เลี้ยงง่ายจริง หุ หุ ไม่รู้อะไรซะแร้วววว
พอแม่ตระเตรียมอะไรเสร็จเรียบร้อย ทานข้าวที่แอร์เอามาเสิร์ฟ (จริงๆไม่ได้อยากทาน แต่ว่าทานไว้เผื่อหิว) เอนหลังได้สักพัก เจ้าลูกปูนตัวดีก็ตื่นขึ้นมา นอนได้สักประมาณ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้นค่ะ ตื่นมาก็หม่ำก่อนเลย แม่เก็บ Cheese Dip กับบิสกิตไว้ให้ พี่สจ๊วตใจดี เอาค้อกเทลตับห่าน กุ้งและแซลมอนมาให้ทาน น้องปูนทานตับไปได้หน่อยเดียวก็คายทิ้งแล้ว
แต่ฮีชอบ Cheese Dip ยี่ห้อ Bueno มากๆเลย ทานจนเลอะเทอะไปหมด แม่ไม่มีมือจะถ่ายภาพ เพราะต้องคอยดูแลไม่ให้เลอะมาก ทั้งๆที่ตอนปากเลอะ น่ารักสุดๆ
พอทานเสร็จอะไรเสร็จ ก็เริ่มแล้วครับ เดินไปเดินมา เราก็ต้องคอยเดินตาม เพราะกลัวไปรบกวนชาวบ้านเค้า ของเล่นที่พี่ๆแอร์ สจ๊วตเอามาให้ ก็ดึงดูดได้แค่ไม่นาน นัยว่า ฮีอยากเดินสำรวจมากกว่า
จาก Bissiness Class ทักทายชาวบ้านครบแล้ว เริ่มอยากเดินไป Economic class ให้แม่อุ้มเดิน (12 กิโลกรัมนะ ตัวเจ้าปูน) หัวเครื่องยันท้ายเครื่อง บางทีขอเดินเอง ไปมองหน้าชาวบ้านแล้วยิ้มให้ บางทีก็แกล้งเดินเอามือไปแตะหัวเข่าชาวบ้านแล้วเดินเลยผ่านไป หนึ่งรอบ...สองรอบ ไปทักทายพี่คนโน้นคนนี้ เค้าขออุ้ม ก็ให้เค้าอุ้ม ดูสิ ลูกชายชั้น ไม่มีฟอร์มเลยซักนิดเดียว กิ้วๆ
โชคดีที่มีแต่คนเอ็นดูน้องปูน ไม่มีใครรำคาญ เพราะฮีไม่งอแง แค่เดินไปเดินมา ทั้งฝรั่งทั้งพี่ไทยที่เดินผ่านไปเห็นแต่รอยยิ้ม และการเล่นหูเล่นตากับน้องปูน กระทั่งมีฝรั่งคนนึงเดินเข้ามาทักว่า
" You are very lucky to have a son like this " โชคดีหรือโชคร้ายกันแน่อ่ะ
จากหัวเครื่อง สามรอบ...สี่รอบ...แม่เริ่มไม่ไหว พักก่อนนะลูก แม่ปวดหลังมาก นั่งดูการ์ตูนได้แป๊บนึง จะร้รองให้พาออกไปเดินอีกแล้ว (ถ้าไม่พาไปฮีจะดิ้นลงและจะเร่มแหกปาก นัยว่า แม่ อย่านะ อย่าห้ามผม ไม่งั้นผมร้องนะ) แม่ก็ต้องยอมจำนน เพื่อที่จะไม่ให้ลูกร้องรบกวนชาวบ้าน และต้องติดตามเพื่อไม่ให้ลุกไปทำความรำคาญกับชาวบ้าน
ห้ารอบ ทักทายกับคุณยายคนไทยหลายคนที่มาทัวร์ยุโรป โดยเฉพาะคุณยายคนนึงแอนด์เดอะแก๊งค์ ดูทะมัดทะแมง ออกแมนหน่อยๆ ชอบน้องปูนมาก พูดหยอกล้อตลอดเวลาที่เดินผ่าน และบางทีก็เดินไปทักทายกันที่ท้ายเครื่อง (เอาแบตออกสักก้อนดีไหมลูก)
พ่อมา...เย้...มาช่วยอุ้มลูกหน่อยเถอะ ปวดหลังจะแย่อยู่แล้ว เหนื่อยด้วย แต่ดูเหมือนลูกจะไม่เหนื่อยเลยสักนิด พ่ออุ้มลูกไปที่นั่ง งัดเอาไอแพดออกมา เจ้าปูนยอมสยบแทบเท้า นั่งเล่นนั่งดู ไม่เดินไปไหน ได้สักสิบกว่านาที พ่อต้องไปแล้ว ไปนอน...โอ้ววว
หกรอบ เจ็ดรอบ แปดรอบ แม่เริ่มทำใจ ไม่นับรอบอีกต่อไป จนกระทั่งพนักงานต้อนรับประกาศว่าอีกราว 45 นาทีเครื่องจะลงจอด
โอ้แม่เจ้า...เจ้าปูนหลับครับผม... หลับ... สนิท...
ทำไงดีล่ะทีนี้ ถึงเวลาต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนะจ๊ะลูกรัก ทำไม เวลาตั้งเก้าชั่วโมงสิบชั่วโมงลูกไม่หลับ ลูกมาหลับเอาตอนที่เครื่องกำลังจะลง !!! แม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าลูก !!! และที่สำคัญ แม่ต้องอุ้มลูกนั่งรัดเข็มขัดอยู่กับที่ !!!
เป็นไงเป็นกันละทีนี้ ก็ต้องเปลี่ยนทั้งที่ยังหลับๆอยู่นั่นแหละ (โชคดีที่ไม่มีการกรอกแบบฟอร์มเข้าเมืองเยอรมัน) เสื้อ สองชั้น ถุงเท้า ใส่เข้าไป กางเกง เปลี่ยนไปเครื่องก็บินลงไปเรื่อยๆ ด้วยใจระทึก กลัวเปลี่ยนไม่ทัน และท่าเปลี่ยนก็ทุลักทุเลมากเนื่องจากฮีหลับสนิท ไม่ตื่นเลยจนกระทั่งเปลี่ยนเสร็จ
โชคดีที่พอเครื่องลงเรียบร้อย ปลุกน้องปูนตื่น น้องปูนไม่งอแงเลย เราก็หอบกันลง ไปเจอพ่อที่กลางทาง พ่อมาช่วยอุ้มลูก ส่วนเรา ไม่ไหวแล้ว ปวดหลังมาก ขอลากกระเป๋าเดินตามต้อยๆๆๆดีกว่า จนลูกเรือแซวว่าปรกติพ่อต้องเป็นคนลากกระเป๋าไม่ใช่หรอ (ก็แม่มานไม่ไหวแล้วนินา)
ณ.สนามบินมิวนิคและโรงแรม Le Meridien Munchen
ตรวจคนเข้าเมืองเสร็จ (ระหว่างนั้นเจ้าปูนไม่หลับแล้ว) ก็รอขึ้นรถลูกเรือไปโรงแรม พอถึงโรงแรม ต้องรอห้อง ระหว่างนั้น น้องปูนวิ่งเล่นไปรอบๆล็อบบี้โรงแรม พวกลูกเรือสาวๆก็เอ็นดูน้องปูน เพราะฮีไม่งอแงเลยสักนิดค่ะ วิ่งไปมา หัวเราอย่างเดียว โอย ลูกใช้ถ่านอัลคาไลน์หรือเปล่าเนี่ย แม่จะตายแร้วววว ง่วงมาก กรอบสุดๆ หลักฐานค่ะ
ผ่านไปเกือบสี่สิบห้านาที ก็ได้ขึ้นห้อง นี่ดูสิคะ ขึ้นมาถึงทำอะไร ค้นห้องค่ะ
ลูกค้าบ ลูกต้องอาบน้ำนอนนะค้าบ แม่เหนื่อยมากๆเลยค้าบบบ
อาบน้ำเสร็จ ตาสว่างเข้าไปอีก ... เฮ้อ
ไม่ไหวละค้าบ ยังไงก็ต้องบังคับให้ลูกนอนให้ได้ หนึ่งวันผ่านไป เหนื่อยสายตัวแทบขาด
พ่อไม่ได้ช่วยอะไร...
บ๊ายบาย เจอกันตอนสองครับผม
Create Date : 06 พฤษภาคม 2554 |
Last Update : 8 พฤษภาคม 2554 14:41:39 น. |
|
4 comments
|
Counter : 1959 Pageviews. |
|
|
น้องปูนโตเป็นหนุ่มแล้วนะครับ อิอิอิ
เก่งมากเลยอ่ะครับพี่
เดินทางไกลแบบนี้
ยอมรับว่าผมยังลังเลมากเลยครับ 555