Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
21 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
อูล่า-อูล่า Ole Henriksen

• อูล่า-อูล่า Ole Henriksen •


วันนี้ก็จะมาขีดๆ เขียนเกี่ยวกับ Ole Henriksen (อ่านว่า อูล่า ไม่ใช่ โอเล่) ... เรียกว่าเป็น preview ก็น่าจะได้

เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน เราสั่ง Ole's products จาก Sephora ... ยี่ห้อนี้มีอยู่ใน wishlist ของเรามานานมากแล้ว ไม่มีโอกาสได้ลองซักที ... เคยใช้แต่ eye cream ... และแล้วในที่สุดก้ได้ซื้อจนได้

ตั้งแต่สั่งของ ใช้เวลาค่อนข้างนานทีเดียว ... เราเดาว่า ... เค้าต้อง process จาก USA ส่ง details ไปว่า เราสั่งอะไรไปบ้าง ... พอไปถึง ก็ต้องใช้เวลาซักพัก กว่าทาง Sephora ในแคนาดา จะ process ต่อ ... เป็นเวลาเกือบ 1 อาทิตย์กว่าจะได้รับ email บอกว่า ของได้ถูก shipped แล้ว ... อีก 3-4 วันต่อมาก็ได้ของ

เช้าวันจันทร์ ... ก็มีบุรุษไปรษณีย์มาปลุกเราแต่เช้า ... เราตื่นมา ดีอกดีใจ ... Ole มาแล้ว ... ขณะที่ยังงัวเงียอยู่ก็ตื่นเลย ... ตกใจกับขนาดกล่อง parcel เล็กน้อย ทำไมมันใหญ่จัง (รีว่าเค้าจะส่ง samples ให้เราเพียบ ... หุๆๆ) ... เปิดกล่องมา ก็เจอกล่อง Sephora ข้างใน ... ดูดีจริงๆ



แล้วก็มี card สีดำๆ เล็กๆ แนบมาด้วย ... ประมาณนี้





• Samples •


พอเปิดกล่อง ก็เจอ samples แค่ 3 อันเอง ... ก็แหงล่ะ ... เค้าให้แค่ 3 อันนิ ... ตอนนั้นก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าลองนัก ... เราก็เลยเลือก Bourjois Paris Foundation, Dr. Brandt Microdermabrasion (อันเลื่องชื่อ), แล้วก็น้ำหอม Kenzo ... ก็ยังไม่ได้ลองเลยซักกะอัน



แล้วก็เจออีกด่าน ... แบบนี้



เปิดมา ... ก็หน้าตาแบบนี้





• Make Up For Ever - Super Matte Loose Powder •


อันแรกเป็น Make Up For Ever (MUFE) Super Matte Loose Powder (แอบซื้อตาม MUA ... คะแนน 4.5 แน่ะ มีคน revew 48 คน ถือว่าน่าลองทีเดียว) แล้วราคาก็ไม่แพงมาก (27CAD) ก็เลยลองซื้อมาดู ... กล่องดำแบบนี้



แกะกล่องมาก็เป็นแบบนี้



เราก็ใช้มาตั้งแต่วันจันทร์ ... สีที่ซื้อมาคือ translucent ตอนแรกลังเลว่าจะซื้อสี sand หรือ light beige ดี ... แต่ว่ากลัวผิดสีอีก เลยเอาสี translucent ละกัน

ส่วนผสมก็มี

Talc, Silica, Nylon-12, Serica Powder (Silk Powder), Propylparaben, Butylparaben, Methylparaben, Dehydroacetic Acid. [+/- May contain Iron Oxide, Mica, Titanium Dioxide, Yellows, Reds, Ultramarines, Manganese Violet, Chromium Oxide Greens, Fluorphlogopite, Silica, Calcium Sodium Borosilicate, Tin Oxide.]

เนื้อแป้งบางเบา silky มากเลย ... เราว่ามันเป็น shine control โดยแท้จริงเลย .. ไม่ cover แม้แต่น้อยเลย ... ปัดๆ แล้วก็ไม่วอก ไม่เปลี่ยนสีผิวเลย ... เราไม่ใช้ foundation นะ คือ ทากันแดด แล้วก็ปัดแป้งเลย ... เมือเทียบกับ almay ที่เราใช้ๆ อยู่ ... almay จะออกแนวๆ chalky กว่านิดนึง ... นิดนึงจริงๆ ... ตัว almay จะออกเหลืองนิดนึงด้วย (นิดนึงจริงๆ) ... แต่ตัวนี้จะออกแนว translucent โดยแท้ ... เมื่อเปรียบเทียบกับ clarins face powder in translucent แล้ว ... ตัว clarins จะ silky พอๆ กันนะ เราว่า ... แต่ clarins ทาแล้วจะดูเนียนๆ กว่า ... รู้สึกว่าจะ translucent น้อยกว่า MUFE นิดนึง

เอาเป็นว่าถ้าพูดถึงราคาต่อคุณภาพ ... เราให้ almay กับ mufe ชนะ (สองอันนี้สูสีกัน)

ถ้าพูดถึงการควบคุมความมัน ... mufe กับ almay ก็สูสีกัน ... เนื้อแป้ง almay ไม่ละเอียดเท่า mufe แต่ราคาก็ต่างกันพอสมควร ... เราก็เลยให้คะแนนสูสีกัน

ถ้าพูดถึงความเนียน ... ตัว clarins ดูจะเหนือกว่านิดนึง

สำหรับสาวผิวมันมากๆ ... mufe เป็นตัวเลือกที่น่าลองตัวนีง

สรุปผลระยะสั้น ... ให้ 4.5/5 ค่ะ ... คือจะว่ามัน perfect มั๊ย .. ก็ไม่เชิงนะ ... ถ้ามีโอกาส เราคงจะลองแบบมีสีบ้าง ... เพราะแบบ translucent มันโปร่งแสงจริงๆ ไม่ช่วยปกปิดอะไรเลย ... จึงไม่เหมาะกับคนที่ต้องการการปกปิดนิดหน่อย



• Ole Henriksen - Pick Me Up Face Tonic •


ตัวต่อมา คือ Ole Henriksen Pick Me Up Face Tonic ... อันนี้ซื้อเพราะส่วนผสมที่น่าใช้ ซึ่งก็มี

Water (Aqua), Hamamelis Virginina (Witch Hazel) Distillate, Polysorbate 20, Sodium Ascorbyl Phosphate (Vitamin C), Zinc Ascorbate (Vitamin C), Rosa Canina (Rose Hips) Fruit Extract, Vaccinium Angustifolium (Blueberry) Fruit Extract, Calcium Ascorbate (Vitamin C), Magnesium Ascorbate (Vitamin C), Rubus Fructicosus (Blackberry) Fruit Extract, Prunus Persica (Peach) Fruit Extract Panthenol, Aloe Barbadensis Leaf Juice, Mixed Citrus Extracts, Anthemis Nobilis (Chamomile) Flower Extract, Macroystis Pyrifera (Sea Kelp) Extract, Lavandula Angustifolia (Lavender) Extract, Glycerin, Oleth-20, Xanthan Gum, Methyl Salicylate, Dimethicone, Sorbitol, Benzophenone-4, Potassium Hydroxide, Methylparaben, Propylparaben, Phenoxyehtanol, Fragrance (Parfum), Yellow 5.

ถึงแม้ว่าจะมี witch hazel ผสมอยู่ค่อนข้างเยอะ ... ซึ่งก็อาจจะทำให้คนผิวแห้งมากๆ ไม่ชอบนัก ... แต่ใช้ ไม่รู้สึกแห้งตึงเลย ... ส่วนผสมตัวที่ 3 และ 4 คือ vitamin c ... แล้วก็มี rose hips, blueberry, แล้วก็ยังมี vitmain c อีก ... ตามด้วย black berry ด้วย ... คือมีแต่ของดีๆ ทั้งนั้นเลย ... พวก vit c ก็เป็นพวกที่ stable ด้วย ... แถมยังมีพวก ginseng แล้วก็พวก bioflavoniods ด้วย ... แค่เห็นส่วนผสมก้อยากใช้จะแย่อยู่แล้ว



เช้าวันนั้นเราก็เลยรีบล้างหน้า (อาบน้ำไปเมื่อคืนแล้ว ^____^) แล้วก็จัดการเอา toner มาหยดใส่มือ ... เนื้อ toner เป็นสีเหลือง ... แล้วก็ตบๆ ไปบนหน้า ... กลิ่นหอมมาก (กลิ่นน้ำหอม ซึ่งก็มีผสมอยู่นิดเดียว) ... กลิ่นแบบว่า pick me up มากเลย ... ทาแล้วไม่รู้สึกแห้ง ... กลับรู้สึกนุ่มชุ่มชื้นมากๆ

ดูราคาแล้วเหมือนว่าจะแพง ... คือราคา 30 USD แต่ว่า เมื่อดูปริมาณที่ได้คือ 12 oz. (toners ส่วนมากขนาด 8 oz.) ก็ถือว่าไม่แพงมาก ... ขวดใหญ่มันมาเป็นฝากดเปิดปิด ... ส่วนขวดเล็กมันมีแบบ spray ด้วย ... เราอยากได้แบบ spray มากกว่า แต่แบบขวดใหญ่คุ้มกว่า ... เราก็เลยซื้อขวดใหญ่ซะเลย

ใน MUA ได้คะแนนค่อนข้างเยอะ คือ 4.5 แต่ว่าก็มีคน review ไม่มากนัก ... แต่แค่ใช้ไม่กี่วัน ... เราก็เริ่มเทใจให้แล้ว ... เราใช้ เช้า เย็น ... ตั้งแต่วันจันทร์แล้ว ... ก็ใช้มา 6 ครั้งแล้ว ... ไม่มีอาการระคายเคืองแม้แต่น้อย ... แต่ก็แน่นอนว่ายังบอกผลไม่ได้ว่ามีอะไรดีขึ้นบ้างเพราะเพิ่งใช้ไม่กี่วันเอง (แต่ไม่น่าจะมีอาการระคายเคืองอะไร)

สรุปผลระยะเริ่มต้นแล้ว ... พอใจมากๆ ... คะแนนความพอใจให้ 5/5 เลยค่ะ ... แต่ผลระยะยาว คงต้องติดไว้ก่อน



• Ole Henriksen - Truth Serum Collagen Booster •


ต่อมาก็เป็น 1 ใน 3 little wonders ชือว่า Truth Serum Collagen Booster ... เป็นตัวที่เรารู้สึกขัดแย้งอยู่ในตัว ... แต่ก็ยังอยากลอง ... ตัวนี้มันคือ vitamin c serum นั่นเอง ... มันทำให้เรานึกถึง missha ที่ครั้งนึงเคยมีคน post ส่วนผสม ให้เราดูใน pantip แต่เราหาไม่เจอแล้วหล่ะ ... คือมันแนวๆ เดียวกัน

Water (Aqua), Glycerin, Sodium Ascorbyl Phosphate (Vitamin C), Oleth-20, Tocopheryl Acetate (Vitamin E), Magnesium Ascorbate (Vitamin C), Ascorbic Acid (Vitamin C), Sodium Hyaluronate, Aloe Barbadensis Leaf Juice (Aloe Vera), Citrus Aurantium Dulcis (Orange) fruit Extract, Rosa Canina (Rose Hips) Extract, Euphrasia Officinalis (Eyebright) Extract, Camellia Sinensis (Green Tea) Leaf Extract, Citrus Grandis (Grapefruit) Seed Leaf Extract, Alpha Lipoic Acid, Hydroxyethylcellulose, Benzophenone-4, Dimethicone Copolyol, Methylparaben, Propylparaben, Citric Acid, Fragrance (Parfum).

ส่วนผสมหลักคือ ester c คือ sodium ascorbyl phosphate และ magnesium ascorbate ... ตัวที่เราติคือว่ามันมี ascorbic acid (vit c) ละลายอยู่ในปริมาณพอสมควร ซึ่งก็รู้กันดีว่า ตัวนี้มันำไม่เสถียรเมื่อละลายในน้ำ ... แต่ว่า ester c สองตัวแรกไม่เป็นไร ... เท่าที่เราทราบ ester-c ในนี้ ... รวมๆ แล้วก็ราวๆ 10% ... ถึงแม้ว่าจะไม่ให้ผลเรื่อง antiaging ได้ เหมือนกัน พวก ascorbic acid serum แต่ก็ถือว่าเป็น antioxidant serum ที่น่าใช้ ... นอกจากนี้ก็มี soidum hyaluronate ผสมอยู่ในปริมาณค่อนข้างเยอะ (ไม่เยอะเกินไป ทำให้ทาแล้วไม่เหนอะ แล้วก็ซึมง่าย) ... หลังจากทา toner ที่หน้าแล้ว ... ทิ้งไว้ 30 วินาทีโดยประมาณ ... คือ เราเอา toner ไว้ในหน้องน้ำ ... ล้างหน้าปุ๊บทาปั๊บ ... แล้วก็เดินมาในห้องเรา ... แล้วก็เอา truth serum ทา แล้วรอให้ซึมประมาณ 1 นาที ... ซึมหายไปเลยค่ะ ... กดปั๊มนึงเต็มๆ ... ทาได้ทั่วหน้าพอดีเลย (ชอบ) ... ระหว่างที่รอให้ซึม เราก็ทา eye cream ... ทาเสร็จก็ซึมหมดพอดีเลย ... อ้อ มีมันน้ำหอมกลิ่นออกส้มๆ นิดหน่อย ... It doesn't bother me at all ^__^

ส่วนผสมตัวอื่นๆ ก็เต็มไปด้วยพวก antioxidants อีกเยอะเชียว ... มี green tea ด้วย .. แล้วก็มี alpha lipoic acid ด้วย (แต่ก็มีกระจึ๋งเดียว)



รวมๆ แล้ว ... ส่วนผสมเราถือว่ามันน่าลองมากๆๆ ... แต่ก็อย่างที่เราบอก คือ มันมี ascorbic acid ผสมอยู่ในน้ำ ... คนผิวบอบบางระคายเคืองง่าย อาจจะพบว่ามีการระคายเคือง (เพราะ ascorbic acid ที่เสื่อมอาจจะระคายเคืองได้) ... แล้วอีกอย่างคือมันใส่สีส้มลงไป (เอาไว้ทำให้เรามองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของสี ascorbic acid คือถ้ามันเสื่อม สีมันจะหม่นลง) ... มันทำให้เราดูยากว่ามันเสื่อรึยัง

เผื่อจะช่วยจืดอายุหน่อย เราก็เก็บไว้ในกล่องมืดอีกที เผื่อจะช่วยยืดอายุได้นานอีกนิด ... แต่ก็เหอะ ... มันยังมี ester-c อีกสองตัวในปริมาณที่มากกว่า แล้วก็เสถียรมากด้วย ... เราคิดว่า potency คงจะหลงเหลืออยู่พอสมควรทีเดียว

ใช้ตัวนี้แล้วเราไม่ expect ที่จะให้มัน boost collagen หรืออะไรหรอก ... แต่ก็คิดว่าน่าจะช่วยให้ผิวค่อยๆ สุขภาพดีขึ้นได้

ถึงแม้ว่าจะได้คะแนนไม่ดีนักใน MUA (3.5 จาก 35 reviewers) ... คนส่วนมากบ่นว่า ราคาสูง (42 USD for 30 ml) แล้วก็ไม่ได้ช่วย boost collagen หรืออะไร ... ซึ่งก็ดูจากส่วนผสมแล้วก็ไม่ได้จะช่วย boost collagen แน่นอน ... แต่ว่าช่วยเรื่อง antioxidant ต่างหาก ... ซึงก็อย่างที่เรา expect ไว้แล้ว ... คือถ้าอยากให้มันลดริ้วรอย ก็คงต้องผิดหวังแน่ๆ

ถ้าซื้อแบบราคาเต็ม เราเห็นด้วยว่ามันแพงไปหน่อย ... แต่เราซื้อเจ้า 3 little wonders ซึ่งมี Truth serum แบบ full size แล้วก็มี moisturizers ขนาด 30 ml (full size มัน 50 ml) อีกสองอัน ... ราคารวม 65 USD ... เราถือว่ามันไม่แพงมาก ... เฉลี่ยตกอันละ 2x USD กว่าๆ เอง

ผลระยะยาว เรายังบอกอะไรไม่ได้ เพราะเพิ่งเริ่มใช้ ต้งแต่วันจันทร์ (เช้า เย็น) ... แต่ผลระยะสั้น คือ ไม่ระคายเคือง ซึมเร็ว ไม่เหนอะนะ ไม่ทำให้เกิดสิว ... มันซึมเร็วจริงๆ ... ถามว่าพอใจมั๊ย ถ้าว่าพอใจมาก ให้คะแนน 4.5/5 ... แต่ก็ยังแอบลุ้นผลระยะยาว ... ซึ่งเราก็คิดว่ามันต้องช่วยเรื่องกักเห็บความชุ่มชื้น antioxidants ได้ดี ... เอาไว้ใช้หมดขวด ... ถ้าไม่ลืมจะมาบอกผล



• Ole Henriksen - Sheer Transformation Renewing Creme •


อันต่อมาคือ Sheer Transformation Renewing Creme ราคาเต็ม 50ml คือ 45 USD ... อันนี้ดูจาก MUA ได้คะแนนสูงก็จริงคือ 4.5/5 แต่ก็มีคน reivew ไม่มากนัก คือ 13 คน ... แต่เราก็ไม่ได้ซื้อตัวนี้เพราะ review จาก mua



มาดูส่วนผสมกัน

Active Ingredient: Kojic Dipalmitate = 0.50%.
Other Ingredients: Water (Aqua), Dimethicone, Caprylic/Capric triglyceride, Cyclomethicone, Cetyl Alcohol, Stearyl Alcohol, Dimethiconol, Sodium Ascorbyl Phosphate (Vitamin C) Magnesium Ascorbate (Vitamin C), Zinc Ascorbate (Vitamin C), Calcium Ascorbate (Vitamin C), Vaccinum Myrtillus Extract, Saccharum Officinarum (Sugar Cane) Extract, Acer Sacharium (Sugar Maple) Extract, Citrus Aurantium Dulcis (Orange) Fruit Extract, Citrus Medica Limonum (Lemon) Extract, Ascorbyl Palmitate (Vitamin C), Symphytum Officinale (Comfrey) Extract, Chamomilla Recutita (Matricaria) Extrac, Methylsulfonylmethane (MSM), Tocopheryl Acetate (Vitamin E), Berberis Vulgaris (Barberry) Root Exract, Glycryhiza Glabra (Liquorice) Extract, Santalum Album (Sandalwood) Wood Extract, Lecithin, Superoxide Disutase (Free Radical Scavenger), Glycerin, Octyldodecanol, Trilanurin, Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Extract, Steareth 20, Steareth 2, Xanthan Gum, methylparaben, Propylparaben, Phenoxyethanol.

ความจริงเราซื้อตัวนี้ เราไม่ได้ต้องการจะให้หน้าขาวหรอก ... แต่ถ้าใครอยากให้หน้าขาว ... เราก็ว่ามันคงช่วยได้บ้างแต่คงจะช้ามากๆ หรืออาจะไม่ค่อยช่วยนัก ... แต่ที่เราซื้อเพราะส่วนผสมตัวอื่นๆ นอกจาก kojic dipalmitate แล้วก็มีพวก plant extract ที่อาจจะช่วยให้ขาวด้วย ... ซึ่งก็เป็นพวก vitamin c อีกหลายๆ ตัว แล้วก็มีส่วนผสมอีกหลายๆ ตัวที่ดีต่อผิวแทบทั้งนั้น ... ถือว่าน่าใช้มาก ... ตัวนี้ก็ออกแนวๆ antioxidant cream ... อ้อ แล้วตัวนี้ไม่อุดตันมากด้วย

ประกอบกับ reivew ใน MUA คือ คนส่วนมากบอกว่าทาแล้วไม่มัน เนียนลื่น ซึมง่าย ... ซึ่งเราก็เห็นด้วย 100% เลย ... เนื้อครีมในกระปุกสีขาว ... ทาแล้ว เนียนลื่นมากๆๆๆ ไม่เหนอะหนะแม้แต่น้อยเลย .. .แต่ก้ไม่ทำให้ผิวรู้สึกแห้งตึง

หลังจากเราทา Truth Serum แล้ว ... เราทา eye cream (ระหว่างที่รอให้ serum ซึม) ... เราก็ทา moisturizer ตัวนี้ตามเลย (ทั้ง am and pm) ... ตอนเช้าทาเสร็จแล้ว ก็รอให้ซึมซัก 1 นาที ... เราถือว่าซึมได้ค่อนข้างเร็ว ... อาจจะไม่ซึมหายไปเลย แต่ไม่เหนอะ ... พอรอให้ซึมซักพัก เราก็ทา lancome sunscreen ตามอีกที ... พอซึมเรียบร้อย เราก็ปัดด้วยแป้งฝุ่น MUFE ลดรอยมันๆ นิดๆ หน่อยๆ (จาก sunscreen) บนผิว ... ระหว่างวัน ... พอเอามือจับหน้า ... รู้สึกได้หว่าผิวชุ่มชื้น แต่ไม่หนาเลย ... พยายามเอานิ้วถูๆ ผิวแรงๆ ก็ไม่มีอะไรหลุดออกมาเลย



หากใครมองหา whitening แบบอ่อนโยน แบบให้ผลช้าๆ ... แล้วก็ต้องการบำรุงผิวไปในตัว ... ตัวนี้เราคิดว่าน่าลองมากตัวนึงค่ะ

สรุปผลระยะสั้น ... ถือว่าอย่างที่คาดหวังไว้ คือ ใช้แล้วผิวหน้านุ่มมากๆ ... ไม่ระคายเคือง แต่อย่างใด ... ผิวไม่มัน ... แต่ไม่แห้งกร้าน ... แต่กลับรู้สึกชุ่มชื้นมากๆ เลย ... ความพอใจระยะสั้นก็ให้ 5/5 อีกแล้ว ... ส่วนผลระยะยาว ... ก็จะเอามาเล่าให้ฟังหลังจากใช้หมดกระปุกแล้ว



• Ole Henriksen - Invigorating Night Gel-Firming Treatment •


ตัวสุดท้าย คือ Invigorating Night Gel-Firming Treatment อันนี้ราคาเต็ม 50 ml คือ 45 USD ... เราว่าซื้อ 3 little wonders คุ้มกว่าเยอะ ... อันนี้ไม่ได้ตั้งใจจะซื้อเท่าไหร่ เพราะเราก็มี aha mask อยู่แล้ว ... gel



ตัวนี้มันเป็น aha night gel ส่วนผสมก็คือ

Water (Aqua), Algae Extract, Glycolic Acid, Lactic Acid, Glycerin, Xanthan Gum, Ascorbyl Palmitate (Vitamin C), Zinc Ascorbate (Vitamin C), Sodium Ascorbate (Vitamin C), Calcium Ascorbate (Vitamin C), Magnesium Ascorbate (Vitamin C), Glycrrhiza Glabra (Liquorice) Extract, Tocoperhol (Vitamin E), Vaccinium Myrtillus Extract, Saccharum Officinarum (Sugar Cane) Extract Extract, Acer Sacharinum (sugar Maple) Extract, Citrus Aurantium Dulcis (Orange) Fruit Extract, Citrus Medica Limonum (Lemon) Extract, Biosaccharide Gum-1, Potassium Hydroxide, Phenoxyethanol, Fragrance (Parfum).

ดูจากส่วนผสมแล้ว เราถือว่ามันน่าใช้ทีเดียว ... แต่ก็มีตัวที่ต้องระวังคือ algae extract ... ซึ่งความจริงก็มีประโยชน์ต่อผิว แต่ก็อุดตันได้เหมือนกัน ... แต่ถ้าใครเคยใช้ algae เป็นปกติอยู่ล้วไม่มีอาการอะไร ... ตัวนี้ก็คือว่าน่าลอง ... นอกจาก algae แล้วก็มี glycolic acid และ lactic acid เป็นส่วนผสมหลัก ... ก็อย่างที่รู้ว่า AHAs สองตัวนี้ก็ช่วยผลัดผิว แล้วก็ช่วยเรื่อง collagen ได้ด้วย ... นอกจากนี้ก็มี vitamin c หลายตัวอีกแล้ว ... เราชอบ ... แล้วก็มี liquorice ด้วย ... ซึ่งก็น่าจะช่วยลดการอักเสบของสิวได้ดี ... สำหรับเราแล้ว ถ้าเอา algae extract ออก จะเป็น product ที่น่าใช้มากกว่านี้มาก ... แต่ถึงแม้จะมี ... ก็ถือว่าเป็นตัวที่น่าลอง ... ดูจากส่วนผสมแล้ว .. สิ่งที่เราคาดหวังจากตัวนี้คือน่าจะช่วย ผลัดผิว แล้วก็ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น อาจจะช่วย firm นิดหน่อย ... และแน่นอน ต้องช่วยปกป้องผิวจาก free radicals ด้วย



ดู reivew จาก MUA แล้ว ถือว่า negative ทีเดียว แต่เราก็ไม่ได้เห็นด้วยกับ reivew ทั้งหมด ... หลายๆ คนใช้แล้วมี breakouts ... ซึ่งมันก็เป็นธรรมดา หากคนที่เป็นสิวอยู่ แล้วมาใช้ aha ร้อนๆ (เพราะมันเป็นกรด) มันก็จะไปเร่งให้สิวเกิดการอักเสบเร็วขึ้น) บางทีสิวหลบอยู่ มองไม่เห็นก็ประทุออกมาได้ง่ายๆ ... แล้วตัวนี้ก็ไม่เหมาะสำหับคนผิวบอบบางแพ้ง่ายด้วย ... เพราะมีทั้ง algae แล้วก็มี AHAs ด้วย ... คนผิวบอบบางแพ้ง่าย หรือไม่เคยใช้ AHA มากก่อนก็อาจจะไม่ประทับใจนัก

สำหรับเรา ... ซึ่งเใช้ AHA เป็นประจำอยู่แล้ว ... ในระยะเวลา 3 วันนี้ ... ทาแล้วก็ยังไม่มีปัญหาเรื่อง breakouts อะไร ... แต่ก็ยังไม่เห็นผลอะไร ... เพราะมันก็เร็วเกินไปกว่าจะบอกอะไรได้

เราทาตัวนี้เฉพาะตอนกลางคืน ... คือ หลังล้างหน้า แล้วก็ทา toner (เอาหยดใส่มือ แล้วก็แปะๆ ที่ผิว) ... จากนั้นก็ทา Truth serum แล้วตามด้วย Sheer Transformation Renewing Creme พอซึมแล้ว ก็ทา Invigorating Night Gel ทับเป็นขั้นตอนสุดท้าย ... ความรู้สึกหลังจากทาตัวนี้แล้ว ... ความจริงเนื้อเจลมันใสๆ เหลวๆ แบบเจล ... ใน MUA หลายคนบอกว่าทาแล้วเหมือนกาว ... แต่เราไม่เห็นรู้สึกแบบนี้เลย ... ไม่รู้ว่าเค้าทากันเยอะเกินรึเปล่า ... เราทาแล้วกลับรู้สึกแค่ผิวลื่น นุ่ม ออก shine พอสมควร (เราเลยทาแค่ตอนนอน) ... แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเหนอะหนะ น่ารำคาญเลย ... ทาแล้วจะมีอาการอุ่นๆ พอสมควร แต่ไม่ยิบๆ เหมือน AHA ตัวอื่นที่เราเคยใช้มา ซักไม่เกิน 5 นาทีอาการนี้ก็หายไป ... ทาแล้วก็รู้สึกได้ว่ามันซีมดีพอสมควร แต่ก็ยังมี algae เคลือบผิวไว้นิดนึง ซึ่งเราก็คิดว่ามันดีในแง่ของ nigth cream (จะได้ช่วยลดการคลายน้ำในขณะนอน) ... ที่สำคัญคือ ตอนเช้าตื่นขึ้นมา หลังล้างหน้า หน้านุ่มากๆๆ เลย ... นุ่มอย่างที่ไม่เคยมาก่อน ... เราหยุดใช้ clarins multi-active night cream ที่เพิ่งซื้อมาไม่นานไปก่อนเลย ... เราว่าผลระยะสั้นมันน่าประทับใจมากๆ เลย ... คือใช้ clarins multi-active night cream แล้ว ก่อนนอนหน้าออกมัน ... แต่ตื่นมา ผิวรู้สึกแห้งไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้แห้งมากมาย ... แต่เจ้าตัวนี้ ... โอย แก้มมันน่าจับจริงๆ ... นุ่มมากๆ ... ชอบ ^___^

สรุปผลระยะสั้น ... ประทับใจพอสมควร ... คือเกินความคาดหมาย (คือเห็น negative feedbacks ใน MUA ก็เลยกลัวๆ หน่อย) แต่ก็อ่ะนะ ยังใช้ไม่นานมาก ... กรณี AHA คงต้องรอซัก 1-2 สัปดาห์ เพื่อสังเกตว่า มันจะระคายเคืองหรือทำให้สิวตูมขึ้นมารึเปล่า ... ส่วนเรื่องอื่นๆ ... ส่วนผสม ความรู้สึก texture กลิ่น ... เราว่าผ่านเลยค่ะ ... คะแนน ก็ให้ 4/5 ไปก่อน ... ก็อย่างที่บอก ... ดูจากส่วนผสม ... เราหวังว่ามันจะ work และให้ผลในทางที่ดีค่ะ



• อูล่า-อูล่า Ole Henriksen •


บอกตามตรงว่าเราเห่อ เจ้า 4 ตัว จาก Ole มากๆ ... เพราะอยากลองใช้มานานแล้ว ... พอได้ใช้แล้วก็แบบว่า เห่อมาก ... เราหยุดทุกอย่างที่เรามี ไม่ว่าจะเป็นตัวที่ใช้เกือบหมดแล้ว ... หรือว่าเพิ่งเริ่มเปิดใช้ ... เราหยุดหมด ... หันมาใช้ Ole's products อย่างเดีย (มี lancome sunscreen แทรกมาตัวเดียว)

เราหวังว่ามันคงจะ work นะ ... แล้วยังไงก็จะมา update ให้ฟังอีกทีค่ะ

ขอบคุณทีแวะมาอ่านกันค่ะ




Create Date : 21 มิถุนายน 2550
Last Update : 21 มิถุนายน 2550 15:06:52 น. 20 comments
Counter : 7983 Pageviews.

 
แวะมาดู Ole Henriksen ค่ะชอบตัวที่เป็นเซรั่มอ่ะค่ะ


โดย: cratrina (poockey ) วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:15:39:49 น.  

 
ว้าววววว น่าลองทั้งน๊านนนนนนนนนนนนน


โดย: ป้าจะอิ๊บ (jipnaja ) วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:16:29:46 น.  

 
แหม.....มีของเล่นใหม่มาอีกแล้วววววว


โดย: skyrocket IP: 58.9.220.147 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:21:54:09 น.  

 
ดีใจจังเลยค่ะ ที่คุณ pheobe รีวิวแป้ง mufe คือกำลังปวดหัวว่าจะสอยแป้งฝุ่นตัวไหนดี เที่ยวถามคนนู้นคนนี้ ไปอ่านบล๊อคคนอื่นก็เยอะ ยิ่งอ่านยิ่งปวดหัว กำลังลังเลกะ แป้งฝุ่นของ clarins translucent พอดีเพื่อนทำงานข้างใน ซื้อได้ลดครึ่งนึง แล้วไปอ่านใน mua บางคนก็ปวดหัวกับกลิ่น บางคนก็ไม่ชอบแพคเกจจิ้ง

แปลกใจมากอ่ะ ทุกวันเราต้องโรคจิตเข้ามาอ่านบล๊อคนี้ทุกวัน แต่ทำไมเราพลาดตัวแป้งฝุ่นของคลาแรงค์ไปได้ เห็นรีวิวแล้วเรารีบโทรหาเพื่อนที่เมื องไทยเลย ให้รีบไปเอามาให้ด่วน ใช้แล้วดี จะมาเล่าให้ฟังค่ะ แต่กลัวกลิ่นแป้งสงกรานต์เหมือนกันค่ะ เหมือนสไตล์แป้งมองเล่ยะ เปล่าคะ อิอิ

ไปซื้อ bodyshop ตัว whitening serum มาลองใช้ดูค่ะ ราคาน่าคบ ซื้อเพราะบล๊อคนี้ เห็นว่า เป็นตัวที่ได้ B ใช้มาอาทิตย์กว่าแล้วค่ะ หน้าขาวขึ้นจริงๆค่ะ สิวก็ไม่มี ไม่แพ้ แต่มันเหลวสุดๆ ค่ะ



โดย: ส้มโอ IP: 91.104.40.158 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:22:41:06 น.  

 
เราชอบโทเนอร์ของอูล่านะ ชุ่มหน้าดี เดี๋ยวจะลองเทบนมือแล้วปะๆกับหน้าบ้างดีกว่า
คุณ phoebe ลองใช้ on the go cleanser คู่กับโทนเนอร์ด้วยสิคะ ดีนะ หน้าเด้งดึ๋งๆ


โดย: nzm IP: 66.142.45.244 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:22:52:05 น.  

 
ความตื่นเต้นเวลาไปรษณีย์มาส่งของที่เฝ้ารอ เป็นความสุขเล็กๆ จริงๆ ค่ะ
เวลาแกะกล่อง


โดย: renka IP: 61.19.65.22 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:23:46:44 น.  

 
หวัดดีจ้าสาวๆ

------------------

คุณ poockey ชอบ truth serum เหรอคะ ... ดีจัง ... เราก็อยากชอบเจ้าตัวนี้มากๆ ... ลุ้นมาก

------------------

^__^ ป้าจะอิ๊บ แวะมาเยี่ยมด้วย

------------------

skyrocket ... อิๆๆ

------------------

คุณส้มโอคะ

ยังไงเราอยากแนะนำให้ลอง mufe ก่อน ... เพราะมันราคาถูกกว่าเกือบครึ่งๆ เลยนะคะ ... อาจจะลอง sand ดู ... แต่ถ้าเป็นคนไม่แต่งหน้าเลย ... จะลอง translucent ก็ได้ ... คือแบบว่าถ้าอยากจะโชว์ผิวเน้นๆ น่ะค่ะ ... แต่ถ้าอยากให้มันช่วยดูให้ผ่องๆ เนียนๆ กว่า ปกปิดนิดนึงก็ลอง sand ดู ... เราก็คิดว่าจะลอง sand เหมือนกันค่ะ ... ตัวนี้ควบคุมความมันได้ดี แล้วก็ไม่ chalky ค่ะ

ถ้าไม่ค่อยถูกใจ ก็ค่อยไปลอง clarins ก็ได้นะ ... ตัวนี้นุ่มเนียน ดูเด้งกว่านิดหน่อย แต่ก็มี mineral oil ผสมอยู่ด้วย (ถ้าไม่ชอบ mineral oil ก็อาจจะคิดให้ดีหน่อย) แถมแพงกว่า แล้วกลิ่นก็เหมือนแป้งสงกรานต์ (เวลาดม) แต่พอทาแล้ว กลิ่นมันไม่ค่อยเหมือนกับตอนดมๆ จากกระปุกค่ะ แต่ก็ยังฉุนอยู่ดี ... ส่วนเรื่องควบคุมความมัน ถือว่าดีเลยค่ะ

------------------

คุณnzm ... เราว่ามันราคาแพงไปหน่อยอ่ะค่ะ ... เราไม่ค่อยลงทุนกับ cleanser เท่าไหร่อ่ะค่ะ ... แต่เอาไว้โอกาสหน้า (ถ้าสั่งซื้อจาก sephora อีก จะลองดู ... รอให้มันครบ 120 cad แล้วจะได้ free shipping ^__^)

------------------

renka ... ใช่เลยค่ะ ... สั่งของทางไปรษณีย์มันสนุกอย่างนี้แหล่ะ ... ลุ้นระทึกดี


โดย: Phoebe Buffay วันที่: 22 มิถุนายน 2550 เวลา:7:28:49 น.  

 
ตายละ คราวนี้มีปัญหาใหม่ ใจเราลึกๆอ่ะ แอบสงสัยว่า ทำไมบางคนซื้อแป้งฝุ่นแบบมีสี บางคนซื้อแบบ translucent

แบบนี้เข้าใจถูกเปล่าคะ ว่า translucent สำหรับตามรองพื้น ไม่ให้สีรองพื้นเปลี่ยน หรือในกรณีทาเฉยๆ แบบอยู่กะบ้าน ไม่ไปไหน ไม่ต้องการให้หน้ามันเฉยๆค่ะ

แบบมีสี คือตามหลังพวก prep พวกเบส แล้วไม่ต้องการลงรองพื้น เลยใช้แป้งฝุ่นแบบมีสีแทนไปเลย ใช่เปล่าคะ

อยากได้แบบทาแล้วผ่องๆ เด้งๆ เอออ...สงสัยจะต้องซื้อสองกระปุกแล้วล่ะค่ะ จะแว๊บไปดู mufe ที่เมืองไทยดูค่ะ จะบินอาทิตย์หน้านี้อยู่แล้ว เห็นเพื่อนเล่าให้ฟังว่าช่วงนี้ลดทุกที่ เศรษฐกิจไม่ดี ลดกันกระหน่ำค่ะ จริงๆ ถ้าเพื่อนไม่ได้เป็น manager ของ clairns เราคงซื้อไม่ลง เพราะราคามันก็โหดเหมือนกัน ปกติอยู่อังกฤษ ไม่แต่งหน้าค่ะ เพราะทำงานอยู่ที่บ้านค่ะ ไม่รู้แต่งให้ใครดู จะแต่งก็ที่ไทยเท่านั้นค่ะ ปีนี้ถึงปีหน้ากลับบ่อยค่ะ ทุกสองเดือนสามเดือนครั้งเลยค่ะ

รบกวนนิดนึงค่ะ ตอนกลับเมืองไทย คุณฟีบี้เคยเป็นแบบหน้ามันระอุ แดงๆ เพราะไม่ชินอากาศ ซักวันสองวันแรก เป็นมั๊ยคะ แบบเหมือนเส้นเลือดมันขยายตัว หน้าแดงระอุ ยื่งตอนถึงบ้านใหม่ๆ หลังอาบน้ำ ส่องกระจกทีไร ไม่กล้าทาครีมอะไรเลยค่ะ หรือเราควรทาบำรุงจามปกติ หรืออะไรเพิ่ม หรือลดเป็นพิเศษดีคะ



โดย: ส้มโอ IP: 91.104.24.212 วันที่: 22 มิถุนายน 2550 เวลา:22:58:30 น.  

 
แวะมาบอกข่าวค่ะ วันนี้ไปเดินที่ Victoria Secret มาค่ะ เห็น Truth Serum Collagen Booster ลดราคา 75% เห็นแวบแรกคือแบบถลาใส่เลยค่ะ แต่พอพลิกดูก้นขวด มันจะหมดอายุเดืิอนหน้าทุกขวด เลยต้องตัดใจ แต่ก็ได้อย่างอื่นมาเพียบเหมือนกันค่ะ


โดย: nzm IP: 207.160.168.243 วันที่: 23 มิถุนายน 2550 เวลา:6:21:05 น.  

 
//effexor.bestquicksearch.org/effexor

[URL=//effexor.bestquicksearch.org/effexor/index.html]effexor[/URL]


โดย: effexors IP: 87.118.98.9 วันที่: 23 มิถุนายน 2550 เวลา:7:13:41 น.  

 
toner น่าสนใจมากๆ
ขอบคุณที่เอามาเล่าให้ฟังนะคะ : )


โดย: มะแมเองจ้ะ วันที่: 23 มิถุนายน 2550 เวลา:13:16:08 น.  

 
ค่าshippingมาแคนาดาประมานเท่าไหร่คะ แล้วราคาของเค้าconverseจากus dollar หรือว่าเค้าตั้งราคาcanadian dollarแยกต่างหากคะ

อยากลองหลายๆตัวที่ไม่มีขายในวินนิเพคน่ะค่ะ


โดย: อุ้มอิ้มยิ้มหวาน (Nichamon ) วันที่: 24 มิถุนายน 2550 เวลา:0:20:06 น.  

 


ขอบคุณนะคะ ที่มารีวิว ให้ชมค่ะ ... น่าใช้มากเลย Ole Henriksen ..
แต่คงไม่มีโอกาสได้ลองอีกละ .. เมื่อหลาย sephora จาขยายตลาดส่งมาเมืองไทยมั่งนะเนี่ย ..


โดย: ป้ากิโล (Geerorogunso ) วันที่: 24 มิถุนายน 2550 เวลา:0:46:15 น.  

 
อิอิ อ่านดูน่าใช้จัง แต่ตั้งแต่เล่นแลกของใน MUA มา ยอมรับว่า skincare ล้นบ้านมาก ๆ ก๊ากก คงไม่ต้องซื้อไปซักปีนึง

ได้ Ole Henriksen Express the truth มาตั้งกะปลายปีก่อน ยังไม่ได้ลองใช้เลย รู้แต่มันมีชาแดงผสม ขริ ขริ แต่เราเป็นโรคจิตอย่างนึง พวกซอง ๆ ที่แกะแล้วใช้ไม่หมดในวันเดียว เราจะขี้เกียจแกะมาใช้ (แล้วกัน)

ว่าแล้ว เดี๋ยวแกะซองของที่จะส่งให้ เอาไปให้คุณฟีบี้ลองดีก่า ลองแล้วเล่าผลให้ฟังด้วยนะคะ ^_^


โดย: vamos จ้า IP: 208.170.67.221 วันที่: 24 มิถุนายน 2550 เวลา:8:40:34 น.  

 
น่าสนใจทุกตัวเลยค่ะ



โดย: Happy Noonat วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:15:13:38 น.  

 
น่าใช้ดีเหมือนกันนะคะ ในไทยก็มีเข้ามา แต่ไม่รู้ว่าราคาเท่าไหร่


โดย: Taffy~* IP: 124.120.0.44 วันที่: 27 มิถุนายน 2550 เวลา:2:00:12 น.  

 
อ่านแล้วน่าลองจังคะ แต่เมืองไทยคงไม่มีขาย สงสัยต้องฝากคนซื้อแล้ว


โดย: ผู้กอง IP: 124.121.93.91 วันที่: 27 มิถุนายน 2550 เวลา:12:07:34 น.  

 
ได้ยินกิตติศัพท์เรื่องครีมอูล่าฯมาเหมือนกันค่ะ

ในไทยเคยได้ยินว่าแพท สุธาสินี เป็นคนนำเข้านะคะ
เค้าใช้ผลิตภััณฑ์ของอูล่า ในสปาของเค้าเลย (ได้ยินว่าได้รับสิทธินำเข้ามาใช้) คุณฟีบี้มาคอนเฟิร์มคุณภาพอย่างงี้ก็น่าสนใจแฮะ


โดย: s.o.s วันที่: 29 มิถุนายน 2550 เวลา:19:45:15 น.  

 
สวัสดีคะ คุณphoebe ติดตาม blog มาซัก 2-3 เดือนแล้วรู้สึกชื่นชมในสิ่งที่คุณphoebe กำลังทำอยู่ ได้ความรู้มากเลย เป็นคุณหมอนะคะ อ่านแล้วก็แอบชื่นชมเลยนะ ถ้าคนเราตั้งใจทำดีซะอย่างไม่ว่ามีอุปสรรคใด หรือใครจะพูดอย่างไรช่างเขาเถอะนะคะ ยังมีคนที่คอยให้กำลังใจอยู่นะคะ
ตอนนี้กำลังทำเรื่องเรียนต่อ psychitist อยู่ เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ


โดย: ooiko IP: 203.113.111.111 วันที่: 30 มิถุนายน 2550 เวลา:15:06:26 น.  

 
โอ้ ละเอียดมาก Truth Serum น่าใช้สุด ๆ

อ่านแล้วน้ำลายหก จดชื่อใส่ไว้ใน wishlist เลย แต่ราคาก็ทำเอาเครียดเหมือนกัน
อิอิ ต้องเก็บเนื้อเก็บตัว ใช้เวลาหน่อย(ก่อนจะซื้อ)


โดย: ชิวเทียน IP: 80.142.24.50 วันที่: 1 กรกฎาคม 2550 เวลา:0:04:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Phoebe Buffay
Location :
ทุ่งหญ้า Canada

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 173 คน [?]




"It's Phoebe! That's, P as in Phoebe; H as in hoebe, O as in oebe; E as in ebe; B as in bebe; and E as in ... Ello there mate." Friends

There is no copyright here, unless otherwise specifically mentioned. If you find it useful, just take it. Thanks!

CHAT BOX



LAST UPDATES
LOSEING WEIGHT (BBC)
SKINCARE MINI SERIES
FAVORITES

Friends' blogs
[Add Phoebe Buffay's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.