Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
13 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

LED Light Therapy


วันนี้มาพูดเรื่องแสงที่กำลังเป็นที่นิยมกันในตอนนี้ ... แต่ก่อนที่จะพูด ก็มารู้จักแสงกันก่อนนิดนึง



เราแบ่งแสงออกเป็นกลุ่มๆ คร่าวๆ คือ แสงที่เรามองเห็น ซึ่งก็ประกอบด้วย ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง ไล่จากความถึ่ต่ำไปหาสูง (400-780 nm) ... ส่วนแสงสีถัดจากสีม่วงไปทางซ้าย ก็จะเป็นแสง ultraviolet (แสงเหนือม่วง หรือ UV) และถัดจาก UV ไปก็จะเป็น x-rays ถัดไปอีกก็เป็น Gamma rays และ Comic rays ... ส่วนด้านใต้สีแดง เราก็เรียกว่า Infrared ... ถัดจาก Infrared ก็จะเป็น Radar, TV และ FM, AM, เสียง อะไรไปโน่นเลย

แน่นอน แสงสีขาวๆ ที่เราๆ มองเห็นกันอยู่ ก็เกิดจากการผสมกันระหว่างแสงสี ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง ... แสงที่ทำลายผิวเราก็จะเป็นแสงที่เหนือสีม่วงขึ้นไป หรือที่เราเรียกมันว่ารังสียูวี

แสงสีน้ำเงินที่เราเห็นเค้าใช้เพื่อการรักษาริ้วรอย มันก็คือแสงที่อยู่ใกล้ๆ สีม่วง มีอำนาจทะลุทะลวงสูงกว่า แสงอีกอันนึงซึ่งกำลังเป็นที่นิยมกัน นั่นก็คือแสงสีแดง ... จำไว้อย่างนึงว่า การใช้แสงสีน้ำเงินด้วยตัวเอง ยังไงก็ต้องใช้อย่างระมัดระวังกันหน่อย เพราะความถี่มันไม่ไกลจาก UV เท่าไหร่นัก ... หากใช้ผิดๆ ก็อาจจะทำลายผิว แทนที่จะทำให้ดีขึ้น

มี papers บางอันพูดถึงการใช้แสงสีน้ำเงินและสีแดง (ร่วมกัน) ที่ความถี่บางช่วง กับผิวหน้า แล้วก็แสดงผลให้เห็นว่าช่วยได้เหมือนกัน

บางคนอาจจะอ่านเจอจากบางเว็บไซด์ ว่า ถ้าอยากลอง ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปซื้อของแพงๆ และไม่ต้องไปหาหมอ ... แต่ให้ลองหาซื้อหลอดไฟสีแดง (red light diode bulb) แล้วก็เอามาใส่โคมไฟ เลือกโคมไฟที่มันมีที่ครอบไม่บานมาก (บอกไม่ถูก) คือ แสงไม่กระจายออกมาก จะได้แสงที่ส่องตรงไปที่ผิวเลย ... หากใครจะลอง ก็ลองกันด้วยความระมัดระวังกันเองนะคะ




จาก papers ต่างๆ เกี่ยวกับแสง ที่ใช้รักษาริ้วรอย รวมไปถึงทรีทเมนต์ผิวให้ดีขึ้น ... ส่วนมากแล้วจะพบการใช้แสงสีแดงมากกว่าการใช้แสงสีน้ำเงิน ... เราก็ขอพูดถึงแสงสีแดงก็แล้วกัน (เพราะเราไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับแสงสีน้ำเงินมากพอ)



papers ส่วนมาก ใช้ infrared (หรือแถวๆ infrafed) ที่ความถี่แคบๆ เฉพาะเจาะจงไป ... ซึ่งก็มีผลงานวิจัยออกมาค่อนข้างมาก ที่ว่า Infrared (ที่ความถี่บางช่วง) มีผลต่ออัตรา metabolism รวมไปถึงการทำงานของเอนไซม์บางอย่างด้วย ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ... infrared ก็น่าจะมีส่วนในการช่วยเรื่องการลดอาการอักเสบแสบแดงได้ ... และก็มีการทดลองมากมาย ที่ใช้ infrared ในการทรีทรอยแดง ซึ่งส่วนมากก็จะเน้นไปที่การลดอาการแดงของคนที่เป็น rosacea ... ซึ่งก็พบเห็นได้มากมาย ... หรือแม้กระทั่งการใช้ลดอาการระคายเคืองหรือการอักเสบ หลัง procedures บางอย่าง ... มากกว่าที่จะใช้ลดริ้วรอย (ที่เกิดจาก photodamage)




Paper#1 [1]

paper อันนี้เป็นการทดลองใช้ LED หลังการทำ IPL โดยมีจุดปรสงค์เพื่อทำให้รอยแดงจางลงเร็วขึ้น และลดอาการแสบแดงให้น้อยลง ... ทดลองกับ 15 subjects ... หลังจากที่ทำ IPL แล้ว หน้าครึ่งนึงจะได้รับการทรีทเพิ่มเติมด้วย LED ส่วนอีกครึ่งนึงก็ไม่ทำ LED ... การทำ LED จะทำวันละครั้ง ครั้งละ 35 วินาที เป็นเวลา 1 สัปดาห์

ผลที่ได้พบว่าการใช้ LED ช่วยให้รอยแดงจางหายไปเร็วกว่า และ 4 คน (จาก 15 คน) พบว่า LED ช่วยลดอาการระคายเคืองได้




Paper#2 [2]

อันที่สองนี้ เป็นการใช้แสง near infrared เดี่ยวๆ ในการช่วยทรีทผิวให้กระจ่างใสขี้น โดยเค้าใช้ LED สองความถี่คือ 633 nm และ 830 nm ที่ความแรงที่แตกต่างกัน ... และได้ทำการประเมินผลเพื่อสังเกตุความเปลี่ยนแปลงของผิวในช่วงสัปดาห์ที่ 9 และ 12

ผลที่ได้คือ สัปดาห์ที่ 12 พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ริ้วรอยจางลง และผิวกระจ่างใสขึ้น ... แล้วเค้าก็สรุปออกมาว่า แสงดังกล่าวสามารถช่วยทำให้ริ้วรอยและผิวดูกระจ่างใสขึ้นจริง

แต่ก็มีหลายคนคัดค้านการทดลองว่า การทดลองแบบนี้ ควรจะทดลองแบบครึ่งหน้า เพราะจะได้มีการเปรียบเทียบอย่างชัดเจน เพราะไม่ว่าจะเป็นรูปถ่าย หรือ ความรู้สึกของคนที่ทดสอบเอง เวลา 3 เดือนผ่านไป อะไรๆ มันก็เลือนลาง ไม่ชัดเจนนัก




Paper#3 [3]

ส่วนอันสุดท้าย เค้าใช้แสงสีน้ำเงิน (ช่วงความถึ่ 405-420nm) และ แสงใกล้ๆ infrared (850-900 nm) ร่วมกับการใช้ glycolic acid peel และ vitamin c ร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อการรักษาริ้วรอยที่เกิดจากการถูกทำลายจากรังสียูวีและสภาวะแวดล้อม ... เค้าทดสอบกับคนสองกลุ่ม

กลุ่มที่ 1: ใช้ blue และ near-infrared คู่กับ glycolic acid peel และ vitamin c
กลุ่มที่ 2: ใช้ glycolic peel และ vitamin c อย่างเดียว ไม่ใช้แสง

ผลออกมาว่า

กลุ่มที่ 1: เห็นผลชัดเจน คือ รูขุมขนดูเล็กลง และก็ผิวดูใสขึ้น (เค้าใช้คำว่า radiance)
กลุ่มที่ 2: เห็นผลไม่ชัดเจนเท่ากลุ่มแรก คือ รูขุมขนไม่เล็กลง แต่ผิวก็ดู radiance ขึ้น

แล้วเค้าก็สรุปว่า แสงมีส่วนช่วยในการเสริม (enhance) ประสิทธิภาพในการช่วยให้ผิวกระจ่างใสได้

แต่เราก็ยังแบบ ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นะ คือ ทำไมเค้าไม่ทดลอง 3 กลุ่ม ... เพ่ิมกลุ่มที่ 3 ไป คือ ใช้แสงอย่างเดียวเลย (คือ ไม่มี glycolic acid peel และ vitamin c เลย) ... จะได้ให้เห็นกันชัดๆ ไปเลย ... แต่เราแอบเดาว่า มันอาจจะไม่ให้ผลในทางบวก (เค้าคงทดสอบอ่ะนะ) เค้าก็เลยไม่ได้เอามาใส่ในการทดลอง (ไม่งั้นแล้ว ไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลอะไรที่ฟังขึ้นเลย) ... อีกอย่างก็ควรจะทดลองแยกแสงทั้งสองด้วย เพราะจะได้รู้ว่าแสงสีไหนที่มีส่วนในการช่วยให้ได้ผลที่ดีขึ้น หรือทั้งสองสี ก็ควรจะทดสอบให้เห็นชัดเจนกันไปเลย




สรุปละกัน

เราคิดว่า ... มันก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะเชื่อได้ว่าการใชิ infrared ที่ความถี่เหมาะสม (ไม่รู้ว่าช่วงไหนของ infrared เหมือนกัน) ก็น่าจะช่วยเรื่องการสมานแผล ลดการระคายเคืิอง ลดการแสบแดง ได้

ส่วนใครจะซื้อ LED มาใช้เอง ... ก็จำไว้ว่า ที่เค้าทำๆ กัน เค้าทำใน lab ในสิ่งแวดล้อมที่ควบคุมให้เหมาะสมนะคะ ... Use at your own risk นะคะ

ส่วนเรื่องริ้วรอย ... เราก็ไม่อยากจะฟันธงอะไรลงไปว่ามันช่วยลดริ้วรอยได้จริงหรือเปล่า ... การทดลองเกี่ยวกับการใช้แสงลดริ้อวรอย ส่วนมากจะยังไม่ค่อยจะน่าเชื่้อถือ และไม่ค่อยจะแฟร์เท่าไหร่นัก เราเองก็คงต้องรอคอยกันต่อไป ดูกันไป ศึกษากันไป ... แต่ใจลึกๆ เราคิดว่ามันคงไม่ช่วยอะไรมาก เพราะถ้าทำได้ ... พวกครีม พวกการผ่าตัด ดึงโน่น เสริมนี่ คงจะขายกันไม่ออกแล้วหล่ะ




[1] Khoury JG, Goldman MP (2008). Use of light-emitting diode photomodulation to reduce erythema and discomfort after intense pulsed light treatment of photodamage. Cosmet Dermatol., 7(1):30-4.

[2] Russell BA, Kellett N, Reilly LR (2005). A study to determine the efficacy of combination LED light therapy (633 nm and 830 nm) in facial skin rejuvenation, Cosmet Laser Ther, 7(3-4):196-200.

[3] Fournier N, Fritz K, Mordon S (2006). Use of nonthermal blue (405- to 420-nm) and near-infrared light (850- to 900-nm) dual-wavelength system in combination with glycolic acid peels and topical vitamin C for skin photorejuvenation, Dermatol Surg, 32(9):1140-6.



ปล ทำไม bloggang ถึงได้บล๊อคคำว่า (แอบงง) ... นั่งหาตั้งนานกว่าจะเจอว่าติดคำไหน T_T




 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2552
11 comments
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2552 8:51:42 น.
Counter : 5957 Pageviews.

 

แสงสีแดงมีใช้กับผิวด้วยหรือคะเนี่ย?

เพราะเคยเห็นในร้านตัดผมอ่ะค่ะ เค้าเอาเครื่องอะไรก็ไม่รู้มาปล่อยแสงสีแดงๆบนผมขอลูกค้าคนหนึ่ง ที่ร้านเค้าบอกว่ามันเป็นการทำทรีตเมนต์ บำรุงเส้นผม แต่ดูสภาพเครื่องแล้วไม่ค่อยน่าเชื่อถือ เครื่องมันดูห่วยๆ เหมือนมาจากเมืองจีนยังไงก้ไม่รู้

 

โดย: น้องใหม่ IP: 124.157.235.90 13 กุมภาพันธ์ 2552 12:27:54 น.  

 

Thank you soooo much ka khun Phoebe. I really appreciate that you take your time to do some research. It cleared up all my doubts about red light therapy. I wasn't so sure for a while, whether I should try it or not. I did some research of my own, but I really needed your second opinion since you're my skincare guru!!!

Thanks again ka. I hope you're more and more beautiful everyday ka :-)

 

โดย: cocoa little IP: 69.158.187.231 13 กุมภาพันธ์ 2552 13:56:12 น.  

 

เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันไปไกลขนาดนี้เลยหรือนี่ แต่ถ้าให้เอาแสงมาส่องหน้าเองนี่ไม่กล้าอะค่ะ ออกจะน่ากลัวไปหน่อย

 

โดย: ningpotter IP: 202.183.183.226 13 กุมภาพันธ์ 2552 15:52:26 น.  

 

ตอนนี้ทางทันตกรรมก็เอาแสงสีฟ้ามาใช้ในการฉายแสง วัสดุอุดฟันสีเหมือนฟันค่ะ ก็ใช้หลอดLED แต่เราไม่แน่ใจว่าเป็นประเภทเดียวกับที่คุณฟีบี้ว่ารึเปล่า
เพราะเอามาช่วยในการแข็งตัวของวัสดุอุดฟันน่ะค่ะ ทำให้วัสดุแข็งตัวเร็วขึ้น จากที่เคยฉาย40 วินาที ก็เหลือแค่ 10-20 วินาทีค่ะ

 

โดย: singlemom IP: 202.149.25.238 14 กุมภาพันธ์ 2552 13:43:28 น.  

 

ได้ซื้อเครื่องทำนองนี้จากอีเบย์มาค่ะ ( เราใช้คีย์เวิร์ด Led light ในหมวด health&beauty) มีทั้งแบบฉายหน้าและฉายฟัน ขายกันละลานตาไปหมด ส่วนตัวรู้สึกว่าไม่ค่อยได้ผลชัดเจน แต่ก็ไม่ได้แย่ลง คิดว่ามันเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างหนึ่ง การที่เอามันมาใกล้ๆผิว ก็ไม่แน่ใจเรื่องประจุของมันจะมีผลข้างเคียงกับผิวแค่ไหน แต่ก็น่าซื้ออยู่ ถ้ามันได้ผลแบบที่เขาเขียนบรรยายสรรพคุณจริงๆ (ในอีเบย์)

 

โดย: ชุติกาญจน์ 15 กุมภาพันธ์ 2552 4:03:59 น.  

 

ขอบคุนพี่ฟิบี้ ที่เอาข้อมูลดี ๆ มาแบ่งปัน

ว่าแต่พูดเรื่องไรกันเนี่ย ข้าน้อยมึนนน

เอาแสงมาจ่อกับหน้า !! เอาเทียนไขลนคางท่าจะสนุกกว่านะ ว่ามะหนิ

 

โดย: MoMo IP: 124.121.135.193 17 กุมภาพันธ์ 2552 1:42:41 น.  

 

ตั้งใจว่าจะซื้อให้แม่ในวันเกิดที่จะถึงนี้ ราคาก็ไม่แพงมาก และดูเหมือนจะเชื่อใจได้ เพราะดาราดังหลายคนมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้

 

โดย: ตองดี IP: 117.47.133.12 17 กุมภาพันธ์ 2552 12:46:58 น.  

 

อ้วน น้ำหนัก

 

โดย: mlmboy 27 กุมภาพันธ์ 2552 2:56:43 น.  

 

คุณฟิบี้คะ
รบกวนดูนี่ให้หน่อยคะ ว่าจะซื้อครีมกันแดดอยู่ แต่ไม่แน่ใจว่ายี่ห้อนี้จะ ok มั้ย เพื่อน ว่าไงดีค่ะ ลองวิเคราะห์กันหน่อย รบกวนด้วยจ้า


ชื่อสินค้า: Must have Item ของเจนิเฟอร์อนิสตัน กับ แบรดพิทท์Obagi Nu-Derm SPF35 กันแดดที่คุณหมอผิวหนังแนะนำ และเป็นแบรนด์เดียวที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติของเมการับรอง






Obagi Nu-Derm Healthy Skin Protection SPF35 30 ml.

COUNTRY OF ORIGIN : USA

OBAGI เป็นเวชสำอางค์ที่ คิดค้นโดยนายแพทย์ชาวญี่ปุ่น ที่อยู่ในอเมริกา เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่นิยมทั้งในอเมริกาและญี่ปุ่น โดยผลิตภัณฑ์ที่เด่นที่สุด ก็คือ ผลิตภัณฑ์กันแดดของ OBAGI รุ่นObagi Nu-Derm Healthy Skin Protection SPF35

เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์เดียวที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาให้การยอมรับและ recommend ให้ใช้(อยู่ในฉลากบนหลอด) นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์กันแดดรุ่นนี้ ยังเป็นที่นิยมของเหล่า celeb อย่าง Brad pitt ,เจนนิเฟอร์ อนิสตัน ,เจนิเฟอร์ เลิฟ gเป็นต้น

คุณสมบัติ

•ช่วยป้องกันผิวจากรังสี UVAและ UVB อย่างเต็มประสิทธิภาพ



•ประกอบด้วย

-micronized zinc oxide 9% -Octinoxate 7.5%

วิธีใช้


• ทาครีมกันแดดในช่วงเช้า ก่อนออกจากบ้านประมาณยี่สิบนาที

คิ้วท์คลับรีวิว

กันแดดตัวนี้ได้ยินชื่อครั้งแรกตอนไปหาคุณหมอผิวหนังที่คลีนิค แล้วถามหมอว่าใช้กันแดดยี่ห้ออะไรดีเนื่องจากเราเป็นคนหน้าหมองง่ายแล้วก็สิวขึ้นง่ายๆมากๆ คุณหมอแนะนำให้ไปหาซื้อเจ้ายี่ห้อ"โอบากิ"

คุณหมอบอกว่าที่เมืองนอกกับที่ญี่ปุ่นแรงมาพักนึงแล้ว เนื่องจากเป็นกันแดดแบรนด์เดียวที่สถาบันมะเร็งแห้งชาติของเมกาเรคคอมเมนด์ ให้ใช้ ได้ยินดังนั้นเลยรีบฝากเพื่อนสาวซ์้อที่ญี่ปุ่นให้ พอได้ลองก็รู้สึกชอบที่ตัวเนื้อกันแดดเป็นลักษณะฟลูดอิดทาลงไปแล้วซึมเลยหน้าไม่มัน สาวออกแดดจัดอย่างเรา เลยตัดสินใจลองเปลี่ยนมาใช้ตัวนี้ซักพัก ปกติเล่นเทนนิสกลางแดดนตอนเช้าถึงสาย เคยทาเอสพีเอฟห้าสิบยังแอบหมอง ตอนแรกยังกลัวว่าเอสพีเอฟแค่สามสิบห้าจะพอได้ไง เวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ปรากฏว่าหน้าไม่หมอง และจนถึงตอนนี้ยังไม่แพ้ และไม่สิว และที่สำคัญทำให้ทาแป้งเนียนขึ้นอีก แต่ติดที่ราคาสูงซักนิด แต่ยอมให้เพราะของเค้าดีจริง ไซส์จริงขายอยู่ที่พันห้าร้อยกว่าๆ



 

โดย: กาญจน์ IP: 203.170.231.232 3 มีนาคม 2552 19:25:16 น.  

 

ลองsearch google คำว่า acne blue light ดูนะครับ มีข้อมูลทางวิชาการมาก
เพราะ blue lightใช้ในการฆ่าเชื้อสิว

 

โดย: ผ่านมา IP: 110.164.116.75 16 ตุลาคม 2552 17:19:28 น.  

 

blue light เคยไปนอนให้คลีนิกฉายใส่หน้ามาแล้วค่ะ
ของเราไม่ได้ผลค่ะ เพราะสิวที่เกิดมาจากสาเหตุฮอร์โมนและปัญหาที่เซลล์ผิวผลัดตัวไม่ดี ทำให้มีการอุดตันบ่อย เป็นสิวบ่อย หมอบอกว่าต้องให้แก่หมดฮอร์โมนนั่นแหละถึงจะหายขาดจากสิว เอาBlue light ส่องตลอดชาติก็ไม่หายค่ะ
แค่ฆ่าเชื้อสิวคงไม่พอ เรานะ พวกยาทาที่ฆ่าเชื้อสิวได้ ยังใช้ไม่ได้ผลเลยค่ะ ต้องทายาลดการอุดตันและผลัดผิวบ่อยๆ พวกสิวถึงจะขึ้นน้อยลง

 

โดย: jkl IP: 118.172.62.131 13 เมษายน 2553 18:04:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Phoebe Buffay
Location :
ทุ่งหญ้า Canada

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 173 คน [?]




"It's Phoebe! That's, P as in Phoebe; H as in hoebe, O as in oebe; E as in ebe; B as in bebe; and E as in ... Ello there mate." Friends

There is no copyright here, unless otherwise specifically mentioned. If you find it useful, just take it. Thanks!

CHAT BOX



LAST UPDATES
LOSEING WEIGHT (BBC)
SKINCARE MINI SERIES
FAVORITES

Friends' blogs
[Add Phoebe Buffay's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.