นิ่งดูดาย....
พนักงานหญิงคนหนึ่ง...ขอเข้าพบแต่เช้า เพราะมีเรื่องทุกข์ใจที่จะขอปรึกษา... ด้วยสีหน้า แววตาที่อิดโรย รอบตาแดงช้ำ ก็เดาได้บางส่วนว่าต้องเป็นเรื่องร้ายมากกว่าเรื่องดี
และ...ความจริง ก็ไม่ผิดไปจากที่คิด!
สามีของเธอ...ซึ่งป่วยเป็นเจ้าชายนิทราไปกว่า 7-8 เดือนแล้ว ท้ายสุด หลังจากลาพัก รักษาตัวจนสิ้นสุดสิทธิ์การลา...ก็ต้องออกจากงาน โดยได้รับเงินสะสม...ก้อนหนึ่ง ล้านกว่าบาท เงินก้อนนี้...น่าจะเป็นทุนรอนในการดูแลรักษาตัวสามีของเธอ ที่มีค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 25,000 บาทต่อเดือน ....เป็นทุนรอนไปได้อีกนาน... ถ้า....ไม่ถูกหักไปชำระหนี้ที่กู้จากองค์กรเสียก่อน!!
เธอรู้ดีว่า...ภาระหนี้ที่สามีมีอยู่กับองค์กร มีมากกว่าเงินก้อนนี้ ได้เงินก้อนนี้มา หักชำระไปหมด...หนี้ก็ยังเหลืออีกมาก ในขณะที่ชีวิตปัจจุบันที่เหลืออยู่...เธอต้องแบกรับภาระรายจ่ายทุกอย่าง โดยมีรายได้จากเงินเดือนของเธอทางเดียวเท่านั้น... ไหนจะค่ารักษาพยาบาลสามีที่ต้องพยาบาล รักษา...แม้นรู้ว่าจะไม่มีความหวังอะไรเลยก็ตาม... ไหนจะค่าเลี้ยงดูลูกทั้งสองคน...ที่นับวันต้องใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามวัยของเขา
ทางเดียวที่พอจะจุนเจือได้...คือ เงินก้อนสะสมสุดท้ายของสามี...ทดแทนที่จะต้องออกจากงานก้อนนี้เท่านั้น! ไม่ต้องทั้งหมดหรอก.... ขอแค่บางส่วนเท่านั้น... เอาเงินก้อนที่ว่า...ไปหักชำระหนี้ทุกบัญชี ให้คงเหลือเฉพาะหนี้ก้อนใหญ่...ที่ถึงจะหักอีก ก็ไม่หมด ทำอย่างที่เธอคิด...จะคงเหลือเงินบางส่วน แสนกว่าบาท...ก็พอจะจุนเจือครอบครัวของเธอไปได้อีกนาน...
และ...หนี้ก้อนใหญ่ ที่ไม่ได้หัก...เธอก็ยินดีให้หักเงินเดือนของเธอผ่อนชำระแทนไปตลอด จนกว่าเธอจะขายบ้านที่เป็นหลักประกันออกไปแล้วเอาเงินมาล้างหนี้ให้หมดในภายหลัง
เธอร้องขอ...อย่างนี้ กับผู้บังคับบัญชาสามีเธอ ซึ่งเป็นผู้พิจารณาเรื่องดังกล่าว... แต่...ได้รับการปฏิเสธ!! เขานำเงินก้อนดังกล่าว...หักชำระหนี้..จนเงินก้อนนี้หมด!! ผ่านมา...จนถึงวันรุ่งขึ้น...ก็คือวันนี้...
เมื่อถามกลับไปว่า...แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่เมื่อวานที่เกิดเรื่อง?? จะได้แก้ไข เปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง...ไม่ใช่ปล่อยให้เหตุการณ์ผ่านไปหนึ่งวัน....การคิดจะแก้ไขอะไรก็ยากไปแล้ว!!
คำตอบ...ก็คือ ไม่คิดว่าเรื่องจะออกมาเช่นนี้... รู้ผลว่าเขานำเงินไปหักหนี้จนหมดทุกบาททุกสตางค์...ก็เย็น ค่ำไปแล้ว
ถามซ้ำไปอีกว่า....ได้ปรึกษาหารือ ผู้บังคับบัญชาตรงของตัวเองหรือเปล่า? เธอตอบว่า...ปรึกษาแล้ว
อ้าว!!....ปรึกษา แล้วเขาไม่ได้ให้คำแนะนำ ไม่ได้ช่วยคิด หรือช่วยพูดกับผู้บังคับบัญชาของสามี บ้างหรือ? เธอก็ตอบกลับว่า..."นาย" ของเธอ บอกแต่เพียงว่า รู้นิสัยของผู้บังคับบัญชาสามีของเธอ ว่าเป็นคนนิสัยอย่างไร ถ้าตัดสินใจอะไรแล้ว ยากจะแก้ไข เปลี่ยนแปลง พูดอะไร ขอร้องอะไร ก็คงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น....
เออน่ะ... ได้ยิน ได้ฟังแค่นี้...อารมณ์ก็เริ่มจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น ๆ ๆ ทันที อะไร...va...คนหนึ่งที่ไม่ช่วย ก็เพราะถือว่าทำตามหน้าที่ เรื่องอะไรจะหาเหาใส่หัว เดือดร้อนเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง ถือคติปลอดภัยไว้ก่อน... ทั้ง ๆ ที่สามีของเธอก็คืออดีตพนักงาน อดีตลูกน้องของตัวเอง ที่ทำงานดีมาตลอด ทุ่มเท เสียสละกับองค์กรมาตลอด... เมื่อมีคำสั่งมาพร้อมกับเงินก้อนดังกล่าว...ให้หักชำระหนี้ทุกบัญชี ตัวเองก็ถือคติ...เอาตัวเองรอดไว้ก่อนดีกว่า ไม่คิดจะช่วยอะไรทั้งสิ้น แม้นว่าเธอจะร้องขอ น่าสงสารแค่ไหนก็ตาม...
แค่นี้ก็ดูแล้งน้ำใจพอแล้ว...
ยังจะมีคนที่สอง...ที่เป็นเจ้านายโดยตรงของเธอ ไม่คิดจะช่วยอะไรอีกเหมือนกัน...แม้นแต่แค่ยกหูโทรศัพท์พูดคุยแทน สักนิดก็ยังดี....แต่เปล่าเลย!! นิ่งดูดาย....ใจดำพอที่จะเห็นคนทุกข์ร้อนอยู่ต่อหน้าต่อตาอย่างเฉยเมย ถ้าเปรียบเทียบให้แรงหน่อย...ก็เหมือน ๆ กับยืนมองดูปลาที่กำลังดิ้นตายอยู่ต่อหน้าต่อตา อย่างไม่รู้สึกยินดียินร้ายอะไรทั้งสิ้น จะกระทั่งปลาหมดแรงตายไปเอง....
ถามว่า....คนที่สอง ผิดหรือไม่?? ไม่ผิดหรอก...แต่ก็ไม่ถูกเหมือนกัน ความห่วงใยลูกน้อง อนาทร ร้อนใจในความทุกข์ของลูกน้อง เป็นความเมตตา กรุณาที่ต้องเกิดขึ้นเอง... แต่ถ้าเขาไม่มี...ไม่เกิดในใจของเขา เขาก็ไม่เห็นหนทางอะไรจะต้องไปช่วย!!~
สำหรับการขอความช่วยเหลือ...กับคนอื่น กับคนที่มียศร้องขอ ย่อมมีน้ำหนักมากกว่า...
กับคนอื่นทั่วไป...ที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ก็เข้าใจล่ะ... แต่ถ้าเป็นลูกน้องโดยตรง...ไม่คิดจะช่วยอะไรเลย จะให้คิดอย่างไรดีล่ะ??
ยามปกติ...ใช้งาน ยามทุกข์ร้อน...ไปไกล ๆ น่ะ!! อย่างนี้ จะหาความภักดีได้อย่างไร???
ในสังคมยุคปัจจุบัน...ที่ไม่ชอบมาก ๆ ไม่ใช่โจรผู้ร้ายที่ใจดำ อำมหิต ใช้ปืน ใช้มีด ทำร้ายคนนั้น ปล้นคนนี้... แต่เป็น...ผู้ร้ายในคราบผู้ดีต่างหาก ชอบปั้นหน้า ดูดี น่าเชื่อถือ ทั้ง ๆ ที่ข้างใน ร้ายกว่าไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเท่า!!
หากคนเรายุคนี้...มีความเอื้ออาทรต่อกันขึ้นอีกนิด ใส่ใจต่อกันอีกหน่อย ไม่ต้องเจือจานไปทุกผู้ทุกนามหรอก... เอาแค่คนใกล้ชิด ผู้ร่วมงาน ลูกน้องที่มีอยู่...ก็พอแล้วล่ะ ไม่ใช่จิกศรีษะใช้...หลอกใช้งาน ฯลฯ ไปวัน ๆ เท่านั้น แล้วมาบอกว่านี่ล่ะ. คือหลักการบริหารงาน....ล่ะ เชอะ!!!!!!!!!!!!
Create Date : 09 กรกฎาคม 2552 |
|
1 comments |
Last Update : 9 กรกฎาคม 2552 22:57:43 น. |
Counter : 1564 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|