วันที่ไป Venice เนี่ยเซ็งมากเลย ... จากแผนที่วางไว้ ... ตอนแรกอยากจะนอนที่นี่คืนนึง .... แต่เพราะว่าค่าโรงแรมแพงมาก .... เลยได้แผนว่า ... นั่้งรถไฟนอนจาก Vienna (หลัง 7 ทุ่ม ... เค้านับเป็นวันถัดไป) แล้วก็มาเช้า 7 โมงเช้าที่ Venice และเมืองก็ไม่ใหญ่มาก ... เอาไว้มีกะตังก่อน แล้วค่อยมาเที่ยวอีกที พักโรงแรมสุดหรู ... รอบนี้ก็แค่พอหอมปากหอมคอ ... ตามแผนคือ พอไปถึง Venice ตั้งแต่เช้าตรู่ ... ก็เอากระเป๋าฝากไว้ที่สถานีรถไฟ ... เที่ยวในเกาะทั้งวัน แล้วก็ออกจาก Veinice ประมาณ 6 โมงเย็น ต่อไปที่ Rome (ประหยัดค่ารถไฟไปวันนึง แล้วก็ไม่ต้องจ่ายค่าโรงแรมแพงๆ)พูดถึงรถไฟนอนก่อน ... ตู้นอนมันจะเป็น couchette มีเตียงชั้นๆ 6 เตียง (3 ชั้น) มีช่องตรงกลางให้เดิน ... จากประตู (ก็จะมีเตียงด้านซ้าย และด้านขวา ด้านละ 3 เดียง นึกออกนะคะ) ... แคบมาก ... ตู้นอนก็เหม็นอับ ผ้าห่มก็บาง ... แล้วก็ไปเจอคน Korean อีก 4 คน ... มากัน 2 คู่ (แยกกัน) ... คู่แรกเป็นสามี-ภรรยา (อายุ 40-50 แล้วหล่ะ) ... คนที่เป็นสามีเนี่ย เอาไวน์มา 2 ขวด ... มาชวนเรากิน ... เราก็กรึ๊บด้วย ... เค้าขี้โม้ดี แต่ฟังเค้าพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง (เพราะเค้าพูดภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง) ... อีกคู่เป็นสาวเกาหลีน่าจะเด็กมหาลัยปี 1-2 แถวๆ นี้ ... พูดภาษาอังกฤษแทบจะไม่ได้เลย ... สองคนนั้นมัวเตรียมตัวนอน ... แปรงฟัน โบ๊ะสารพัดครีม (ห่วงสวยมากค่ะ) แล้วก็เปลี่ยนชุดนอนด้วย ... โหย ... เราเนี่ย ใส่ยีนส์นอนเลยค่ะ
ปรากฎว่า ... อะไรจะโชคร้ายขนาดนั้น วันนั้นดันไปเจอ jackpot ... ก่อนรถไฟจะออก ... พนักงานมาบอกว่า Euro Italia มันดัน on strike ... รถไฟหยุดวิ่งกันหมดเลย ... ปกติพอรถไฟไปถึง Italy ก็จะเปลี่ยนหัวเครื่อง เป็นของ Italy มาขับแทน ... ทีนี้ก็ซวยซิ ... นานๆ เราจะได้มาเที่ยว backpack กะเค้าซักกะที ... แถมวันไหนไม่สไตรค์ ดันมาทำวันนี้ ... วันที่ schedule เรา ไม่ยืดหยุ่นเลย ... เซ็งมากพอนั่งรถไฟจาก Vienna มาจนถึงชายแดน ... มันก็หยุดอยู่แค่นั้นแหล่ะ ... เค้าก็แก้ปัญหาโดยการที่ว่า ... เอารถบัสมารับเราขับต่อไปที่ Venice ... แถมให้เราจ่ายค่ารถด้วย ... แมร่ง ... แล้วมาบอกว่าให้ไปเคลมเอาเองทีหลัง ... แล้วนะ ... คิดดู รถบัสมันขับได้แค่ 100km/hr ไกลโคตรๆ ... กว่าจะถึงก็ปาไปเกือบเีที่ยง ... แต่ก็ไม่เป็นไรนะ ... ยังมีเวลาหลายชั่วโมงอยู่ เอาล่ะ ทำใจได้ ... ก่อนรถไฟจะออก ... พนักงานก็มาเอา passport และตั๋วไปปั๊ม ... (เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าออกประเทศ) ... เราก็นอนหลับปุ๋ย (ทั้งๆ ที่เหม็น และหนาว ... แต่เพราะเหนื่อยโคตรๆ เลยไม่ไม่ได้สนใจอะไรมาก) ... อ้อ ก่อนนอนก็ล้างหน้า ... ใช้ cleansing milk นวดๆ แล้วเช็ดออก ... จากนั้นโบ๊ะด้วยครีม เป็นอันเสร็จ (กลัวโทรม)พอตี 4 กว่าๆ ... เค้าก็มาเคาะประตู ปลุกให้ตื่น อบกว่าอีกครึ่ง ชม จะต้องลงรถไฟไปขึ้นรถบัส ... เค้าเอา passport และ ticket มาคืน ... เราก็ตื่นมา ... แปรงฟัน ใส่คอนแทค แล้วก็คว้ากระเป๋าเดินซะลึมซะลือ (สะกดถูกมั๊ยหว่า) มายืนหน้า couchette พร้อมทั้ง backpack ใบโต ... สักพักก็ถึงสถานี ... แล้วก็มีรสบัสคันใหญ่มาจอดรอรับ
ขึ้นไปบนรถบัส... เจอกลุ่มวัยรุ่นอเมริกัน ... ตามสไตล์ของเค้า ... บลา ตลอดทางเคอะ น่ารำคาญมาก คนกำลังง่วงๆ จะนอนก็นอนไม่ได้We 're from the United States of America ... ah ha ... So we blah ... ในหัวเราก็ Shut up ... you bitch! (หยาบคายไปหน่อย ... แต่ตอนนั้นเนี่ย อารมณ์นั้นจริงๆ ... เพราะพวกนี้หนกขูมาก)พอไปถึง Venice ส่วน mainland นะคะ ... คือคนขับรถบัสเป็น Austrian เค้าก็ไม่ค่อยจะรู้เส้นทางมาก ... เพราะคนส่วนใหญ่จะไปลงบนเกาะ ซึ่งก็ไกลอยู่เหมือนกัน ... ทีนี้ ... คนขับก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้น่ะซิ ... พวก American (ทำตัว american จริงๆ) ... เราได้ยินเค้าคุยอ่ะนะ ว่าเค้าจะไปลงบนเกาะ ... เอ ... ใช่ที่นี่มั๊ยน้า ... ก็ไม่มีใครรู้ ... พวกอเมริกันรู้ดีค่ะ ... ไปทำท่าแสนรู้ ... แล้วก็คุยกันเองในกลุ่มดังๆ ว่า เค้าไม่ให้เอารถขึ้นเกาะ (สไตรค) ต้องลงที่นี่ แล้วหาเรื่อต่อไปเอง ... พวกคุณท่านคุณเธอก็แบกกระเป๋าใบยักษ์ลงรถค่ะ ... เฮ้อ ... ความสงบเงียบมาเยือนอีกครั้ง ... หลักจากพวกท่านๆ ลง ... รถก็ออก แล่นฉิว ไปที่เกาะค่ะ ... เราเงี้ย สะใจจริงๆ .. และในที่สุดเราก็มาถึง Venice จนได้รูปแรก ถ่ายจากบนรถบัส ... ใกล้จะถึง Venice เข้าไปทุกทีถ้าเรื่องจบง่ายๆ แค่นี้ก็ดี ... คือไปถึงเที่ยงๆ เหลือให้เราเที่ยว Venice ครึ่งวัน ... เฮ้อ
แค่นั้นยังไม่พอ ... พอมาถึง ... เค้าบอกว่าไม่มีรถไฟแล่นเลย ... ซวยละ ... จะไป Rome ได้ไงฟะ ... ไม่ใช่แค่รถไฟ รสบัสก็ไม่มี ... ตายหล่ะหว่า ... จะไปพักที่ไหน ... จำได้ตอน browse ค่าโรงแรมที่นี่แพงมากๆ แถมไม่ได้จองล่วงหน้า จะไปหาที่ไหนมาพักวะ ... แต่ไม่เป็นไร พักก็ได้ เพราะ plan ที่วางไว้คือจะไปพักที่ Rome หลายคืน ... เราก็แบ่งมาที่นี่ซักคืนก็ไม่เสียหายมิหนำซ้ำ ... พายุเข้าอีกนะ ... ฝนตกยังกะฟ้ารั่ว ... ลมก็แรง ... ร่มที่เอาไปน่ะ ... พังตั้งแต่ 10 นาทีแรกที่ใช้ ... ลมฝนแรงมากๆๆ อย่างที่เราไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิตเลย .... ทีนี้ก็ทั้งอดเที่ยว และไป Rome ไม่ได้ และไม่มีโรงแรมให้พัก... ปาเข้าไปเกือบๆ บ่าย ... นั่งจ๋องกันสองคนอยู่ที่สถานีรถไฟ ... แล้วก็ดันไปเจอหนุ่มอเมริกัน (อันนี้ไม่บลา) เค้าก็มาจาก Vienna โบกี้เดียวกัน ... เค้าจำเราได้ เค้าก็มาบอกว่า มีข่าวดีแต่ไม่ confirm ว่า บ่ายๆ จะอาจจะมีรถไฟแล่น (เค้าจะไป Florence) ... เราก็ดีใจหน่อย ... แต่ก็ยังคิดอยู่ว่า ... จะพักคืนนึง แล้วต่อไปที่ Rome หรือจะข้าม Venice ไปเลย ... เพราะตั๋วรถไฟที่ซื้อมาเป็นแบบ 8 วัน ... ถ้าไม่เดินทางไป Rome วันนี้ ตั๋วจะไม่พอ (จะขาดไป 1 วัน) จะต้องซื้อเพิ่ม ซึ่งก็ได้ข่าวมาว่าแพงมาก (ไม่รู้จริงป่าว) ... แต่เพราะไม่รู้ ก็เลยตัดสินใจว่า ... ถ้ารถไฟมาก็ไปเถอะ ... เอาไว้โอกาสหน้าค่อยมาเที่ยวใหม่ เพราะถึงแม้ไม่ไป ก็ไม่รู้ว่า แมร่งพวกนี้มันจะมีรถไฟแล่นรึเปล่าเดินไปเดินมา (ไม่รู้ทำไรดี เพราะฝนตก) ... ข่าวค่อนข้างดีก็เข้าหู .... บังเอิญว่า นอนตู้นอนมากับสวยเกาหลีสองคนที่พูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้เลย ... แต่ก็พอจะพูดกันได้ ... เค้าบอกว่า ... อาจจะมีรถไฟเที่ยวนึงรึสองเที่ยว ไป Florence กับ Rome .... เราก็ดีใจ ... และแล้วก็ไปได้ตั๋วตอน 12:30 pm ... ความจริงอยากได้เที่ยว 6 pm ... ถามเค้า ... เค้าบอกว่า Now or Never .... Okidoki ... ถ้าได้ซัก 6 pm ก็แอบไปวิ่งเที่ยวทั้งๆ ที่ฝนตกเราก็ไม่มายระหว่างที่รอรถไฟจะออก ... ฝนตกหนักไม่หยุด ... เลยไม่ได้ไปเดินเที่ยวในเืมืองเลย ... ได้แต่อยู่แถวๆ สถานีรถไฟ ... เซ็งเลย ... อุตส่าห์มา Venice ทั้งที กะจามาโรแมนติกซักกะหน่อย ... โหยวางแผนนั่งเรือ (แบบที่เคยเห็นในทีวี) ... ต้องมานั่งยองๆ ในสถานีรถไฟที่คนแน่นไปหมดรูปที่ได้มาก็เลยมีแค่นี้ ... โหย ตอนนั้นนะ ได้ขึ้นรถไฟก็ดีใจจะแย่อยู่แล้ว
มีกะใจถ่ายรูปอีกทีก็อีตอนได้ขึ้นรถไฟแล้ว ... อันนี้คือ Euro Italia ... นี่น่ะ First Class นะ ... สภาพดูไม่ได้เลย ... สู้ที่เยอรมันนีก็ไม่ได้
รถไฟเริ่มออกแล้ว ... ดูสภาพซิ
นี่ก็อีก ... จากภาพอาจจะดูไม่ค่อยออกว่าเนี่ยฝนกำลังตกหนัก ... แต่ว่ามันตกหนักเจงๆ
อันนี้เรียกว่าภาพ ความทรงจำที่เลือนลาง ... เพราะหน้าต่างมันเต็มไปด้วยน้ำฝน ... ขนาดป้ายยังอ่านไม่ออกเลย Mestre ... เห็นแล้วเซ็ง ... ความทรงจำที่ Venice ... มันช่างเลือนลางจริงๆ
นี่ก็อีกอัน .... เฮ้อ
อันนี้เป็นตั๋ว ... ถ่ายไว้เพราะว่าคนรถไฟที่ Vienna เค้าสแต็มป์ผิดช่อง ... ต้องเป็นช่องที่ 4 ไม่ใช่ช่องที่ 5 ... ถ่ายไว้เพราะช่องนึงนะ ราคา ร้อยกว่าๆ เหรียญแคเนเดียนเลยนะ
ภาพนี่ถ่ายแถมไหนจำไม่ได้ ... แต่ที่แน่ๆ ถ่ายจากบนรถไฟ
นี่ก็อีก
สรุป .... อุตส่าห์บินข้ามฟ้ามาจากแคนดา จะมาดู Venice ... อด .... เซ็งอีกที ... จากนั้นก็ไปถึง Rome ดึกเลย ... ไปเช็คอิน hostel ที่จองไว้ ... แล้วก็เตรียมตัวไปตะลุย Romeฝากไว้ก่อนเถอะ Venice ... แล้วฉานจะมาใหม่
แต่พอรถไฟออก ... ก็ไม่เป็นไร ... แค้นนี้เอาไว้ชำระกันวันหลัง ... เหนื่อยก็เหนื่อย ... นั่งรถไฟ high speed จาก Venice ไป Rome พอไปถึงก็ เอ กี่โมงจำไม่ได้ แต่ไม่มืดเท่าไหร่ ... Hostel ที่พักอยู่ชาญเมือง แต่อยู่ใกล้สถานีรถไฟมากๆ (แต่ไม่ใช่อันที่เป็น main นะคะ) พอไปถึงที่พัก ... โหยดีมากๆ เลย ... เป็นตึก แล้วเค้าแบ่งให้เช่า ... ทั้งชั้นเลย ... มีอยู่ซัก 6 ห้องนอนได้ ... ห้องน้ำแยกต่างหาก ... สะอาดสะอ้าน มีเครื่องซักผ้าให้ใช้ฟรี ... กลอน ประตูแน่นหนา มี card รูดเข้าออก ... แถมเดินออกมา 200 m ก็ถึงสถานีรถไฟ ... มีของกิน มี supermarket ดีค่ะ ... มี food court ด้วย ... ราคาไม่แพง ... ไม่อดตายค่ะ ... อ้อ เราจะมาอยู่นี่ 5 วันค่ะ ^_^
ก่อนจะปิดหน้านี้ ... นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เวลาวางแผนไปเที่ยว อย่างกเกิน และอย่างให้เวลามันแน่นเกินไปนัก ~>_<~