24. จะผ่านคืนนี้ยังไง...
24. จะผ่านคืนนี้ยังไง...



(TONO part)



ทันทีที่เลี้ยวออกพ้นประตูรั้วคอนโด รถโฟล์วิวของพี่ส้มก็แล่นสวนเข้ามา สุดท้ายเราทั้งสี่คนก็มานั่งอยู่ที่โต้รุ่งกลางเมืองขอนแก่น เด็กเสิร์ฟลำเลียงอาหารข้ามศีรษะเราไปมา ผู้คนมากมายขวักไขว่คงหวังมารยาทไม่ได้นัก หนูริทมองทางนู้นทีทางนี้ทีอย่างตื่นเต้นทำท่าจะหยิบโทรศัพท์ในมือขึ้นมาโทร

“ไว้เล่าพรุ่งนี้ก็ได้ เผื่อคุณรุจอยากพักผ่อน” ผมหยุดมือเล็กไว้แค่นั้น ไม่นานอาหารที่เราสั่งก็ทยอยมาส่งจนครบ

ตัวเล็กกวาดตามอง หน้างอ ไม่ยอมแตะต้องอาหาร พี่ส้มตักกับข้าววางไว้ให้ในจานข้าวผัดตรงหน้า

“ทานสิ อร่อยนะ” คนตัวเล็กเขี่ยผักที่พี่ส้มตักให้ในจานไปมา ไม่ปริปาก เราสามคนรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยด้วยความหิวและเหนื่อยจากการเดินทาง มือเล็กวางช้อนส้อมกระแทกลงบนจาน พี่ส้มกับพี่เจแปนหันมามองเป็นตาเดียว ตั้งท่าจะเอ่ยถาม แต่พอเห็นสีหน้าคนตัวเล็กก็กลับนิ่ง หนูริทนั่งจ้องหน้าผมเขม็ง รังสีอำมหิตที่เพิ่งจางหายไปไม่นานเริ่มกรุ่นๆ ขึ้นมาอีกครั้ง ผมไม่พอใจนักกับกริยาของเค้า ควรจะเกรงใจเพื่อนร่วมโต๊ะบ้าง นึกอยากต่อว่า แต่พอเห็นแววตาเท่านั้น สิ่งที่ผมทำได้คือหยิบจานข้าวตรงหน้ามาเขี่ยผักออกให้เค้าทีละชิ้น พี่ส้มกับพี่เจแปนถอยหายใจพรืดยาวแทบจะพร้อมกัน

“ไม่กินผัก?” พี่ส้มเอ่ยทักยิ้มๆ

“คุณรุจก็ไม่กิน” คนตัวเล็กโบ้ยความผิดไปให้พี่ชายคนโต

พี่เจแปนนั่งมองผมเขี่ยผักชิ้นเล็กชิ้นน้อยในจานคนตัวเล็กทิ้ง หัวเราะหึๆ

“คิน สั่งใหม่เหอะ”

“ไม่เป็นไรครับ คิวยาวขนาดนี้ สั่งใหม่กว่าจะได้กิน” เสียงตอบจากคนตัวเล็กตรงหน้าที่นั่งมองผมเขี่ยผักออกจากจาน เอียงคอส่งยิ้มหวาน เอื้อมมือมาหยิกแก้มให้กำลังใจ

“พี่โน่ของริทน่ารักจัง”

“หือ?” เสียงอุทานแทบจะพร้อมกันของคนร่วมโต๊ะ ทำเอาผมอายม้วนแทบมุดใต้โต๊ะ ทำไมอยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเมารถอยู่ซะงั้น


.....................................................................

และแล้วเราสองคนก็มานั่งอยู่ที่บ้านพี่ส้มจนได้ หนูริทนั่งดูทีวีแอบหาวหวอดๆ ผมสะกิดชวนกลับ
คอนโด ตัวเล็กส่ายหน้าแล้วนิ่งเฉย พี่เจแปนขอแรงผมไปช่วยจัดการกับของฝากมากมายที่ได้มาระหว่างทาง ผมยืนมองแล้วก็นึกขำ สภาพที่เห็นในครัวบ้านพี่ส้มไม่แตกต่างจากที่คอนโดผมเลย สืบทอดทางสายเลือดหรือไงนะ เราช่วยกันจัดจนเสร็จเรียบร้อย ผมรู้สึกล้าๆ อยากกลับไปพักผ่อนเต็มที

พี่ส้มจุ๊ปากเบาๆ ทันทีที่เห็นผมเดินไปใกล้คนตัวเล็กที่ตอนนี้นอนหลับปุ๋ยอยู่หน้าทีวี

“ภาคิน อุ้มน้องไปนอนในห้องหน่อยสิ นอนโซฟาเมื่อยแย่แล้ว” ผมมองพี่ส้มงงๆ มือที่กำลังจะเขย่าปลุกเปลี่ยนเป็นค่อยๆ ช้อนร่างบางไปวางบนเตียง

“เธอกลับไปพักเถอะ” พี่ส้มออกคำสั่ง

ผมยืนมองหญิงสาวค่อยๆ คลี่ผ้านวมขึ้นคลุมให้คนร่างเล็ก เดินถอยห่างออกมาเงียบๆ พี่เจแปนสะกิดเบาๆ

“กูไปส่ง”

.....................................................................

ผมนอนกระสับกระส่ายพลิกซ้ายพลิกขวา นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว ข่มตายังไงก็ไม่หลับ นึกโกรธตัวเองที่อยู่ๆ ก็ปล่อยให้หนูริทไปค้างบ้านพี่ส้ม ถ้าคุณรุจรู้เข้าจะทำยังไง แล้วถ้าตื่นมาแล้วไม่เจอใคร จะเสียขวัญมั้ย...รู้ตัวอีกทีมอเตอร์ไซค์คันเก่งก็พาผมมาอยู่หน้าบ้านพี่ส้มแล้ว

“ว่าไงไอ้เสือ นอนไม่หลับล่ะสิ” พี่เจแปนหาวหวอด สีหน้าไม่แปลกใจซักนิด เหมือนรู้ว่ายังไงผมต้องกลับมา ผมจ้ำพรวดเดียวก็ถึงห้องที่หนูริทนอนอยู่ ร่างบางยังคงหลับพริ้ม พี่ส้มนั่งมองอยู่ข้างๆ ไม่ละสายตาจากคนหลับ มือเรียวแตะเบาๆ ที่แก้มนวล

“เทวดาน้อยของแม่”

.....................................................................

ร่างหนาเอนตัวลงบนที่นอนพับหน้าเตียง ก่อนจะหลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความอ่อนเพลีย ทันทีที่หญิงสาวลับร่างไป ร่างเล็กค่อยๆ ลืมตาขึ้นในความมืด ยกมือแตะที่แก้มนวลของตนเบาๆ เสียงหายใจทอดยาวเป็นจังหวะสม่ำเสมอของคนคุ้นเคย เปลือกตางามพริ้มหลับลงอีกครั้งด้วยความอุ่นใจ

.....................................................................



(RUJ part)

ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกจิกเล็บลงไปบนหัวไหล่ของผมจนรู้สึกเจ็บแปลบทันทีที่จังหวะรักเร่าร้อนของเราดำเนินมาถึงบทสุดท้าย ผมถอนหายใจยาวพลิกตัวกลับลงนอนหงาย ความตึงเครียดที่มีมาตลอดค่ำในที่สุดก็ได้รับการปลดปล่อย ความรู้สึกผ่อนคลายเริ่มกลายเป็นความง่วง ร่างเปลือยเปล่าขยับมาใกล้เบียดซบลงที่หัวไหล่ ผมเอื้อมมือไปขยี้เรือนผมนุ่มเบาๆ ดันเค้าให้ออกห่าง

“นอนเถอะ พี่ง่วง”

ร่างเล็กพลิกตัวกลับ เสียงสะอื้นลอยมาแผ่วๆ

ผมถอนหายใจอีกครั้ง พลิกตะแคงหันหลังให้ ก็แค่คนเหงาสองคนมาเจอกัน จะคาดหวังอะไรจากความสัมพันธ์ที่ไม่ได้ก่อกำเนิดจากความรัก

.....................................................................

แสงสว่างส่องรำไรเข้ามากระทบกับผนังสีขาว บอกเวลาเช้าตรู่ ผมพาดแขนไปข้างๆ ตัว กลับพบแต่ความว่างเปล่า พอลืมตาขึ้นก็เห็นมาร์คนั่งอยู่ปลายเตียง

“โย่ว!!” ผมร้องทัก ยันตัวเองขึ้นจะโผไปหา เค้าเหมือนรู้ลุกขึ้นทันที เห็นเพียงเสี้ยวหน้างาม พึมพำเบาๆ

“ให้ผมกลับก่อน คุณรุจค่อยตื่นได้มั้ย”

เสียงสั่นเครือหยุดผมไว้เพียงเท่านั้น ผมนั่งมองร่างเล็กก้าวช้าๆ ออกไปจากห้อง ทิ้งตัวลงที่เดิม ยกแขนก่ายหน้าผาก ตอบตัวเองไม่ได้ว่าที่อยู่ๆ ก็ใจหายวาบมันคือความรู้สึกอะไร

............................................................................



(TONO part)

“อื๊อ...พี่โน่...”

“...??...” เสียงครางของคนตัวเล็กปลุกผมตื่น บรรยากาศรอบข้างยังคงมืดอยู่ ยกนาฬิกาขึ้นมาดูพรายน้ำบอกเวลาตี 5 กว่าๆ ร่างเล็กบนเตียงยังคงนอนนิ่ง สงสัยคงละเมอ อยากรู้จังว่าฝันอะไร

“ฮ่าๆๆ พี่โน๊!!”

“หืม...?” ผมยันตัวลุกขึ้น ที่นอนพับทำเมื่อยขบไปทั้งตัว แสงรำไรมองเห็นใบหน้าของหนูริทเพียงเลือนลาง แต่ก็ไม่สามารถซ่อนเร้นความงามของใบหน้าหวานได้เลย

ยิ้มซะด้วย สงสัยจะฝันดี ผมชะงักมือที่จะเขย่าปลุกเค้าเพียงเท่านั้น กำลังจะถอยตัวกลับไปนอน พลันชายเสื้อก็ถูกมือเล็กคว้าดึงไว้ซะก่อน

“จับได้แล้ว” เสียงดีใจกลั้วรอยยิ้มของคนตัวเล็ก

หืม? คนอะไรละเมอเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย มือเล็กยังคงกำชายเสื้อยืดของผมไว้แน่นไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย ผมค่อยๆ แกะมือเล็กออกทีละนิ้วอย่างยากเย็น พอเริ่มแกะนิ้วที่สอง นิ้วแรกก็กลับจิกลงแน่นกว่าเดิม

“ปล่อยสิครับ ถ้าไม่ปล่อย พี่จูบนะ” อะไรเนี่ย อยู่ๆ ผมก็พูดออกไปได้ รู้สึกเขินๆ เหมือนกัน ไม่มีเสียงตอบ นอกจากมือเรียวที่ยังคงกำขยุ้มชายเสื้อไว้แน่น จะให้เค้าตอบยังไง ก็หลับอยู่นี่นา

“หึๆ” ผมหัวเราะเจ้าเล่ห์ แตะจูบลงไปช้าๆ เหลือเชื่อริมฝีปากเล็กเผยอรับอย่างเชิญชวน ลิ้นร้อนค่อยๆ ชอนไชเข้าไปในโพลงปากอย่างโหยหา ลิ้นเล็กเกี่ยวกะหวัดรัดลิ้นผมไว้หยอกเอินไปมา

อือ...อา...เสียงครางของเราสองคนประสานกันดังขึ้นเรื่อยๆ ผมถอนจูบจากริมฝีปากงาม กดจูบเร่าร้อนลงบนลำคอขาว ดูดเม้มแรงๆ จนเปลี่ยนเป็นสีช้ำเลือด คนตัวเล็กบิดตัวแอ่นรับสัมผัส

“อ้า...พี่โน่...ริทไม่ไหวแล้ว” มือเล็กกระชากเสื้อผ้าตัวเองออก เหลือเพียงเรือนร่างนวลผ่องเปลือยเปล่า สองแขนโน้มคอผมลงไปจนชิด ฟันขาวกัดเบาๆ ที่มุมปากล่าง เปลือกตางามปรือขึ้นมองจ้องมาอย่างท้าทายเย้ายวนใจเหลือเกิน เค้ากำลังปลุกความเป็นชายในตัวผมให้ตื่นเต็มที่

“เข้ามาสิครับพี่โน่ ริทพร้อมแล้ว”

“พี่ก็ไม่ไหวแล้วหนูริท อ๊า.....โอ๊ยยยย!!”

“อร๊ากกกกกกกกก ผีกัดขา!!!!”

เสียงร้องของใครบางคน กับความเจ็บร้าวที่ยอดอก กระชากสติผมให้ตื่นขึ้น สัมผัสได้ถึงเท้าเล็กที่เหยียบอยู่กลางอก เจ็บจนจุกทันทีที่แรงกะแทกส่งมาซ้ำอีกครั้งก่อนเท้านั้นจะถอนออกไป

แสงไฟสว่างวาบขึ้น จนผมต้องหยีตา นี่สวรรค์เล่นตลกอะไรกับผม ก่อนที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงเล็กละล่ำละลักก็ดังขึ้นซะก่อน

“พี่โน่ เป็นอะไรรึเปล่า ริทขอโทษ ริทไม่ได้ตั้งใจ เจ็บตรงไหนมั้ย”

ผมนอนนิ่ง กำลังเรียกขวัญและสติของตัวเองที่กระเจิดกระเจิงให้กลับเข้าที่

“เช้าแล้ว ริทจะลงไปข้างล่าง แล้วอยู่ๆ ก็ได้ยินเสียง อือๆ อาๆ อ้าๆ อะไรก็ไม่รู้ ริทตกใจ กระโดดลงจากเตียง ก็ริทไม่ทันดู เหยียบพี่โน่ไปเต็มๆ เลย”

“อืม...พี่ฝันน่ะ คงละเมอ” ผมอยากจะร้องไห้ จูบของเรา หนูริทที่แสนเร่าร้อนเป็นเพียงแค่ฝันข้างเดียวของผม ฮือๆ

“พี่โน่ฝันร้ายใช่มั้ย เสียงครางน่ากลัวมาก เหมือนคนกำลังถูกทรมาน ไม่ต้องกลัว เล่าให้ริทฟัง เดี๋ยวริทจะแก้ความฝันให้นะ ว่าไง เล่ามาสิ” สีหน้าจริงจังของคนตัวเล็กเขย่าแขนผมคาดคั้นเอาคำตอบ

จะให้ผมหาคำใดมาแก้ตัวตอนเพิ่งตื่นสะลึมสะลือแบบนี้

ก่อนที่หนทางจะเริ่มตีบตัน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นซะก่อน

“ตื่นแล้วเหรอ ใส่บาตรด้วยกันมั้ย” พี่ส้มแง้มประตูมาถามเสียงใส

“ดีเลยครับ เมื่อกี้พี่โน่ฝันร้าย ลุกเร็ว” มือเล็กฉุดผมขึ้นจากที่นอนพับ ยังรู้สึกจุกนิดๆ ตรงที่โดนเท้าเค้ากระแทก

....................................................................

ผมนั่งอมยิ้มมองคนตัวเล็กจัดชุดสำรับอาหารคาวหวานสำหรับใส่บาตรช่วยพี่ส้มอย่างเพลิดเพลิน หนูริททำอะไรก็ดูน่ารักไปหมด เวลาที่เค้าตั้งใจทำอะไรซักอย่าง ปากเล็กจะเผยอขึ้นน้อยๆ โดยไม่รู้ตัว อยู่ๆ ภาพหนูริทแสนเร่าร้อนในฝันของผมก็ซ้อนทับเข้ามาตรงหน้า

“อุ๊บ!” ผมเผลอตัวอุทานออกไป ยกมือปิดปากตัวเองแน่น

“หื้อ...?” ร่างเล็กหันมาด้วยความสงสัย เดินเข้ามาใกล้ แตะหลังมือที่แก้มผมเบาๆ

“พี่โน่ ไหวมั้ย ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา” ดวงตาที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามมองสำรวจผมไปทั่วหน้า

“หลบตาทำไม เป็นอะไร เกี่ยวกับที่ฝันร้ายมั้ย เล่ามานะ พี่ส้มบอกว่าที่นี่ไม่เคยประวัติอะไรเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับผีสางนะ”

“ปะ เปล่า พี่ไม่ได้ฝันร้าย” ผมดึงมือเล็กออกจากแก้ม ทันทีที่สัมผัสถูกผิวของเค้า เหมือนมีกระแสไฟแล่นเข้าสู่ร่างจนมือกระตุกเบาๆ แบบนี้ใช่มั้ยที่เค้าเรียกว่าสปาร์ค

“อะไรของพี่โน่ เสียเส้น” ร่างเล็กส่ายหัว ยกถาดอาหารเดินหนีผมออกไปวางโต๊ะหน้าบ้าน

“นิมนต์ครับ” ร่างเล็กพนมมือไหว้สวยงาม แล้วยืนนิ่งเฉย ทำไมไม่ใส่บาตร ผมมองงงๆ หยิบชุดอาหารกะลังจะใส่ลงในบาตร มือเล็กวางซ้อนทับลงบนมือผมทันที

“หืม?” ผมหันไปมอง ใบหน้าหวานอมยิ้มน้อยๆ ส่งมาให้แบบที่ผมตีความหมายไม่ออก

“ใจคอจะกดขี่กันตั้งแต่วันแรกเลยเว๊ยเฮ๊ย ฮ่าๆ” พี่เจแปนตบป้าบลงบนไหล่ แต่ไม่ได้ช่วยไขความกระจ่างอะไรเลย ความงงยังคงสถิตอยู่กับผม

“นมัสการค่ะ เมื่อคืนน้องชายฝันร้าย” อยู่ๆ พี่ส้มก็ทำงานเข้าผมแบบกระทันหัน จะแก้ตัวยังไงดี โกหกคนก็ว่าบาปแล้วจะให้ผมโกหกพระ โกหกเจ้าเลยเหรอ

พระอาจารย์มองหน้าผมแบบรอคำตอบ

มือเล็กเหน็บเข้าให้ที่สีข้างที่เห็นผมยืนนิ่ง

“เอ่อ ไม่สะดวกจะเล่าครับ ถ้าสงสัยอะไร เดี๋ยวผมจะไปถามที่วัด” ผมรีบยกมือไหว้ เก็บถาดอาหารเดินเข้าบ้าน

สักครู่หนูริทก็เดินตามเข้ามา

“พี่โน่เป็นอะไร แล้วทำไมไม่อยู่รับพรก่อน” คนตัวเล็กหน้างอ

“จะบอกมั้ย ว่าฝันอะไร”

“มันก็แค่ความฝัน ไม่ได้มีอะไรซะหน่อย หนูริททำไมต้องคิดจริงจังด้วย” ผมยื่นหมวกกันน๊อคส่งไปให้คนหน้างอ

“ถึงคอนโดแล้วพี่จะเล่าให้ฟัง จะทำให้ดูด้วยว่าฝันอะไร” ผมส่งยิ้มเจ้าเล่ห์กลับไปให้ เดินนำไปที่รถมอไซค์คู่ใจคันเก่ง

....................................................................




(RIT part)


ผมตื่นตาตื่นใจกับสองข้างทางที่พี่โน่พาขับผ่านไป ต้นไม้ ทิวหญ้า อากาศเย็นสบายๆ และหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสเป็นมิตรของผู้คน ไม่นานรถมอเตอร์ไซค์คันเก่งที่พี่โน่ก็พาเรามาถึงจุดหมาย

“หมูปิ้ง 20 ไม้ ข้าว 2 ห่อครับ” เสียงทุ้มนุ่มอารมณ์ดีกับแววตาขี้เล่นเจ้าชู้ที่ส่งให้แม่ค้าของพี่โน่ ทำให้ผมจ้องเขม็งที่คนทั้งคู่ด้วยความระแวง

แม่ค้าหน้าสวยเฉี่ยวบรรจงหยิบหมูปิ้งทีละไม้ห่อใบตองก่อนจะใส่ลงในถุงพลาสติกใส ปากแดงเปื้อนลิปสติกสีสดเจื้อยแจ้วเจรจา

“หายหน้าหายตาไปนาน นึกว่าลืมกันซะแล้ว หรือหมูปิ้งที่นี่ไม่อร่อยเหมือนหมูกรุงเทพฯ” เสียงหวานแหลมเจือจริตชายตามาที่ผมค้อนขวับ มือไม้ยังกรีดกรายหยิบหมูปิ้งไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จ

“ท่าทางอร่อยจังนะครับ แต่ไม้เล็กจัง ผมจะอิ่มมั้ยเนี่ย” ผมส่งยิ้มหวานพร้อมเสียงออดอ้อนไปให้

“อุ๊ย!” แม่ค้าหมูปิ้งมีสีหน้าตกใจ เงยหน้ามองผมด้วยความสงสัยก่อนจะเปลี่ยนเป็นแววตาสนอกสนใจ

“แหมๆๆ มีน้องชายรูปหล่อขนาดนี้ก็ไม่บอก” หล่อนชายตาไปที่พี่โน่เล็กน้อย ก่อนจะหันมาจ้องผมพร้อมส่งสายตาเย้ายวนแบบเต็มๆ

อ้าว! ผมแอบงงในใจ แล้วเมื่อกี้เค้าคิดว่าผมเป็นอะไร หรือนึกว่าผมไม่มีตัวตน

แล้วความสงสัยก็ได้รับคำตอบ

“ผู้ชายอะไรหน้าหว๊าน หวาน เห็นทีแรกนึกว่าทอม ก็เห็นพ่อคนนี้เค้าชอบห้าวๆ หวานซ่อนเปรี้ยวอย่างพี่เค้าไม่สน” แม่ค้าหมูปิ้งพยักเพยิดไปทางพี่โน่ก่อนจะค้อนขวับอีกครั้งด้วยจริตวงโต

“เอ่อ...” ผมยืนงงแบบไปต่อไม่ได้ พี่โน่ปล่อยกิ๊กสีหน้าท่าทางกวนอารมณ์ที่สุด

“แถมให้น้องหน้าหล่ออีก 3 ไม้นะจ๊ะ” แม่ค้าส่งยิ้มยั่วยวนมาให้ผมอีกครั้งยื่นถุงหมูปิ้งให้พี่โน่อย่างอ้อยอิ่ง ผมส่งยิ้มหวานขอบคุณกลับไป หันหลังกลับ

“ชอบห้าวๆ งั้นเหรอ อย่าให้รู้นะว่าใคร ฮึ” ผมกัดฟันกรอด เดินกลับไปรอที่รถ

.................................................................

“หมูปิ้งเจ้านี้อร่อยมากนะ ลองชิมก่อนซักไม้สิ” พี่โน่พยายามคะยั้นคะยอจะป้อนหมูปิ้งให้ผมชิมให้ได้

“ยังไม่หิว” ผมตอบกลับไปเสียงขุ่น สะบัดหน้าหนี พี่โน่ทำไม่รู้ไม่ชี้ สตาร์ทมอเตอร์ไซค์

ผมนั่งซ้อนท้ายไปเงียบๆ ด้วยสีหน้าบึ้งตึง ไม่สนใจว่าเค้าจะชี้ชวนให้ดูโน่นนี่ตลอดสองข้างทาง

“เกาะแน่นๆ นะ”

“อุ๊ย!” ผมมัวแต่ใจลอย อดตกใจไม่ได้ที่รถของเราตกหลุมคอนกรีตเล็กๆ มือคว้าเอวพี่โน่หมับ เกาะไว้อย่างแน่นหนา

“เอ๊ย!” ยังไม่ทันหายตกใจ รถของเราก็ตกหลุมอีกครั้ง จังหวะที่รถทำท่าเสียหลัก ผมหลับตาปี๋ รู้สึกว่าร่างไถลไปจนชิดด้านหลังพี่โน่ สองแขนโอบรอบเอวร่างหนาแน่นยิ่งกว่าเดิม

“คิกๆๆ” เสียงหัวเราะหลุดรอดออกมาจากปากคนขับ ถึงผมจะมองไม่เห็น แต่ก็รู้ว่าตอนนี้สีหน้าเค้าเป็นยังไง คนเจ้าเล่ห์ ขับรถหรือตีกอล์ฟ นี่ใจคอคงจะเก็บทุกหลุมที่มีบนถนนเลยสินะ ผมปล่อยมือทันที แต่ก็ช้ากว่ามือใหญ่ที่คว้าหมับลงบนมือผมที่วางอยู่บนท้องของเค้า มือหนาอบอุ่นข้างเดียว กุมมือสองข้างของผมไว้แน่น พร้อมระเบิดเสียงหัวเราะชอบใจออกมาดังยิ่งขึ้น

.................................................................

ทันทีที่รถจอด ผมเดินจ้ำอ้าวขึ้นชั้นสามทันที แต่แล้วก็ต้องมายืนหงุดหงิดรอพี่โน่อยู่ที่หน้าห้องจนได้ ได้แต่บ่นในใจคนเดียว

“บ้าชะมัด ถ้ามีกุญแจห้องนะ จะปล่อยให้ยืนรอเงกอยู่นี่แหละ ไม่ให้เข้าห้องด้วยหรอก เชอะ”

เสียงผิวปากแว่วตามลมใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไม่นานหน้าหล่อก็โผล่พ้นบันไดเดินตรงมาหาผม ในมือกวัดแกว่งถุงหมูปิ้งไปมา อีกมือควงพวงกุญแจเล่นเป็นวงกลม ผมยื่นมือไปคว้าหมับ รีบเปิดประตูเข้าห้อง กะจะแกล้งรีบปิดล๊อคไม่ให้เค้าตามมาทัน แต่เหมือนคนตัวโตจะรู้ทันรีบเบียดตัวเข้ามาก่อนที่ผมงับประตูลง

“โอ๊ย!” เสียงห้าวร้องโอดโอย นิ้วขาวถูกประตูหนีบเบาๆ ไม่ถึงกับทำให้ช้ำห้อเลือด แต่เสียงเจ็บปวดเกินจริงของเค้า ก็ทำให้ผมหันไปจนได้

“คนใจร้าย” พี่โน่ค้อนขวับ ผมจ้องหน้านิ่ง ถอนหายใจก่อนมองเมิน ไม่นานคนเจ้าเล่ห์ก็ฉีกยิ้มอวดฟันขาว เดินแซงผมเข้าไปในห้องหน้าตาเฉย

“กินหมูปิ้งกันดีกว่า เดี๋ยวเย็นแล้วไม่อร่อย อิ่มแล้วค่อยอาบน้ำก็ได้” พี่โน่มองผมตั้งแต่หัวจดเท้าที่ยังอยู่ในสภาพชุดเดิมเมื่อวาน จัดแจงหมูปิ้งใส่จาน เดินมาเสิร์ฟถึงที่

“ไม่หิว” ปฏิเสธไปทั้งที่กลิ่นหมูปิ้งหอมยั่วยวนเหลือเกินจนน้ำลายสอ

รู้สึกอายๆ ขึ้นมาทันที จริงสิ เมื่อวานเรามาถึงขอนแก่น แล้วเราก็ออกไปกินข้าวกัน แล้วผมก็เผลอหลับไปที่บ้านพี่ส้ม ไม่ได้อาบน้ำเลยตั้งแต่เมื่อคืน ผมเดินเลี่ยงไปจะหยิบผ้าเช็ดตัว แขนแกร่งคว้าหมับเข้าที่เอว ดึงตัวผมเข้าหาจนแผ่นหลังผมชิดแผงอกของเค้า จมูกโด่งคมคลอเคลียอยู่ข้างแก้มไล่เลื่อยลงมาตามซอกคอ

“เดี๋ยวก็ได้ หอมชื่นใจซะขนาดนี้” ผมพยายามแกะมือซุกซนของเค้าออกจากตัว

“อื๊อ..ริทหิวแล้ว”


........................................................................




(TONO part)

คนตัวเล็กพยายามดิ้นรนปัดป้องให้ตัวเองหลุดจากพันธนาการ แก้มหอมนวลสีแดงปลั่ง ส่ายไปมาหลบปากจมูกของผมที่ตามไปพรมจูบจนทั่วใบหน้า แต่จู่ๆ เค้าก็หยุดดิ้น หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า เอ่ยคำพูดที่ท้าทายชวนงง

“อยากได้ใช่มั้ย”

“หืม?”

แทนคำตอบ สองมือเล็กบิดที่แก้มสองข้างของผมจนหน้าโย้ เขย่งตัวเองขึ้น ริมฝีปากทาบทับกับปากของผม ก่อนจะผลักอกอย่างแรงจนเกือบหงายหลัง แล้ววิ่งปรู๊ดหนีเข้าห้องน้ำ

ผมยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเอง ใช่ว่าเราจะไม่เคยจูบกัน แต่นี่คือครั้งแรกที่เค้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อน รู้สึกวาบหวาม ตื่นเต้นระคนสุขใจ ทำอะไรไม่ถูก ทิ้งตัวลงนอนตะแคง คลี่ผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงคู้ตัวให้เล็กที่สุด ไอร้อนผ่าวๆ จากริมฝีปาก เริ่มลามขึ้นมาถึงแก้มทั้งสองข้าง ซุกหน้าลงกับหมอนนุ่มกัดริมฝีปากตัวเองจนชา สลับกับฉีกยิ้มกว้างที่สุดจนรู้สึกตาเล็กหยีลงมองอะไรแทบไม่เห็น ใครก็ได้ช่วยบอกผมที ความรู้สึกหวิวๆ วูบๆ วาบๆ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวนี้มันคืออะไร

ก่อนที่จินตนาการอันเพลิดเพลินพิสดารจะพาผมเตลิดไปไกล ก็มีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นทำลายความเงียบ เป็นเสียงเคาะประตูห้องน้ำจากด้านใน

“พี่โน่...ริทลืมหยิบผ้าเช็ดตัว”

“...”

ผมดีดตัวขึ้น ลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัว

“ได้แล้ว”

ประตูห้องน้ำค่อยๆ แง้มเปิดออก มีเพียงมือเล็กยื่นออกมารับ อยู่ๆ ความคิดโลดโผนก็เกิดขึ้นในหัว ผมกระตุกชายผ้าไว้ แรงยื้อยุดจากชายผ้าอีกด้าน ดันประตูห้องน้ำเปิดผ่างออกอย่างไม่ทันตั้งตัว ภาพที่เห็นปรากฏต่อหน้าต่อตาทำเอาอ้าปากค้าง ร่างเปลือยเปล่าผิวขาวนวลเนียนไร้ที่ติมีหยดน้ำเกาะพราวอยู่ทั่วตัว

“ปล่อย!!”

มือเล็กกระชากผ้าจากมือ แรงดึงทำให้ผมเซถลาไปข้างหน้า จังหวะที่ยังไม่ทันตั้งหลัก ทำให้ร่างเราปะทะกันอย่างจัง ผมคว้าเอวของเค้าไว้ได้ทัน ก่อนหลังจะกระแทกกับผนัง ลมหายใจอุ่นของกันและกันจ่อรดอยู่บนใบหน้า เปลือกตางามหลับพริ้มอวดแผงขนตางอนงาม งามจนผมอยากจะหยุดลมหายใจของตัวเองไว้เพียงเท่านี้ ผมกอดกระชับร่างบางให้แน่นขึ้น แตะจูบแผ่วเบาที่หน้าผาก

“โอ๊ย!!”

เสียงของแข็งกระแทกโป๊กข้างทัดดอกไม้ ดวงดาวระยิบระยับหมุนวนรอบศีรษะ รู้สึกร่างตัวเองหมุนคว้างผงะหงาย ภาพสุดท้ายก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดลงเสียงดังปัง ผมเห็นขวดแชมพูขนาดใหญ่อยู่ในมือของเค้า ดวงตาดำขลับมองมาอย่างเย็นชา

...............................................................

เรานั่งกินข้าวเหนียวหมูปิ้งด้วยบรรยากาศอึมครึม ผมพยายามชวนคุยเพื่อคลี่คลายบรรยากาศ เรื่องเพื่อนๆ ที่ขอนแก่นและสถานที่ๆ จะพาเค้าไปขับรถเล่นวันนี้ เค้าเองก็ไม่ได้นิ่งเงียบซะทีเดียว ตอบรับทุกท้ายประโยคคำถามด้วยคำพูดสั้นๆ “อืม...” คำพูดยาวสุดก็มีแค่ “แล้วแต่พี่โน่”

...............................................................

ผมพาเค้าขับรถเล่นไปทั่วเมือง สองมือเล็กที่โอบรอบเอวให้ความรู้สึกหนาวเยือกเย็นพิกล หนูริทพูดน้อยผิดปกติ ผมอยากขอโทษเรื่องเมื่อเช้า แต่ก็ปากหนัก หากพูดขึ้นมาก็กลัวจะว่ารื้อฟื้นให้อาย ความจริงควรเป็นผมสิที่ต้องอาย อายที่ทำไม่ดีกับเค้า…

หลังจากไหว้พระทำบุญที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองขอนแก่นหลายแห่งเพื่อความเป็นสิริมงคล ผมก็ขอแวะดูแลกิจการที่ฝากหุ้นส่วนไว้บ้าง ธุรกิจตู้เติมเงินกำลังไปด้วยสวย เพื่อนผมมันอุตริอะไรไม่รู้ เอารูปผมไปทำสติ๊กเกอร์มาแปะที่ตู้ นัยว่าจะช่วยเรียกลูกค้าให้มาเติมเงินเยอะๆ ผมว่ามันบ้า แต่เพื่อนยืนยันว่าได้ผลจริงๆ เอากะมันสิ เฮ้อ...

ระหว่างที่อยู่บ้านเพื่อน หนูริทดูร่าเริงแจ่มใสขึ้น พูดคุยสนุกสนานเฮฮา หัวข้อสนทนาก็หนีไม่พ้นเรื่องหน้าแตกต่างๆ นานาของผมสมัยอยู่ขอนแก่น ถึงหนูริทจะพูดเยอะขึ้น แต่ผมก็สังเกตได้ว่าเค้าเลี่ยงที่จะคุยกับผมตรงๆ











Create Date : 21 เมษายน 2554
Last Update : 12 ธันวาคม 2554 0:38:38 น.
Counter : 320 Pageviews.

0 comments

Phoenix_x
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เราเป็นคนขี้เกียจแล้วก็ชอบนอนมากๆ
วันๆ เราไม่ทำอะไรเลย เคลื่อนไหวได้ด้วยแรงเฉื่อย

เมษายน 2554

 
 
 
 
 
1
2
3
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30